ตอนที่ 1089 มิตรสหาย
ตั้งแต่เข้าสู่ฤดูหนาว ทันทีที่หิมะแรกได้ตกลงมาก็มิมีท่าทีว่าจะหยุดอีกเลย
พิธีฝังศพอันเกรียงไกรค่อย ๆ จางหายไปท่ามกลางน้ำมัน เกลือ ฟืนและข้าวของราษฎร เมืองกวนหยุนกลับมามีบรรยากาศคึกคักดังเดิม มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
รัชสมัยต้าเซี่ยที่หนึ่ง เดือนสิบเอ็ด วันที่ยี่สิบหก ฝานเทียนหนิงได้เดินทางมายังเมืองกวนหยุนท่ามกลางพายุหิมะ
นี่เป็นคราที่สี่ที่เขาได้เดินทางมายังเมืองกวนหยุน เอ่ยกันตามจริงเขาคุ้นชินกับเมืองกวนหยุนนี้เป็นอย่างดีแล้ว มิทราบว่าเพราะเหตุใดเมืองกวนหยุนแห่งนี้ถึงให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับบ้านเกิด
ที่นี่มิใช่บ้านเกิดของเขา เพียงแค่มีความรู้สึกแบบนั้นก็เท่านั้น
จวนที่เขาเคยซื้อไว้ที่เมืองกวนหยุนยังคงอยู่ หลังจากเข้ารับตำแหน่งจ่งตูจึงได้ย้ายไปประจำการที่เมืองฉางจิน ในบ้านจึงเหลือบ่าวรับใช้เพียงแค่ 2 คน ทำความสะอาดได้ค่อนข้างสะอาดสะอ้านและเรียบร้อยเลยทีเดียว
ขบวนรถม้าได้หยุดลงที่หน้าจวนอยู่ชั่วครู่ เซวี๋ยหยู่เยียนฮูหยินของจ่งตูหนิงได้พาบุตรชายอายุ 3 ปีลงจากรถม้า นางจ้องมองไปยังสามีที่ยืนอยู่เบื้องหน้า จากนั้นก็ยื่นมือไปจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาให้เรียบร้อย “คาดว่าในวันนี้ยังมีอีกหลายเรื่อง มิต้องเป็นห่วงพวกเราสองแม่ลูกหรอก ไปสนทนากับฝ่าบาทเถิด พวกเราจะรอเจ้าอยู่ที่จวน”
“อือ…พวกเจ้าคงเหนื่อยกับการเดินทาง เช่นนั้นพวกเจ้าไปพักก่อนเถิด ข้าคาดว่าน่าจะได้กลับมาอีกคราตอนค่ำ ๆ ”
“อืม…เจ้าไปเถิด”
ฝานเทียนหนิงขึ้นรถม้าคันหนึ่งไป มุ่งหน้าไปยังเขตพระราชวัง เซวี๋ยหยู่เยียนยืนมองรถม้าค่อย ๆ หายลับไปจากครรลองสายตาท่ามกลางพายุหิมะนี้ จากนั้นนางก็จูงมือบุตรชายเดินเข้าไปในประตูใหญ่
“ท่านแม่ ท่านพ่อไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เซวี๋ยหยู่เยียนยกยิ้มขึ้นมา “ท่านพ่อของเจ้าน่ะหรือ ? เขาไปพบสหายท่านหนึ่ง… รอท่านพ่อว่าง เขาคงจะพาเจ้าไปเที่ยวเล่นในเมืองกวนหยุนแห่งนี้”
“เมืองกวนหยุนแห่งนี้จะสนุกกว่าเมืองฉางจินของพวกเราเยี่ยงนั้นหรือ ? ” เด็กชายเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงน
“ที่นี่คือเมืองหลวงของประเทศต้าเซี่ย ครึกครื้นกว่าเมืองฉางจินของเราเป็นเท่าตัวเลยล่ะ”
“ไอหยา…” สายตาของเด็กชายสอดส่องไปทั่วบริเวณท่ามกลางพายุหิมะนี้ เขายื่นมือออกไปรับเกล็ดหิมะมาไว้ในอุ้งมือ “หิมะที่เมืองกวนหยุนแห่งนี้มากกว่าที่เมืองฉางจินของพวกเราเป็นเท่าตัวเลย ท่านแม่…พวกเรามาเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะได้ไหม”
“ได้สิ ! ”
……
……
ท่ามกลางพายุหิมะเช่นเดียวกัน ก็ได้มีรถม้าอีกหนึ่งคันแล่นเข้ามาในเมืองกวนหยุน
เยี่ยนซีเหวินเลิกผ้าม่านขึ้น ลมและหิมะได้พัดเข้ามาด้านใน
สิ่งที่ตามมากับความหนาวเหน็บของพายุหิมะก็คือความรุ่งเรืองของเมืองกวนหยุน เสียงตะโกนของเหล่าพ่อค้า เสียงหัวเราะของผู้คนที่ถือร่มและเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนน ทั้งยังมีเสียงหยอกเย้าของเหล่าเด็กน้อยเล็กที่วิ่งเล่นกันไปมา
เขาถูกโยกย้ายไปเป็นจ่งตูประจำอยู่ที่ไท่หลินมานานครึ่งปีแล้ว ความรุ่งเรืองของเมืองไท่หลินยังห่างไกลจากเมืองกวนหยุนมากนัก
ถึงแม้ว่าเมืองไท่หลินปัจจุบันจะเสถียรภาพแล้ว ทว่าการฟื้นฟูประชากรและเศรษฐกิจ ยังต้องใช้เวลาอีกนาน
นี่เป็นคราแรกที่เยี่ยนซีเหวินได้มาเยือนเมืองกวนหยุน หลังจากที่ได้มองตามตรอกซอกซอยอย่างถี่ถ้วน ถึงได้ทราบว่าในระยะเวลาสั้น ๆ มิกี่ปี เขาได้สร้างเมืองกวนหยุนให้กลายเป็นมหานครที่รุ่งเรืองมากถึงเพียงนี้
ได้ยินมาว่าเมืองกวนหยุนมีจุดชมทิวทัศน์ที่ขึ้นชื่ออยู่ห้าสถานที่ ชมกระแสเกลียวเมฆา ณ กวนหยุนถาย ชมแสงสุริยาลับภูเขา ณ ที่ราบหลีลั่ว ฟังเสียงกลองยามเย็นและเสียงระฆังยามเช้าที่วัดหานหลิง ฟังเสียงฝนที่ศาลาหลายซี และสถานที่สุดท้ายคือหอนางโลมหลิวหยุนถายที่ทะเลสาบสือหลี่
ในเมื่อครานี้ได้มาเยือนแล้ว คงต้องให้เขาพาตนไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านั้นสักหน่อย
เพียงแต่…เยี่ยนซีเหวินรู้สึกรำคาญใจขึ้นมาอีกครา การประชุมขุนนางครานี้ บิดาเยี่ยงเยี่ยนซือเต้าที่ประจำการอยู่เมืองจินหลิงก็ได้รับเชิญมาด้วยเช่นกัน หากบิดาอยู่ที่นี่ จะสามารถเที่ยวเล่นอย่างเต็มที่ได้เยี่ยงไร ?
ในอดีตตระกูลเยี่ยนเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีถึงสามชั่วอายุคน ในปัจจุบันก็ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณดังเดิม ซึ่งได้รับตำแหน่งจ่งตูถึง 2 คน เป็นตระกูลเดียวที่มิมีตระกูลใดเหมือน
คาดมิถึงว่าเขาผู้นั้นนอกจากจะมิหลีกเลี่ยงแล้ว เขายังใจกว้างมากถึงเพียงนี้
เยี่ยนซีเหวินปล่อยผ้าม่านลง เพื่อกันลมพายุหิมะ บนหน้าของเยี่ยนซีเหวินปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เขายังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยนไป แต่มิรู้ว่าเขาอยู่ในวังหลวงสบายดีหรือไม่ ?
…..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)