นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1429

เรื่องการบาดเจ็บที่มือของเฟิ่งชิงเฉินถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดี ซุนซือสิงไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ประกอบกับอาการที่ไม่คงที่ของฉินเป่าเอ๋อ ซุนซือสิงจึงเอาแต่วุ่นอยู่กับการดูแลฉินเป่าเอ๋อ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะละเลยเรื่องพวกนี้ไปบ้าง

แคก แคก......แม้ว่าซุนซือสิงจะไม่ได้ละเลย เฟิ่งชิงเฉินก็จำเป็นต้องโกหกเขา มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที เขากับเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่อาจเอามาเทียบกันได้

เนื่องจากฉินเป่าเอ๋อเสียเลือดมากระหว่างการผ่าตัด เมื่อการผ่าตัดสิ้นสุดลงแล้ว ร่างกายของนางก็อ่อนแอลงเป็นธรรมชาติ นางฟื้นขึ้นมาหลังจากผ่านไปสองวัน เมื่อฟื้นขึ้นมาสถานการณ์ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ไข้ของนางยังคงไม่ลดลง และอาจเกิดอาการติดเชื้อหลังผ่าตัดได้

เผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถเดินทางกลับเมืองหลวงได้ ทำได้เพียงอยู่ในจวนราชากับซุนซือสิงและปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเพื่อดูแลฉินเป่าเอ๋อต่อไป

เฟิ่งชิงเฉินแอบเดินทางออกมาจากเมืองหลวง ตอนแรกก็วางแผนว่าจะกลับไปภายในหนึ่งเดือน แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ นางไม่อาจเดินทางออกไปจากที่นี่ได้ในระยะเวลาอันสั้น เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดสินใจเดินทางไปหาราชาเจียงหนาน ขอให้อีกฝ่ายทำหนังสือเดินทางให้กับนางเพื่อป้องกันไม่ให้จักรพรรดิจับผิดเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ของนาง

ต้องรู้ก่อนว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหน้าประตูนั้นได้แพร่งพรายออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเวลา ต่อให้นางอยากจะปฏิเสธก็คงไม่อาจทำเช่นนั้นได้

และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทันทีที่ราชาเจียงหนานสั่งออกไป ลูกน้องของเขาก็จัดการเป็นอย่างดี

เฟิ่งชิงเฉินพักอยู่ในจวนของราชาเจียงหนานอย่างสบายใจ ในช่วงเวลาดังกล่าว หลานจิ่วชิงเดินทางมาแสดงความขอบคุณกับเฟิ่งชิงเฉินอยู่หลายครั้ง แถมยังหายาดีๆ มามอบให้กับนางจำนวนมาก

“ชิงเฉิน ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทุ่มเทให้กับศิษย์น้องของข้าจนเจ้าต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลานจิ่วชิงรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แม้ปู้จิงหยุนจะพูดออกมาไม่หยุดว่า หากเฟิ่งชิงเฉินไม่อยู่ที่นี่ ฉินเป่าเอ๋อคงตายไปแล้ว แต่เขากลับไม่มีความสุขเลย

เรื่องอาการบาดเจ็บที่มือของเฟิ่งชิงเฉิน เขารู้ดีและเข้าใจมากกว่าใคร

“มีปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีและหมอเทวดาชื่ออยู่ด้วย ข้าไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเองสงสัยในตัวของหลานจิ่วชิง ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะพูดจาออกมาด้วยความสุภาพ

ด้วยท่าทางเช่นนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าหลานจิ่วชิงอยากจะขอโทษออกมา เขาก็ไม่อาจพูดมันออกมาได้ ทำได้เพียงจากไปอย่างเงียบๆ และบอกกับเฟิ่งชิงเฉินว่า เขากำลังจะเดินทางออกจากเจียงหนาน

“อาการป่วยของแม่นางฉินคงที่แล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” แค่ดูก็รู้ว่าหลานจิ่วชิงเดินทางมายังเจียงหนานเพื่อฉินเป่าเอ๋อ ตอนนี้อาการป่วยของฉินเป่าเอ๋อไม่น่าเป็นห่วงอีกต่อไปแล้ว การที่เขาจะเดินทางออกจากเจียงหนานก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อฉินเป่าเอ๋อ!

หลานจิ่วชิงหดหู่ใจจนแทบคลั่ง แต่ก็อธิบายออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจผิดไปเช่นนั้น

ในตอนที่หลานจิ่วชิงแยกจากเฟิ่งชิงเฉิน ตี๋ตงหมิง ซื่อเฉิงและตงหลิงจื่อลั่วก็ได้พบกันที่หุบเขาซวนยี

“ลั่วอ๋อง เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ทันทีที่ซื่อเฉิงได้เห็นตงหลิงจื่อลั่ว เขาก็พูดออกมาด้วยความตกใจ

แม้ว่าหุบเขาซวนยีจะกว้างใหญ่ แต่มันก็ว่างเปล่า เสียงตะโกนของซื่อเฉิงดึงดูดตี๋ตงหมิงในทันที ตี๋ตงหมิงรีบวิ่งออกมาพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “อะไรนะ? ลั่วอ๋องมาที่นี่งั้นหรือ”

เมื่อเห็นหน้าในสภาพที่ป่วยราวกับคนตายของลั่วอ๋อง ตี๋ตงหมิงเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก “ลั่ว ลั่วอ๋อง เจ้า เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วก็ ทำไมเจ้าถึงมีสภาพเหมือนผีเช่นนี้?”

สภาพของเขาดูเหมือนผีจริงๆ ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ตงหลิงจื่อลั่วผมลงคนไม่เหลือเค้าโครงเดิม เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาห้อยโตงเตงอยู่บนร่างกาย ใบหน้าของซีดผอมจนหนังติดกระดูก ดวงตาของเขาดูโตขึ้นเป็นพิเศษ แต่กลับไม่มีประกายแสงแต่อย่างใด มันเหมือนกับดวงตาของคนแก่ในตอนพลบค่ำ

ประกอบกับการเดินทางติดต่อกันหลายวันโดยไม่อาบน้ำ แม้จะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง แต่ร่างกายของเขาสิ่งกลิ่นเหม็นจนไม่อาจต้านทานได้ ด้วยสภาพของตงหลิงจื่อลั่ว เขาไม่มีความสง่าขององค์ชายเลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงคนจนผู้ต้อยต่ำ

“พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” เมื่อตงหลิงจื่อลั่วพูดออกมา เสียงของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แหบแห้งจนฟังไม่ได้ ตี๋ตงหมิงตระหนักถึงความจริงได้ในทันใด “ลั่ว ลั่วอ๋อง......เสด็จอาเก้าคงไม่ได้ทรมานเจ้าจนต้องมีสภาพเช่นนี้หรอกนะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ