นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1012

ตอนที่ 1012 เรื่องราวแสนปวดร้าว

สีหน้าของซูฉางเซิงแดงก่ำ หนวดเคราและเส้นผมกระเซอะกระเซิง

เพราะเขากำลังโกรธจัด !

เขาโกรธจนต้องถลึงตาอาฆาตใส่ชายอ้วนพลางชี้นิ้วออกไปยังท้องนภาที่มืดมิด !

“หากมิใช่เพราะนักบวชผู้นั้นสอดรู้มากจนเกินไป หยุนชิงจะบังเกิดความเคลือบแคลงในตัวข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ถ้ามิใช่เพราะมันสอดรู้มากเกินไป บัดนี้พวกเราคงได้นั่งชมดอกท้อด้วยกันที่สำนักเต๋า นั่นคงเป็นความรู้สึกที่สุขกายสบายใจมากยิ่งนัก ! ”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันที่ข้าไปถึงเมืองเปียนเฉิง ข้ารู้สึกเยี่ยงไร ? หากศิษย์น้องหญิงรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของข้า นางต้องมองข้าเป็นศัตรู ! เห็นข้าเป็นศัตรูของนาง ! ”

“หากว่านางตกตายไปเสียจริง ๆ ความลับนี้ก็คงมิมีผู้ใดล่วงรู้ได้อีกต่อไป เจ้าจะยังเป็นศิษย์น้องของข้า และข้าก็ยังเป็นผู้สังเกตแห่งสำนักเต๋าดังเดิม ส่วนฟู่เสี่ยวกวนก็ยังเป็นศิษย์รักของข้าต่อไป ! ”

“…ทว่าสวี่หยุนชิงยังมิตาย” โทนเสียงของเขาต่ำลงอย่างกะทันหัน แม้แต่ไฟโทสะที่ปะทุขึ้นมาเมื่อครู่ก็ราวกับเหือดหายไปทันตา เพียงครู่เดียวเขาก็ดูแก่ขึ้นอีกราว 20 ปี ดวงตากลมโตราวกับปลิวหายไปตามสายลม ดูไร้ชีวิตชีวาขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ศิษย์พี่…ข้ามิอยากให้สวี่หยุนชิงตาย”

เมื่อชายอ้วนเห็นซูฉางเซิงมีท่าทีแปลกไป จึงระแวดระวังมากยิ่งขึ้น

บัดนี้สภาพชายอ้วนมิต่างอันใดกับพยัคฆ์เตรียมล่าเหยื่อ ภายใต้ชุดผ้าป่านผืนใหญ่ปรากฏกล้ามเนื้อทุกส่วนขมวดเกร็งจนแน่น

ทว่าเขามิได้เริ่มลงไม้ลงมือก่อนแต่อย่างใด เพียงเอ่ยถามแค่หนึ่งประโยคว่า “ท่านแอบซ่อนทหารไว้ที่นี่ตั้งมากมาย ต้องการจะทำอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ซูฉางเซิงก้มศีรษะลง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “หากข้าบอกว่า…เพียงแค่อยากลองฝึกทหารฝีมือธรรมดาที่ติดอาวุธพร้อมสรรพ ว่าพวกเขาจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากเพียงใด เจ้าจะเชื่อหรือไม่ ? ”

ชายอ้วนกระพริบตาช้า ๆ พลางจ้องมองไปที่ซูฉางเซิง “ศิษย์พี่ แท้ที่จริงท่านควรมีแซ่ว่าเฉินและแท้ที่จริงท่านคือเช่อเหมินของลัทธิจันทราตัวจริง ทั้งยังเป็นทายาทที่หลงเหลือของราชวงศ์เฉิน สิ่งที่ท่านคิดคืออยากใช้ทหารของราชวงศ์เหลียวมาสร้างราชวงศ์เฉินขึ้นมาใหม่ ข้าเอ่ยได้ถูกต้องหรือไม่ ? ”

ซูฉางเซิงเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็จ้องมองใบหน้าอ้วนท้วนของฟู่ต้ากวนอย่างพินิจพิเคราะห์ เขามองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานพลางมองเสื้อตัวนอกของอีกฝ่ายที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ไม่สิ ! คนเยี่ยงเจ้าคงมิมีทางเดาถูก สิ่งที่ตัวเจ้าเองน่าจะคาดเดาได้ก็คือข้าเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์เหลียว และในเมื่อข้ามีเชื้อสายของราชวงศ์เหลียวก็ควรช่วยเหลือราชวงศ์เหลียวให้รบชนะทุกผืนปฐพีในใต้หล้า ศิษย์น้อง…ฟู่เสี่ยวกวนบอกเจ้ามาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ชายอ้วนใจกระตุกขึ้นมาทันใด ส่วนซูฉางเซิงเผยรอยยิ้มออกมา สีหน้าเรียบเฉยได้หวนคืนกลับมาอีกครา

“พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องมิได้พบกันมานาน เอาล่ะ…อย่ามัวเอ่ยถึงเรื่องที่สร้างความบาดหมางให้แก่พวกเราทั้งสองคนอีกเลย มา ๆ ๆ พวกเรามาดื่มสุราและทานเนื้อแกะกันให้สำราญใจดีกว่า ! ”

ฟู่ต้ากวนพุ่งความสนใจไปที่การดื่มสุราและการทานเนื้อย่างตามที่ศิษย์พี่เอ่ย ทั้งสองจึงมิได้สนทนากันอีกเลย

ครึ่งชั่วยามผ่านไป แกะทั้งตัวก็ถูกศิษย์พี่และศิษย์น้องทานจนหมดเกลี้ยง สุราซีซานเทียนฉุนจำนวน 12 ขวดก็ถูกดื่มจนหมดเกลี้ยงเช่นกัน

เมื่อไร้อาหารและไร้สุรา จึงจำต้องสนทนากันอย่างเลี่ยงมิได้

ชายอ้วนยอมเปิดปากออกมาในที่สุด “แท้ที่จริงข้านับถือท่านยิ่งนัก ท่านต้องยอมรับคำดูถูกเหยียดหยามตั้งมากมายเพื่อราชวงศ์เฉิน ท่านเห็นภูเขาทองคำใต้วัดฟูจื่อถูกเคลื่อนย้ายกับตา ทว่าท่านกลับมิหวั่นไหวเลยสักนิด นี่เป็นเพราะเหตุใดเยี่ยงหรือ ? ”

“เพราะภูเขาทองคำยังคงมีอยู่เสมอมา เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่ตั้งก็เท่านั้น”

“แม้แต่การสิ้นสลายของลัทธิจันทราท่านก็มิแยแสเลยหรือ ? ”

“พวกนั้นก็เป็นแค่กลุ่มคนไร้ประโยชน์กลุ่มหนึ่ง พวกเขาช่างมิเป็นการเป็นงานเอาเสียเลย”

“ดังนั้นท่านจึงตั้งหน้าตั้งตารอเสมอมา ท่านรอการปรากฏตัวของผู้หยั่งรู้โดยกำเนิดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ใช่ ! เดิมทีข้าคิดว่าเป็นสวี่หยุนชิง ทว่าผลลัพธ์กลับกลายเป็นข้าที่คิดผิด มันเป็นความผิดของข้าเองที่ทำให้สวี่หยุนชิงกลายเป็นเช่อเหมินแห่งลัทธิจันทรา นางถึงได้ครอบครองชุดคราบจักจั่นทั้งสามตัวนั้นเยี่ยงไรเล่า”

“หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนประพันธ์บทกวีและบทความออกมา ท่านเอาสิ่งใดมายืนยันว่าเขาคือผู้หยั่งรู้โดยกำเนิด ? ”

“แรกเริ่มเดิมทีข้าก็มิค่อยเชื่อนักหรอก ทว่าตั้งแต่ส่งซูม่อไปอยู่ข้างกายเขา ข้าก็ได้ทราบข้อมูลมากมายและเริ่มสนใจในตัวเขาขึ้นมา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)