นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1105

สรุปบท ตอนที่ 1105 โทสะของเฮ้อซานเตา: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1105 โทสะของเฮ้อซานเตา – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 1105 โทสะของเฮ้อซานเตา ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1105 โทสะของเฮ้อซานเตา

หลิวจิ่นรู้สึกขาอ่อนขึ้นมาทันใด เขาวิ่งราวกับบินเข้าไปด้านในโรงน้ำชาชุนยุน

หลังของเฮ้อซานเตามีเหงื่อผุดขึ้นมาทันใด เจ้าสุนัขพวกนี้ พวกเจ้ามิทราบเลยหรือว่าความตายนั้นสะกดเยี่ยงไร !

ด้านในคือองค์จักรพรรดิ !

เจ้าสุนัขเหล่านี้คือคนของกองทัพเรือที่สามกองพลที่หนึ่ง !

ชีจ่างห้าว !

เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ !

เฮ้อซานเตาเดือดดาลอย่างถึงที่สุด นี่มันโทษปลงพระชนม์จักรพรรดิเลยนะ !

เขาที่เป็นเพียงเศรษฐีที่ดินผู้ต่ำต้อยจะแบกรับไหวเยี่ยงนั้นหรือ ?

ที่มันโทษหนักถึงขั้นประหารเก้าชั่วโคตร !

ทหารกลุ่มนั้นต่างก็ตกตะลึงขึ้นมาทันใด ผู้บัญชาการเรียกหัวหน้าจางให้พาพวกเขามาจัดการเรื่องเล็กน้อยที่นี่ แล้วเหตุใดหัวหน้าจางถึงได้เข้าไปเนิ่นนานถึงเพียงนี้กัน ?

ก็เป็นเพียงแค่การฆ่าคนคนหนึ่งเท่านั้นมิใช่หรือ ?

ทหารที่อยู่ด้านนอกยังมิเห็นว่าทหารฝ่ายตนเองได้เสียชีวิตไปแล้วหกราย แม้แต่หัวหน้าจางก็ตกตายไปแล้ว… แท้จริงแล้วคนที่อยู่ด้านในนั้นเป็นผู้ใดกันแน่ ?

คำเอ่ยของเฮ้อซานเตาย่อมเด็ดขาดกว่าชีจ่างห้าวเป็นแน่ เยี่ยงไรเสียพวกเขาก็เป็นผู้บัญชาการที่น่าเกรงขาม

ดังนั้นเหล่าทหารจึงเก็บปืน แล้วออกไปจากเมืองเซี่ยเย๋ทันที

ทันทีที่เฮ้อซานเตาก้าวเท้าเข้าไปในโรงน้ำชาชุนยุน ประกายของกระบี่ก็พาดผ่านใบหน้าเข้ามา กระบี่ของหนิงซือเหยียนพาดอยู่ที่คอของเฮ้อซานเตา เขามิได้ขมวดคิ้วแต่อย่างใด ทว่ากลับก้มศีรษะลงอย่างเศร้าสลด

“ฝ่าบาท…หากกระหม่อมจะเอ่ยว่า กระหม่อมมิทราบโดยแท้จริง ฝ่าบาทจะทรงเชื่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนเก็บปืนลง หยิบชาขึ้นมาจิบ จากนั้นก็หันไปมองทางเฮ้อซานเตา จ้องมองเขาด้วยความจริงจัง สายตาของเขาราวกับมิเคยรู้จักกันมาก่อน

หลังของเฮ้อซานเตามีเหงื่อไหลอาบจนอาภรณ์เปียกโชก เขาด่าทอบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของชีจ่างห้าวอยู่ภายในใจ เขาได้รับข่าวจากหลิวจิ่น ทราบว่าฝ่าบาทออกมาตรวจการที่เมืองเซี่ยเย๋ พระองค์เชิญเขามาเข้าพบ นี่คือความโปรดปรานที่ฝ่าบาททรงมีต่อเขา

นี่มันหมายความว่าเยี่ยงไรน่ะหรือ ?

ก็หมายความว่าฝ่าบาทยังเห็นเขาเป็นสหายเป็นพี่น้องเหมือนดั่งเก่าก่อน !

เขาปรี่มาที่นี่ด้วยความดีอกดีใจ ทว่ากลับพบเรื่องเลวร้ายที่ต่อให้กระโดดลงไปชำระล้างที่แม่น้ำหวงเหอก็ล้างออกมิหมด

“เมื่อสิ้นปีที่แล้ว ข้าได้เรียกพวกเยี่ยนซีเหวินมาพบที่เมืองกวนหยุน ในระหว่างงานเลี้ยงข้าเอ่ยว่าสหายทั้งชีวิตของข้านั้นมีเพียงมิกี่คน เฮ้อซานเตาเจ้าก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น สิ่งสำคัญระหว่างพวกพ้องคือสิ่งใด ? คือความไว้วางใจเยี่ยงไรเล่า ความไว้วางใจที่มิแม้แต่จะเผื่อใจ ! ”

“ดังนั้นข้าจึงมอบกองทัพเรือที่สามให้แก่เจ้า ทั้งยังมอบกองนาวิกโยธินให้แก่เจ้าอีกด้วย เจ้ามิได้หักหลังต่อความคาดหวังของข้า กำลังรบของกองนาวิกโยธิน 20,000 นายแข็งแกร่งยิ่งกว่าคน 50,000 คนเสียอีก ข้าเกรงว่ากองทัพทหารเรือที่สามจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่กองทัพทหารเรือด้วยกัน”

“แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหลงระเริงใช่หรือไม่ ? มิว่าจะเป็นกองทัพบกหรือกองทัพเรือ มันมิใช่กองทัพของฟู่เสี่ยวกวน และยิ่งมิใช่กองทัพของเจ้าเฮ้อซานเตา ! มันเป็นกองทัพของราษฎรในประเทศต้าเซี่ย ! ”

“ภารกิจของกองทัพคืออันใด ? บัดนี้ข้าจะบอกเจ้าเอง เจ้าจงสลักมันลงไปให้ถึงแกนกระดูก ! ”

“สิ่งที่กองทัพของประเทศต้าเซี่ยต้องทำก็คือปกป้องความปลอดภัยด้านชีวิตและทรัพย์สินของราษฎรชาวต้าเซี่ย ปลายกระบอกปืนของกองทัพประเทศต้าเซี่ย จะมิมีทางหันเข้าใส่ราษฎรของประเทศต้าเซี่ยเป็นอันขาด ! ”

“ทว่ากองทัพที่อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าเล่า ? ”

“คาดมิถึงว่าพวกมันจะใช้กำลังข่มขู่ผู้คนในเมืองเซี่ยเย๋ ! พวกมันมิเพียงแต่จะมิรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิตของราษฎร พวกมันยังหลอกลวงขู่กรรโชกราษฎรที่นี่อีกด้วย”

“เฮ้อซานเตา เจ้าจงเงยหน้าขึ้นมามองตาข้า แล้วบอกกับข้ามา เจ้าขาดแคลนเงินทองจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

คำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนกดทับลงบนบ่าของเฮ้อซานเตาราวกับเขาไท่ซานที่หนักอึ้ง เหงื่อเย็นเยียบชโลมไปทั่วร่าง หน้าของเขาซีดเผือดราวกับกระดาษ

เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบากพลางจ้องมองไปทางฟู่เสี่ยวกวน “กระหม่อมเฮ้อซานเตาขอสาบานต่อฟ้าดิน กระหม่อมมิทราบเรื่องเหล่านี้โดยแท้จริง กระหม่อมก่อโทษทางอาชญากรรมที่มิอาจละเว้นได้ ทั้งยังสร้างความเสียหายคราใหญ่ให้กับราษฎรของที่นี่ กระหม่อม…ยินยอมรับโทษจากฝ่าบาทแต่โดยดีพ่ะย่ะค่ะ ! ”

หนิงซือเหยียนเก็บกระบี่ ฟู่เสี่ยวกวนเดินเข้าไปตบบ่าของเขาปุ ๆ

“ซานเตาเอ๋ย การยึดครองนั้นง่ายกว่าการปกปัก เจ้ารู้ความคิดของข้าดี ต่อจากนี้จะจัดการเยี่ยงไร นี่คือเรื่องของเจ้าแล้ว”

เฮ้อซานเตาโค้งคำนับ “กระหม่อมขอตัวไปจัดการชั่วครู่ ! ”

“ดี ! ข้าจะรอเจ้าที่ร้านหม้อไฟฝั่งตรงข้าม”

เฮ้อซานเตาหันหลังเดินออกไป หนิงซือเหยียนถึงได้นั่งลงอย่างโล่งอก “ฝ่าบาท…ทรงวางพระทัยจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“อือ…เขายังคงเป็นสหายของข้า”

…..

…..

เฮ้อซานเตาทะยานออกไปจากเมืองเซี่ยเย๋ ประจวบเหมาะกับถังเชียนจวินที่กำลังนำทหารกองนาวิกโยธิน 3,000 นายมาถึงประตูเมืองพอดิบพอดี

เมื่อทั้งสองพบกัน เฮ้อซานเตาจึงเอ่ยเพียงหนึ่งประโยคว่า “ส่งกองกำลังมาให้ข้า ข้าจะไปจัดการเรื่องนี้เอง”

ถังเชียนจวินจ้องมองเฮ้อซานเตาชั่วครู่ “ฝ่าบาทเป็นอันใดหรือไม่ ? ”

“มิได้เป็นอันใด พระองค์ยังสบายดี บัดนี้ข้าต้องไปจัดการชีจ่างห้าว”

“ดี ! อย่าสังหารผู้บริสุทธิ์ล่ะ”

ถางเชียนจวินส่งมอบกองกำลังให้กับเฮ้อซานเตา เขามิได้กลับไปยังฐานทัพ ทว่ากลับตรงเข้าเมืองไป

เฮ้อซานเตาพาทหารกองนาวิกโยธินเข้ามายังฐานทัพของกองทัพเรือที่สามกองพลที่หนึ่งในช่วงพลบค่ำ

ในกระโจมของผู้บัญชาการกองพลที่หนึ่ง ชีจ่างห้าวกำลังด่าทอหัวหน้ากองพันนายหนึ่ง “พวกเจ้าล้วนเป็นเพียงแค่ถังข้าวสาร ข้าให้พวกเจ้าไปสังหารคนผู้หนึ่ง มิเพียงแต่จะสังหารมิได้ทว่ากลับโดนฆ่าไปถึงหกคน ทั้งยังเสียหัวหน้าจางไปอีก ! ”

“นายท่านเจ็ด ท่านแม่ทัพเฮ้อมาถึงโรงน้ำชาชุนยุนแล้วขอรับ”

ชีจ่างห้าวชะงักงัน “ว่าเยี่ยงไรนะ ? ท่านแม่ทัพเฮ้อไปที่ใดนะ ? ”

“ในตอนที่พวกเรากำลังบุกเข้าไปในโรงน้ำชาชุนยุน ท่านแม่ทัพเฮ้อก็ได้รุดมาถึง และให้พวกเราทั้งหมดกลับมา”

ชีจ่างห้าวขมวดคิ้วแน่นเป็นปม เรื่องนี้ไปถึงหูของเฮ้อซานเตาได้เยี่ยงไร ?

“…..”

เพียงชั่วพริบตาเดียว กองพลที่หนึ่งก็ตกอยู่ในความโกลาหลขึ้นมาอีกครา

เฮ้อซานเตาสั่งการให้ทหาร 3,000 นายของกองนาวิกโยธินให้ปิดตายฐานทัพกองพลที่หนึ่ง เขามิได้กลับไปที่เมืองเซี่ยเย๋ในทันใด เขากลับไปหาฮว่าหนานสวินเสนาธิการกองทัพเรือที่สาม

“ท่านฮว่า…เรื่องก็เป็นเช่นนี้ ข้าเชื่อว่าท่านบริสุทธิ์ใจ ข้าจะแบกรับเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว แต่ว่าเรื่องกองพลที่หนึ่งนั้น ท่านต้องไปจัดการด้วยตนเอง จงจำเอาไว้ว่าพวกเราคือทหารของประเทศต้าเซี่ย ! ”

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของฮว่าหนานสวิน เฮ้อซานเตาก็ได้ห้อตะบึงจากไป

ใช้เวลาเพียงครึ่งถ้วยชา ฮว่าหนานสวินถึงได้เข้าใจเรื่องนี้โดยสมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่าเฮ้อซานเตามิได้เอ่ยไร้สาระ ฝ่าบาททรงเสด็จมายังเมืองเซี่ยเย๋โดยแท้จริง และบังเอิญประสบเข้ากับเรื่องบัดซบนั่น

เจ้าสุนัขชีจ่างห้าว ตัวทำลายชื่อเสียงของกองทัพเรือที่สามอย่างแท้จริง !

เฮ้อซานเตาคงจะลำบากน่าดู เกรงว่าเขาจะถูกฝ่าบาทลงโทษเอาได้

ดังนั้นเขาจึงรีบรุดไปยังฐานทัพของกองพลที่หนึ่ง เขาได้แต่ภาวนาในใจขอให้เฮ้อซานเตากลับมาอย่างปลอดภัย เขาคงมิถูกบั่นศีรษะเข้าหรอกนะ เยี่ยงไรเสียถึงแม้ว่าเฮ้อซานเตาจะมิน่าเชื่อถือ ทว่าเขาก็เป็นแม่ทัพที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่งอย่างแท้จริง

…..

…..

โรงเตี๊ยมที่มิเตะตาแห่งหนึ่งของเมืองเซี่ยเย๋

นักเล่านิทานโจวฮุยพาบุตรีลู่เอ๋อร์มาพักที่นี่

ข้างนอกเกิดความโกลาหล ภายหลังก็ได้มีเสียงปืนดังขึ้นมาอีกครา หลังจากที่เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายครา มินานก็หยุดลง ในสายตาของโจวฮุย เกรงว่าคุณชายที่ช่วยพวกเขาเอาไว้จะตกตายไปเสียแล้ว

เขาเลิกผ้าม่านขึ้น พบเห็นทหารเหล่านั้นจากไปพอดี

เขาถอนหายใจออกมาช้า ๆ พลางพึมพำออกมาว่า “ใต้หล้านี้ ข้าคิดว่าเป็นใต้หล้าที่สงบสุขและรุ่งเรืองแล้วเสียอีก” เขาส่ายหน้าช้า ๆ “เฮ้อ…ต่อให้ฝ่าบาทยิ่งใหญ่เพียงใด สุดท้ายพระองค์ก็หาใช่เทพเซียนไม่”

“ท่านพ่อ” ลู่เอ๋อร์จ้องมองแผ่นหลังของบิดา “เยี่ยงนี้แล้วท่านพ่อจะยังไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิที่เมืองกวนหยุนอยู่อีกหรือ ? ”

โจวฮุยนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ “ไป…เดิมคิดจะใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาตอบแทนฝ่าบาท นี่มิใช่ปัญหาของฝ่าบาทสักหน่อย เหตุใดถึงต้องมิไปด้วยเล่า ? ”

“ท่านพ่อ แล้วนี่คือปัญหาของผู้ใดกัน ? ”

“…เป็นปัญหาของจิตใจมนุษย์”

ลู่เอ๋อร์เอียงศีรษะด้วยสีหน้าฉงน จิตใจที่ยังใสสะอาดของนางมิอาจจินตนาการได้ว่าอันใดคือจิตใจมนุษย์ เหตุใดถึงเกิดปัญหาเยี่ยงนี้ในมนุษย์

“ความโลภคือเหตุผลทั่วไปของมนุษย์ เหมือนกับเจ้าที่ชอบตุ๊กตา ชอบตุ๊กตามิได้มีความผิดอันใด เจ้าสามารถหาเงินด้วยตนเองเพื่อที่จะซื้อตุ๊กตาได้ แต่หากเจ้าแข็งแกร่งเพียงพอ หรือมีอำนาจที่แข็งแกร่งเพียงพอ เกรงว่าสิ่งที่เจ้าคิดคงจะเป็นต้องทำเยี่ยงไรถึงจะแย่งชิงตุ๊กตาตัวนั้นมาได้”

“นี่ก็คือจิตใจมนุษย์”

“แล้วต้องทำเยี่ยงไรถึงจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้กัน ? ”

โจวฮุยนิ่งเงียบไปอีกครา จนกระทั่งท้องนภามืดสนิท เขาก็ยังมิมีคำตอบให้กับคำถามของลู่เอ๋อร์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)