โจวกุ้ยหลานยิ้มและส่ายหน้า “ท่านลุง ข้ารับแค่การแลกเปลี่ยนที่นา ถ้าใช้เงินซื้อ เกรงว่าพวกเขาจะเอาไปขายต่อ ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่สู้ข้าเอาไปขายให้เถ้าแก่ไป๋จะดีกว่า ยังได้เงินมากกว่าด้วย”
“แต่ที่นาเป็นชีวิตของชาวบ้านเลยนะ……”หวังโหยวเกินยังพยายามดิ้นรน
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “แทบจะสูญเสียชีวิตกันแล้ว จะมีที่นาไว้ทำไม พวกท่านไม่มีเมล็ดพันธุ์สำหรับปลูกแล้วไม่ใช่หรือ”
คำพูดประโยคนี้วทำให้หวังโหยวเกินรู้สึกกระดากอายอีกครั้ง สายตาไม่กล้ามองไปที่โจวกุ้ยหลาน
ในเมื่อพูดกันถึงขั้นนี้แล้ว โจวกุ้ยหลานก็ไปปกปิดอะไรอีกต่อไป พูดว่า “ข้าจะขอพูดตรงๆ พวกท่านมีที่นามาก สามารถเอามาแลกแค่แปลงสองแปลงก็ได้ ยังสามารถเอาเมล็ดพันธุ์ไปปลูกต่อเพื่อประทังชีวิต หรือภายหน้าจะเช่าที่นาของข้าในการปลูกก็ได้ ”
หวังโหยวเกินพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ได้ เช่นนั้นข้าจะไปคุยกับชาวบ้านให้”
“เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ฝากท่านลุงด้วย ออใช่แล้ว คนที่ไปปล้นเสบียงอาหาร บ้านข้าทางหมู่บ้านจะจัดการอย่างไร”โจวกุ้ยหลานพูดขึ้น หรี่ตามองหวังโหยวเกิน
“เจ้า เจ้าว่าพวกเราควรจะจัดการอย่างไรดี”หวังโหยวเกินถามอย่างระมัดระวัง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่เกรงใจแล้ว “ถ้าหากคนในหมู่บ้านทำร้ายกันเองจนตาย จะทำอย่างไร”
“เช่นนั้น เช่นนั้นก็ต้องตีให้ขาหัก แล้วชดใช้เงิน ……”หวังโหยวเกินพูด เห็นสีหน้าของโจวกุ้ยหลานไม่ค่อยจะดีนัก ก็รีบหุบปากทันที
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “เบาเกินไป ฆ่าคนแล้ว ย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
“กุ้ยหลาน ต่างก็ ต่างก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน พวกเขา พวกเขาก็ไม่ได้ฆ่าใครด้วย ……”หวังโหยวเกินตกใจจนต้องรีบอธิบาย
คนเหล่านั้นล้วนเป็นแรงงานสำคัญของหมู่บ้าน ถ้าหากจัดการให้ตายไปจริงๆ แล้วครอบครัวของพวกเขาจะทำอย่างไร
หวังโหยวเกินร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ใครจะไปคิดว่ากุ้ยหลานที่แต่งงานไปแล้วไม่เคยมีปากมีเสียงมาก่อนจะมีความสามารถขนาดนี้
คนเหล่านั้นก็สมควรตายจริงๆ เขาแทบจะเป็นบ้าแล้ว ทำไมจึงต้องก่อเรื่องตอนที่เขาไม่อยู่ด้วยนะ
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “เป็นเพราะบ้านข้ายังมีเสบียงอาหาร อยู่ ถ้าหากไม่มีเสบียงอาหาร แล้ว ที่พวกเขาปล้นไปเท่ากับเป็นเสบียงอาหาร ที่เอาไว้ช่วยชีวิตคนในบ้านข้า ไม่เท่ากับทำให้คนบ้านข้าต้องตายหรือ”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมาทำเอาหวังโหยวเกินไม่มีคำพูดใดจะโต้ตอบได้
ในเวลานี้แม้แต่เสบียงอาหาร เพียงเล็กน้อยก็ช่วยชีวิตคนได้ ถ้าหากบ้านพวกเขามีผู้ชายอยู่ด้วย เกรงว่าคงจะต้องเกิดเรื่องถึงขั้นเอาชีวิตแน่
“ท่านลุงโหยวเกิน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายและแม่ข้า หมู่บ้านจะทำอย่างไร ถ้าหากพวกเขากินอาหารเหล่านั้นหมดแล้วไปปล้นบ้านอื่นๆในหมู่บ้านอีก ถึงตอนนั้นท่านจะทำอย่างไร ถ้าหากไม่ควบคุมพวกเขา คนอื่นที่เหลือในหมู่บ้านฆ่าคนเพื่อปล้นเสบียงอาหาร แล้วท่านจะจัดการอย่างไร”
รัวคำถามมาเป็นชุด ทำให้หวังโหยวเกินรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก
“ถ้าหากเป็นคนหมู่บ้านอื่น ข้าคงจัดการทันที แต่เห็นแก่ที่พวกเขาเป็นคนในหมู่บ้าน ข้าจึงปล่อยพวกเขาไปสักครั้ง แต่ในเมื่อเอาเสบียงอาหาร ของบ้านข้าไปกิน ที่นาของพวกเขาย่อมต้องเป็นของข้า ส่วนบ้านและที่ดินของพวกเขา ยังคงเก็บไว้ให้พวกเขา”
นางไม่ใช่คนที่เจรจาได้ง่ายๆ หรือปล่อยให้คนอื่นมารังแก ถ้าหากปล่อยพวกเขาไปโดยไม่ทำอะไรเลย ถึงเวลาใครจะมาแลกเสบียงอาหาร กับนาง คงเข้ามาปล้นนางจนหมด
หวังโหยวเกินได้ยินสิ่งที่นางพูดแล้วสีหน้าแดงสลับซีด
“กุ้ยหลาน พวกเขาต่างก็มีครอบครัวเป็นภาระ เอาอย่างนี้ ถือว่าเห็นแก่หน้าลุงก็แล้วกัน ปล่อยพวกเขาไปสักครั้ง ข้ารับประกันว่าวันหน้าพวกเขาจะไม่กล้าทำผิดอีก”
“แล้วถ้าพวกเขายังทำผิดอีกเล่า ท่านลุงจะรับผิดชอบอย่างไร”โจวกุ้ยหลานก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เช่นเดียวกัน จ้องมองหวังโหยวเกินโดยตรง
หวังโหยวเกินประสานสายตากับนางชั่วครู่ รู้สึกตระหนกในใจยิ่งนัก
ถ้าหากพวกเขาไปปล้นอีก เช่นนั้น กุ้ยหลานจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร
ไม่แลกเปลี่ยนเสบียงอาหาร ให้เขา
ไม่ได้ไม่ได้ ทำอย่างนั้นเท่ากับเอาชีวิตคนในครอบครัวเขาเชียวนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...