นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 314

ต่อให้น้ำท่วมไปทั้งจังหวัด ผู้คนโดยมากก็มิยอมเดินทางจากบ้านเกิดตนง่ายๆ เพราะว่าบัดนี้พวกเขาทุกคนล้วนพากันเดินทางออกมา นั่นหมายความว่าใกล้จะอดตาย

หากตามปกติแล้วนั้น คลังอาหารของแต่ละมณฑลควรจะนำอาหารออกมาแจกจ่ายเพื่อประทังชีวิตแก่ทุกคนก่อนมิใช่หรือ แล้วค่อยรออาหารจากราชสำนัก

“คลังของแต่ละเขต เรียกได้ว่าว่างเปล่าสิ้นแล้ว” ไป๋ยี่เซวียนกล่าว

โจวกุ้ยหลานรอฟังประโยคต่อไปของเขา

เขาหยุดลงชั่วคราวแล้วกล่าวต่อว่า “หลายปีมานี้ แคว้นเหลียงของเราสู้รบมาตลอด ใช้กำลังของชาติไปจนสิ้น ประกอบกับ......”

เขาเหลือบมองดูโจวกุ้ยหลานแล้วกล่าวต่อไปว่า “นายอำเภอเหล่านั้นจะมิให้ธัญพืชถูกเก็บไว้โดยเปล่าประโยชน์แน่ มิเช่นนั้นนายอำเภอหลายๆ คนเหตุใดจึงมีภรรยามากมายเล่า คิดว่าอาศัยเพียงเงินเดือนแต่ละเดือนของพวกเขาหรือ?”

สีหน้าของไป๋ยี่เซวียนดูเยาะเย้ย

โจวกุ้ยหลานนิ่งเงียบ นางเดาได้ว่าในอำเภอชางจวี้น พวกเขาคงมิมีคลังเสบียงแล้ว แต่คิดมิถึงว่าเขตอื่นๆ ก็จะคล้ายคลึงกัน

เมื่อมิกี่วันก่อนที่ยังคงอยู่ในอำเภอชางจวี้น พบว่าผู้ลี้ภัยมีมิมากนัก แต่หลังออกจากอำเภอชางจวี้นแล้ว กลับพบว่าเขตของพวกเขายังนับว่ามิเลวร้ายนัก

“งั้นอาหารจากราชสำนัก?” โจวกุ้ยหลานถามต่อ

รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋ยี่เซวียนดูลึกล้ำขึ้น เขาเสียดสีอย่างรุนแรง “คาดว่าทางราชสำนักคงมิมีอาหารเพียงพอจะกินแล้ว จะเอาอาหารที่ใดบรรเทาภัยพิบัติเล่า ต่อให้มีก็คงมิมาถึงมือผู้ลี้ภัยเหล่านี้หรอก”

โจวกุ้ยหลานนิ่งเงียบ แล้วก้มหน้าลงมองดูบุตรชายทั้งสองของตนด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน

เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นระดับจังหวัด กำลังคนเพียงแค่คนหนึ่งคงมิอาจช่วยเหลือพวกเขาทั้งหมดได้ ส่วนคนที่รอก็เท่ากับตาย

บางที......อาจจะยังมีหนทางอื่น นั่นก็คือ เผา ปล้น ฆ่า

“ดูเหมือนพวกเราจะต้องเร่งรีบเดินทางแล้ว ยิ่งช้าจะยิ่งอันตราย” โจวกุ้ยหลานกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ไป๋ยี่เซวียนถอนหายใจว่า “ดูเหมือนเจ้าจะคิดถูก พวกเราควรจะไปจ้างหน่วยคุ้มกันมาคุ้มกันเรา มีผู้คุ้มกันเพียงแค่สี่คนน้อยไปเหลือเกิน......”

สำหรับประโยคนี้ของเขา โจวกุ้ยหลานก็เห็นด้วย

รถม้าวิ่งไปอย่างดุเดือด เมื่อพวกเขาพบผู้ลี้ภัยอยู่กลางถนน ก็ทำได้เพียงวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นจ้องมองมาที่รถของพวกเขาด้วยแววตาสับสนและมีความโลภผสมปนเป

ระหว่างการเดินทางนั้น พวกเขามิกล้าที่จะพักในโรงเตี๊ยมอีกต่อไป แต่ละวันเมื่อหิวก็กินอาหารแห้ง หากคนขับรถเหนื่อยก็จะเปลี่ยนกันขับ

แม้โจวกุ้ยหลานจะสงสารลูกๆ ทั้งสองคนเป็นยิ่ง แต่นางก็มิกล้าสั่งให้หยุดรถม้าเพื่อพักผ่อนในเวลานี้

สองวันผ่านไปในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองเภ่

แต่ในเวลานี้ประตูเมืองเภ่ถูกปิดอยู่อย่างแน่นหนา ผู้ลี้ภัยจำนวนมากเฝ้ารออยู่ที่หน้าประตู และที่ประตูเมืองมีทหารจำนวนมิน้อยคอยเล็งลูกธนูมายังผู้ประสบภัยเหล่านั้น

ไป๋ยี่เซวียนหันมาสบตากับโจวกุ้ยหลาน ทั้งสองคนสนทนากัน ไป๋ยี่เซวียนเปิดม่านลงจากรถม้า

โจวกุ้ยหลานกอดลูกทั้งสองคนไว้แน่นแล้วนั่งนิ่งอยู่ในรถ

หลังจากนั้นมินานก็ได้ยินเสียงตะโกนของไป๋ยี่เซวียน พบว่าประตูเมืองถูกเปิดออก ทหารแต่ละคนเดินทางออกมาในมือถือหอกและโล่เพื่อป้องกันประตูเมืองจำนวนมาก

ไป๋ยี่เซวียนกลับมานั่งรถแล้วสั่งให้คนขับรถขับเข้าไปในเมือง

เมื่อรถม้าทั้งสามของพวกเขาตรงเข้าไปในเมืองแล้ว ทหารเหล่านั้นก็กลับเข้าไปในเมืองแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปมินานไป๋ยี่เซวียนก็ออกมาอีกครั้ง และสนทนากับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงกำแพงเมืองคนหนึ่ง หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ไป๋ยี่เซวียนจึงได้กลับมาแล้วกล่าวกับโจวกุ้ยหลานว่า “พวกเราจะไปกินอาหารที่บ้านใต้เท้าเว่ยกัน เจ้าจงเตรียมตัว”

ใต้เท้าเว่ยคงจะเป็นคนใหญ่หัวหน้าที่คอยคุ้มการอยู่ที่กำแพงเมืองสินะ

โจวกุ้ยหลานพยักหน้ารับรู้ ไป๋ยี่เซวียนกลับมานั่งลงในรถม้า จากนั้นใต้เท้าเว่ย ก็กระโดดขึ้นขี่ม้าของตนเอง วิ่งนำไปข้างหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา