นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1425

สรุปบท บทที่ 1425 สงสัย, ความลับก็คือความลับตลอดไป: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1425 สงสัย, ความลับก็คือความลับตลอดไป จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1425 สงสัย, ความลับก็คือความลับตลอดไป คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

การเจอกันครั้งแรกระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและฉินเป่าเอ๋อ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันไม่ได้ทำให้ฉินเป่าเอ๋อมีความสุขแต่อย่างใด เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเห็นฉินเป่าเอ๋ออยู่ในสายตาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าฉินเป่าเอ๋อยอมให้ความร่วมมือ นางจึงเข้าไปตรวจสอบอาการของฉินเป่าเอ๋อ หลังจากตรวจเสร็จแล้ว นางก็ยกหน้าที่ที่เหลือให้กับซุนซือสิง ให้ซุนซือสิงจัดเตรียมรายงานการตรวจสอบออกมา

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาติดตามอยู่ด้านหลังของซุนซือสิงไปในที่ต่าง ๆ ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเลี่ยนฉุ่ยได้พูดคุยกันแล้ว พวกเขาเคยเข้าร่วมกระบวนการผ่าตัดราชาแห่งเจียงหนานไปแล้ว สำหรับอาการป่วยของฉินเป่าเอ๋อในครั้งนี้ ทั้งสองไม่ได้รู้สึกสนใจแต่อย่างใด

แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ปล่อยตัวเองให้ว่าง เฟิ่งชิงเฉินเล่าสถานการณ์ของเด็กที่พบนอกเมืองคนนั้นให้ฟัง ทั้งสองคนจึงตัดสินใจไปรักษาเด็กคนนั้นด้วยกัน

ช่วยไม่ได้ เห็นดวงตาสีดำที่ลึกลงไปของเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองคนก็รู้สึกไม่ดีที่จะให้เฟิ่งชิงเฉินวิ่งไปมาโดยที่ไม่จำเป็น

“พี่จิงหยุน แม่นางเฟิ่งรังเกียจข้าอย่างนั้นหรือ” หลังจากที่พวกของเฟิ่งชิงเฉินเดินจากไปแล้ว ฉินเป่าเอ๋อถึงหันมาถามปู้จิงหยุนด้วยใบหน้าของความน่าสงสาร “ข้าไม่ดีตรงไหนอย่างนั้นหรือ? เหตุใดแม่นางเฟิ่งถึงไม่ชอบข้า?”

“ไม่มีอะไร เจ้าไม่ต้องคิดมาก เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจนาง” ปู้จิงหยุนกล่าวปลอบใจออกมา จากนั้นก็เล่าเรื่องของเฟิ่งชิงเฉินให้กับเป่าเอ๋อฟัง สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “เฟิ่งชิงเฉินเป็นแบบนี้กับทุกคน เจ้าไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ เจ้าเห็นท่าทางที่เขาปฏิบัติกับราชาแห่งเจียงหนานหรือไม่ มันก็เป็นท่าทางเยือกเย็นเช่นนั้นเหมือนกัน”

ฉินเป่าเอ๋อพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ไม่ได้รังเกียจข้าก็ดีแล้ว ข้าคิดว่าแม่นางเฟิ่งไม่ชอบข้าเพราะศิษย์พี่เสียอีก”

“จะเป็นไปได้อย่างไร เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงแค่หมอที่จิ่วชิงเชิญมา เจ้านี่นะ คิดมากเกินไปจริง ๆ” เรื่องนี้ปู้จิงหยุนสามารถมั่นใจได้ เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉินเป่าเอ๋อและหลานจิ่วชิง ต่อให้รู้ก็ไม่ต่างอะไร อย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้ความเชื่อมโยงระหว่างจิ่วชิงกับเสด็จอาเก้าอยู่ดี เพียงแต่......

หากในอนาคต ความลับพวกนี้ถูกเปิดเผยก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร

แต่เรื่องพวกนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา จิ่วชิงเป็นคนสร้างเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง ปู้จิงหยุนพูดกับฉินเป่าเอ๋ออีกสองสามคำ จากนั้นก็เดินออกไปหาเฟิ่งชิงเฉิน

เขาไม่ใช่คนไร้สมอง วันนี้เขาทำเรื่องที่ไม่ดีลงไป ท่าทางที่เฟิ่งชิงเฉินปฏิบัติต่อฉินเป่าเอ๋อก็ไม่ได้ผิดแปลกแต่อย่างใด เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้พบกัน ไม่มีทางที่สนิทหรือใกล้ชิดกันขนาดนั้น

ไปขอโทษเฟิ่งชิงเฉินสักหน่อยแล้วกัน เฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่ใจคนใจแคบขนาดนั้น

ปู้จิงหยุนเดินตรงไปยังลานที่พักของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังพักผ่อน ปู้จิงหยุนก็ทำได้เพียงเดินจากไปแล้วค่อยกลับมาอีกครั้งในตอนเย็น แต่ในตอนเย็นเฟิ่งชิงเฉินก็ไปอยู่กับพวกหวังชีและหยุนเซียว พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีความสุข ไม่มีโอกาสให้ปู้จิงหยุนเอ่ยปากออกมาเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมองดูเฟิ่งชิงเฉินที่ไร้ความกังวล ปู้จิงหยุนก็หวังในใจว่านางจะใกล้ชิดกับฉินเป่าเอ๋อมากขึ้น ทำให้ฉินเป่าเอ๋อได้เรียนรู้ แข็งแกร่งและร่าเริงขึ้นในอนาคต ต่อให้ไม่สามารถช่วยจิ่วชิงได้ แต่อย่างน้อยก็อย่าไปเป็นตัวถ่วงของจิ่วชิง

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของปู้จิงหยุนเท่านั้น ขนาดเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉินเป่าเอ๋อ นางยังไม่อยากใกล้ชิดกับฉินเป่าเอ๋อ และหลังจากรู้ความจริง......

ต่อให้ฉินเป่าเอ๋อดีแค่ไหน งดงามแค่ไหน ใจดีแค่ไหน นางก็ไม่มีทางสนใจหรือแยแสฉินเป่าเอ๋อ

เฟิ่งชิงเฉินกับหยุนเซียวและหวังชีพูดคุยกันจนดึกดื่น แต่ละคนแยกย้ายกันกลับห้องของตนเอง เรื่องจากพรุ่งนี้ทุกคนยังมีงานต้องทำ ดังนั้นคืนนี้จึงไม่สามารถดื่มหนักได้ เฟิ่งชิงเฉินอารมณ์ดี แต่นางก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังลงแต่อย่างใด เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามานางก็พบว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง

“ข้าเอง”

เสียงของหลานจิ่วชิงดังขึ้นมาจากความมืด ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก รีบปิดประตูและเดินเข้ามาด้านใน “มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”

“เรื่องเมื่อกลางวัน ข้าต้องขอโทษแทนศิษย์น้องของข้าด้วย” หลานจิ่วชิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันแข็งทื่อ เขาไม่อยากพูดเรื่องของฉินเป่าเอ๋อออกมาต่อหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน

“ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่ดี พูดจาหุนหันพลันแล่นมากเกินไป” เฟิ่งชิงเฉินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เทน้ำใส่ถ้วยสองถ้วย ยกไปมอบให้หลานจิ่วชิงหนึ่งถ้วย “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อแม่นางฉินเป็นศิษย์น้องของเจ้า แน่นอนว่าข้าไม่มีทางรังเกียจนาง”

แม้ว่าจะบอกว่าตนเองผิด แต่เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีความผิดแต่อย่างใด

“ศิษย์น้องของข้าอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก หากเป็นไปได้......” หลานจิ่วชิงเอ่ยปากออกมาด้วยความยากลำบาก แต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเฟิ่งชิงเฉินขัดเอาไว้ก่อน “จิ่วชิง ข้าไม่สนใจว่าแม่นางฉินจะเป็นใคร สำหรับข้านางเป็นแค่ผู้ป่วยคนหนึ่งเท่านั้น ข้าจะรักษานางอย่างสุดความสามารถ ทุกอย่างก็เท่านั้น”

การที่จะรักหรือเป็นห่วงใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายนั้นคุ้มค่าหรือไม่ และนางก็ไม่มีความอดทนที่มากพอในการไปเป็นเพื่อนกับคนอ่อนแอและขี้งอแงอย่างฉินเป่าเอ๋อ

“เจ้าจะปล่อยให้พวกเขาทำอย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่หลานจิ่วชิงพร้อมกับครุ่นคิด

นี่เป็นครั้งแรกที่นางอยากเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากของหลานจิ่วชิงว่าแท้จริงแล้วเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร และชายผู้นี้เป็นใครกันแน่?

“ข้าหวังว่าพวกเขาจะมีความสุข” ในตอนที่หลานจิ่วชิงพูดออกมา ร่างกายของเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถถือได้ว่าสารภาพต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉินไปแล้ว หวังว่าเมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้ความจริงในอนาคต นางจะให้อภัยเขาได้สำหรับเหตุการณ์นี้

“เจ้า......” สัญชาตญาณของผู้หญิงน่ากลัวมาก ตัวอย่างเช่น ความสงสัยที่เฟิ่งชิงเฉินมีต่อตัวตนของหลานจิ่วชิง “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

“หลานจิ่วชิง ทายาทของตระกูลหลานแห่งราชวงศ์ก่อน” หลานจิ่วชิงเป็นคนฉลาด เขาจะไม่รู้สึกถึงความสงสัยของเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างไร แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังไม่กล้าพูดออกมา

“เช่นนั้นเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเสด็จอาเก้า? เหตุใดเจ้าถึงร่วมมือกับองค์ชายแห่งตงหลิง?”

“ข้าต้องการแก้แค้น” หลานจิ่วชิงไม่กล้าบอกว่าตนเองต้องการฟื้นฟูประเทศ เนื่องจากสิ่งที่เสด็จอาเก้าต้องการคือใต้หล้า สิ่งที่เขาสามารถพูดออกไปได้ก็คือความแค้น นั้นถึงเป็นสามารถที่เหมาะสมที่เขาจะร่วมมือกับเสด็จอาเก้า

“งั้นหรือ?” ความสงสัยยังคงติดอยู่ในใจของเฟิ่งชิงเฉิน แต่หลานจิ่วชิงแสร้งทำเป็นไม่รู้ ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองอย่างเปิดเผย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป

คนหนึ่งคือทายาทผู้สืบทอดของราชวงศ์ก่อน อีกคนคือองค์ชายของราชวงศ์ปัจจุบัน เฟิ่งชิงเฉินเคยสงสัยว่าหลานจิ่วชิงและเสด็จอาเก้าคือคนคนเดียวกัน แต่เมื่อนึกถึงสถานะของทั้งสองคนแล้ว นางก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป

หากเสด็จอาเก้าคือทายาทของราชวงศ์ก่อนจริง เช่นนั้นจะเติบโตขึ้นมาในราชวงศ์ตงหลิงได้อย่างไร จุดนี้แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย

หลานจิ่วชิงพยักหน้าเบา ๆ และเปลี่ยนเรื่องโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ก่อนที่จะออกไปเขาพูดออกมาเป็นพิเศษว่า “ในช่วงครีษมายัน ข้าจะเดินทางไปยังปราสาทลอยฟ้าเพื่อเฝ้าดูการประชุมใหญ่ของโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ ได้ยินมาว่าปราสาทลอยฟ้าได้เชิญเสด็จอาเก้าไปด้วย หากเจ้ามีเวลา เจ้าก็สามารถเดินทางไปพร้อมกับเสด็จอาเก้าได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ