เมื่อก่อนก็ไม่เคยกินอิ่ม ล้วนเคยชินแล้ว แต่ระยะเวลาหนึ่งเดือนมานี้ โจวกุ้ยหลานทำกับข้าวอร่อยไม่น้อยให้กินทุกวัน กระเพาะของพวกเขาก็ถูกกินจนใหญ่แล้ว ได้กินอิ่มทุกวัน ใครจะไปยินยอมให้หิว? นี่ไม่ได้กินอย่างกระทะหัน ก็หิวจนทนไม่ไหวแล้ว
ได้ยินเสียงดังประระลอกต่อเนื่อง อาจารย์โมโหอย่างมาก ลุกขึ้นมาก็จะด่าพวกเขา แต่ด่าไปไม่ถึงสองประโยค ท้องของเขาเองก็ดังขึ้นมา
ใบหน้าเขาแดงก่ำ สุดท้ายก็ให้นักเรียนสองคนไปตั้งร้านเขียนจดหมายอย่างโมโห เพื่อหาเงินซื้ออาหาร
เวลาอาหารเย็น โจวกุ้ยหลานซื้อซี่โครงมาหนึ่งพันชั่ง ต้มน้ำแกงพร้อมกับเห็ด
กลิ่นหอมนั้นลอยมาจากห้องครัว ลอยเข้าไปในห้องเรียนของพวกเขา ลอยเข้าไปในจมูกของนักเรียนเหล่านั้นและอาจารย์
กลิ่นหอมนี้ออกมา พวกซิ่วฉายที่หิวมาทั้งวันแต่เดิมแล้ว ก็ยิ่งหิวเข้าไปอีก
พวกเขาพยายามตั้งสติ แต่ยังไงก็ทำไม่ได้
ความทรมานเช่นนี้ต่อเนื่องกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วยาม ในที่สุดโจวกุ้ยหลานก็เรียกลูกสองคนของนางไปกินข้าว
รุ่ยอานและรุ่ยหนิงตามโจวกุ้ยหลานและช่างไม้ดื่มน้ำแกงกินเนื้อด้วยกัน จนอิ่มถึงได้ทำงานต่อ
ช่างไม้คนนี้ทำแท่นวางหนังสือจนเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังช่วยโจวกุ้ยหลานทำป้ายไม้และถาดที่นางขอ
รอจนซิ่วฉายสองคนนั้นกลับมา ทั้งสองได้เงินมารวมกันสิบอีแปะ ซื้อข้าวสารมาแค่นิดเดียว พวกเขาไปหุงเองแล้ว กินคนละไม่ถึงสองคำก็หมดแล้ว
นี่ไม่กินยังดี กินไปแล้วก็ยิ่งหิวแล้ว
ตลอดทั้งคืน คนเหล่านี้พลิกไปพลิกมานอนไม่หลับ มีสองคนทนไม่ไหว วิ่งไปถามโจวกุ้ยหลานว่าทำไมถึงไม่ให้พวกเขากินข้าวอย่างกะทันหัน
โจวกุ้ยหลานก็เล่าเรื่องที่อาจารย์บอกว่าคนทำนาเป็นเรื่องต่ำต้อยที่คนต่ำต้อยทำให้พวกเขาฟัง จากนั้นก็ให้ซิ่วฉายที่ผอมแห้งทั้งสองคนแทะหนังสือดีๆ ให้ตัวเองอิ่มท้อง
ซิ่วฉายทั้งสองคนถูกว่าจนหน้าดำหน้าแดง กลับไปก็ถูกทุกคนซักถาม พูดเรื่องนี้ไปแล้ว คนอื่นได้ยินก็สีหน้าสีสันหลากหลาย
ซิ่วฉายทั้งหลายที่หิวบางส่วนก็หลับแล้ว บางส่วนทนมาทั้งคืนก็นอนไม่หลับ เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ตื่นมาพร้อมความหิว เริ่มการเรียนตอนเช้า
โจวกุ้ยหลานก็ทำอาหารเช้าหลากหลายมากมาย พาลูกทั้งสองคนกินอยู่ ให้พวกเขาอ่านหนังสือต่อ
อาจารย์สุดทน ครั้งนี้ส่งนักเรียนสามคนไปเขียนหนังสือหาเงิน
มองดูนักเรียนสามคนแบกข้าวของเดินออกไป โจวกุ้ยหลานยังใจดีให้น้ำชาคนละเหยือกกับพวกเขา ให้พวกเขาดื่มเวลาหิว
โจวกุ้ยหลานเดินกลับมา สบตาเข้ากับอาจารย์ที่มองออกมาจากหน้าต่างพอดี อาจารย์ทำเสียงเย็นชา หันหน้ากลับไปมองหนังสือในมือของตัวเองต่อ
ส่วนซิ่วฉายเหล่านั้น แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวด จับท้องของตัวเองไว้ อ่านหนังสือในมือของตัวเองอย่างไร้เรี่ยวแรง
โจวกุ้ยหลานหัวเราะเสียงเบา “จากประหยัดไปฟุ่มเฟือยง่าย จากฟุ่มเฟือยไปประหยัดมันยาก”
พูดจบ ก็ไปในสวนต่อ สอนช่างไม้ให้ทำสิ่งของเหล่านี้ยังไง
ช่างไม้คนนี้ก็หัวไวมือคล่อง หลายวันมานี้ ก็ทำถาดและป้ายเสร็จไม่น้อยแล้ว
โจวกุ้ยหลานถามเขาอีกว่า สามารถช่วยทำตุ๊กตาไม้รูปร่างต่างๆนานาอีกสักหน่อยได้หรือไม่ ช่างไม้คนนั้นมองดูภาพสิ่งของรูปร่างประหลาดที่โจวกุ้ยหลานวาด ก็พูดอย่างเกรงใจว่าจะพยายาม
เที่ยงวันนั้นนักเรียนสามคนนั้นกลับมาแล้ว ยังนำข้าวสารกลับมาสามพันชั่ง ทุกคนรีบหุงต้ม ดื่มข้าวต้มไปคนละถ้วย ในที่สุดก็สายขึ้นมาหน่อย
แต่ชีวิตแบบนี้ต่อเนื่องกันไม่ถึงสองวัน นักเรียนคนหนึ่งก็ล้มป่วยแล้ว ยังเป็นไข้ด้วย
อาจารย์ให้เขานอนพักในห้องของพวกเขา ให้คนอื่นเรียนหนังสือต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...