นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1425

การเจอกันครั้งแรกระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและฉินเป่าเอ๋อ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันไม่ได้ทำให้ฉินเป่าเอ๋อมีความสุขแต่อย่างใด เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเห็นฉินเป่าเอ๋ออยู่ในสายตาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าฉินเป่าเอ๋อยอมให้ความร่วมมือ นางจึงเข้าไปตรวจสอบอาการของฉินเป่าเอ๋อ หลังจากตรวจเสร็จแล้ว นางก็ยกหน้าที่ที่เหลือให้กับซุนซือสิง ให้ซุนซือสิงจัดเตรียมรายงานการตรวจสอบออกมา

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาติดตามอยู่ด้านหลังของซุนซือสิงไปในที่ต่าง ๆ ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเลี่ยนฉุ่ยได้พูดคุยกันแล้ว พวกเขาเคยเข้าร่วมกระบวนการผ่าตัดราชาแห่งเจียงหนานไปแล้ว สำหรับอาการป่วยของฉินเป่าเอ๋อในครั้งนี้ ทั้งสองไม่ได้รู้สึกสนใจแต่อย่างใด

แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ปล่อยตัวเองให้ว่าง เฟิ่งชิงเฉินเล่าสถานการณ์ของเด็กที่พบนอกเมืองคนนั้นให้ฟัง ทั้งสองคนจึงตัดสินใจไปรักษาเด็กคนนั้นด้วยกัน

ช่วยไม่ได้ เห็นดวงตาสีดำที่ลึกลงไปของเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองคนก็รู้สึกไม่ดีที่จะให้เฟิ่งชิงเฉินวิ่งไปมาโดยที่ไม่จำเป็น

“พี่จิงหยุน แม่นางเฟิ่งรังเกียจข้าอย่างนั้นหรือ” หลังจากที่พวกของเฟิ่งชิงเฉินเดินจากไปแล้ว ฉินเป่าเอ๋อถึงหันมาถามปู้จิงหยุนด้วยใบหน้าของความน่าสงสาร “ข้าไม่ดีตรงไหนอย่างนั้นหรือ? เหตุใดแม่นางเฟิ่งถึงไม่ชอบข้า?”

“ไม่มีอะไร เจ้าไม่ต้องคิดมาก เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจนาง” ปู้จิงหยุนกล่าวปลอบใจออกมา จากนั้นก็เล่าเรื่องของเฟิ่งชิงเฉินให้กับเป่าเอ๋อฟัง สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “เฟิ่งชิงเฉินเป็นแบบนี้กับทุกคน เจ้าไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ เจ้าเห็นท่าทางที่เขาปฏิบัติกับราชาแห่งเจียงหนานหรือไม่ มันก็เป็นท่าทางเยือกเย็นเช่นนั้นเหมือนกัน”

ฉินเป่าเอ๋อพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ไม่ได้รังเกียจข้าก็ดีแล้ว ข้าคิดว่าแม่นางเฟิ่งไม่ชอบข้าเพราะศิษย์พี่เสียอีก”

“จะเป็นไปได้อย่างไร เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงแค่หมอที่จิ่วชิงเชิญมา เจ้านี่นะ คิดมากเกินไปจริง ๆ” เรื่องนี้ปู้จิงหยุนสามารถมั่นใจได้ เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉินเป่าเอ๋อและหลานจิ่วชิง ต่อให้รู้ก็ไม่ต่างอะไร อย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้ความเชื่อมโยงระหว่างจิ่วชิงกับเสด็จอาเก้าอยู่ดี เพียงแต่......

หากในอนาคต ความลับพวกนี้ถูกเปิดเผยก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร

แต่เรื่องพวกนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา จิ่วชิงเป็นคนสร้างเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง ปู้จิงหยุนพูดกับฉินเป่าเอ๋ออีกสองสามคำ จากนั้นก็เดินออกไปหาเฟิ่งชิงเฉิน

เขาไม่ใช่คนไร้สมอง วันนี้เขาทำเรื่องที่ไม่ดีลงไป ท่าทางที่เฟิ่งชิงเฉินปฏิบัติต่อฉินเป่าเอ๋อก็ไม่ได้ผิดแปลกแต่อย่างใด เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้พบกัน ไม่มีทางที่สนิทหรือใกล้ชิดกันขนาดนั้น

ไปขอโทษเฟิ่งชิงเฉินสักหน่อยแล้วกัน เฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่ใจคนใจแคบขนาดนั้น

ปู้จิงหยุนเดินตรงไปยังลานที่พักของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังพักผ่อน ปู้จิงหยุนก็ทำได้เพียงเดินจากไปแล้วค่อยกลับมาอีกครั้งในตอนเย็น แต่ในตอนเย็นเฟิ่งชิงเฉินก็ไปอยู่กับพวกหวังชีและหยุนเซียว พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีความสุข ไม่มีโอกาสให้ปู้จิงหยุนเอ่ยปากออกมาเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมองดูเฟิ่งชิงเฉินที่ไร้ความกังวล ปู้จิงหยุนก็หวังในใจว่านางจะใกล้ชิดกับฉินเป่าเอ๋อมากขึ้น ทำให้ฉินเป่าเอ๋อได้เรียนรู้ แข็งแกร่งและร่าเริงขึ้นในอนาคต ต่อให้ไม่สามารถช่วยจิ่วชิงได้ แต่อย่างน้อยก็อย่าไปเป็นตัวถ่วงของจิ่วชิง

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของปู้จิงหยุนเท่านั้น ขนาดเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉินเป่าเอ๋อ นางยังไม่อยากใกล้ชิดกับฉินเป่าเอ๋อ และหลังจากรู้ความจริง......

ต่อให้ฉินเป่าเอ๋อดีแค่ไหน งดงามแค่ไหน ใจดีแค่ไหน นางก็ไม่มีทางสนใจหรือแยแสฉินเป่าเอ๋อ

เฟิ่งชิงเฉินกับหยุนเซียวและหวังชีพูดคุยกันจนดึกดื่น แต่ละคนแยกย้ายกันกลับห้องของตนเอง เรื่องจากพรุ่งนี้ทุกคนยังมีงานต้องทำ ดังนั้นคืนนี้จึงไม่สามารถดื่มหนักได้ เฟิ่งชิงเฉินอารมณ์ดี แต่นางก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังลงแต่อย่างใด เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามานางก็พบว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง

“ข้าเอง”

เสียงของหลานจิ่วชิงดังขึ้นมาจากความมืด ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก รีบปิดประตูและเดินเข้ามาด้านใน “มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”

“เรื่องเมื่อกลางวัน ข้าต้องขอโทษแทนศิษย์น้องของข้าด้วย” หลานจิ่วชิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันแข็งทื่อ เขาไม่อยากพูดเรื่องของฉินเป่าเอ๋อออกมาต่อหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน

“ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่ดี พูดจาหุนหันพลันแล่นมากเกินไป” เฟิ่งชิงเฉินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เทน้ำใส่ถ้วยสองถ้วย ยกไปมอบให้หลานจิ่วชิงหนึ่งถ้วย “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อแม่นางฉินเป็นศิษย์น้องของเจ้า แน่นอนว่าข้าไม่มีทางรังเกียจนาง”

แม้ว่าจะบอกว่าตนเองผิด แต่เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีความผิดแต่อย่างใด

“ศิษย์น้องของข้าอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก หากเป็นไปได้......” หลานจิ่วชิงเอ่ยปากออกมาด้วยความยากลำบาก แต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเฟิ่งชิงเฉินขัดเอาไว้ก่อน “จิ่วชิง ข้าไม่สนใจว่าแม่นางฉินจะเป็นใคร สำหรับข้านางเป็นแค่ผู้ป่วยคนหนึ่งเท่านั้น ข้าจะรักษานางอย่างสุดความสามารถ ทุกอย่างก็เท่านั้น”

การที่จะรักหรือเป็นห่วงใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายนั้นคุ้มค่าหรือไม่ และนางก็ไม่มีความอดทนที่มากพอในการไปเป็นเพื่อนกับคนอ่อนแอและขี้งอแงอย่างฉินเป่าเอ๋อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ