นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1112

ตอนที่ 1112 หน้ามืดตามัว

รัชสมัยต้าเซี่ยที่สอง เดือนเก้า วันที่สาม

ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกวนหยุนสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดแปลกไป

บรรยากาศอันแสนสงบก่อนหน้านี้ดูตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อสังเกตดูดี ๆ กลับมิพบสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิมเลย

ชาวบ้านและบรรดาพ่อค้ายังคงทำหน้าที่ของตนเองดังเดิม ทว่าดูเหมือนขุนนางในเมืองกวนหยุนจะยุ่งมากยิ่งนัก รอยยิ้มที่เคยมีดูจางลงเล็กน้อย มองดูแล้วค่อนข้างที่จะตึงเครียด

“ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทจะก่อสงครามอีกคราแล้ว ! ”

“อย่าได้เอ่ยวาจาไร้สาระเชียว บัดนี้ยังจะมีผู้ใดกล้าต่อกรกับต้าเซี่ยของเราอยู่อีกหรือ ? ”

“เอ่ยไปแล้วพวกเจ้าอาจจะมิเชื่อ ทว่าข้าได้ยินข่าวนี้มาจากกรมกลาโหมเชียว ส่วนเรื่องศัตรูนะหรือ…มิได้มาจากแผ่นดินใหญ่”

“มิได้มาจากแผ่นดินใหญ่ เช่นนั้นมาจากทะเลเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ใช่ ! พวกเขามาจากทางทะเล ได้ยินมาว่าศัตรูครานี้ดุดันมากยิ่งนัก ! ”

“เผิงหมาจื่อเจ้าช่างโง่เง่าเสียจริง ศัตรูมาจากทางทะเลแล้วเยี่ยงไรเล่า ? เมื่อปีกลายทหารเรือของต้าเซี่ยที่นำโดยท่านแม่ทัพไป๋ก็ได้ทำลายล้างกองเรือรบไปหนึ่งกองมิใช่หรือ ทั้งยังจับและยึดทรัพย์สินของเชลยมาได้มากถึง 12 ลำเรือเลยมิใช่หรือ ? บัดนี้ทหารเรือของต้าเซี่ยแข็งแกร่งเพียงใดเจ้ามิรู้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เฉินโต้วฝู่แน่นอนว่าข้ารู้ดี และข้ายังรู้อีกด้วยว่ากองทัพเรือของต้าเซี่ยเรานั้นมีเรือรบมากถึง 38 ลำเลยทีเดียว ! ”

ดวงตาของเผิงหมาจื่อเบิกกว้าง เส้นเอ็นบริเวณลำคอของเขากระตุกเบา ๆ “แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าศัตรูมีเรือรบจำนวนกี่ลำ ? ”

เขายื่นนิ้วชี้ออกมาแล้วเอ่ยว่า “100 ลำเลยทีเดียว ! ”

“แน่นอนว่าเรือรบจำนวน 38 ลำของพวกเรานั้นเพียงพอที่จะจัดการกับเรือของศัตรูจำนวน 100 ลำได้ แต่เรือรบ 38 ลำของเรานั้น บัดนี้ได้ถูกแบ่งประจำการอยู่สามแห่งจากทั้งสามกองทัพน่ะสิ”

เผิงหมาจื่อยกแขนเสื้อขึ้น นิ้วมือของเขาชี้ไปยังโต๊ะน้ำชาแล้ววาดรูปขึ้นมา “พวกเจ้าดู…”

“กองทัพเรือที่หนึ่งของพวกเราอยู่ที่หยวนตงเต้า นี่คือแนวป้องกันทางทะเลของต้าเซี่ยด่านแรก ทว่าบัดนี้กองทัพเรือที่หนึ่งมีเรือรบเพียง 18 ลำ ! ”

“ส่วนที่นี่คือเซี่ยเย๋ ฐานทัพของกองทัพเรือที่สาม ที่นี่มีเรือรบจำนวน 10 ลำ อยู่ห่างจากหยวนตงเต้าเป็นระยะเวลาห้าวันเดินทางเลยทีเดียว ! ”

“ส่วนที่นี่คือเซิงกัง เป็นฐานทัพของกองทัพเรือที่สอง มีเรือรบทั้งสิ้น 10 ลำ ทว่าระยะทางจากท่าเรือเซินกังไปยังหยวนตงเต้าต้องใช้เวลาเดินทางนานนับสิบวัน”

เขาใช้มือดึงแขนเสื้อขึ้นอีกคราพลางถูมือไปมา เผยอยิ้มแล้วเอ่ยกับพวกคนที่เหลืออย่างเป็นทางการว่า “เรือรบที่เซี่ยเย๋และเซินกังยังมิได้ถูกส่งออกไป สถานการณ์ในตอนนี้ก็คือมีเพียงเรือรบจำนวน 18 ลำของกองทัพเรือที่หนึ่ง ที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งหนึ่งร้อยลำนั้น…”

“บัดนี้พวกเจ้ายังรู้สึกว่าทหารเรือกองทัพที่หนึ่งสามารถต่อต้านการโจมตีของศัตรูได้อยู่หรือไม่ ? ”

“มิต้องเอ่ยถึงเรื่องกระสุนปืนใหญ่ของอีกฝ่ายที่จะพุ่งทะยานมาเลย ต่อให้พวกเขาใช้เพียงเรือพุ่งชน ก็คงจะสามารถจมเรือรบของพวกเราทั้งสิบแปดลำได้อย่างง่ายดายแล้ว”

เฉินโต้วฝู่และคนอื่น ๆ ได้แต่สูดหายใจเข้าลึก บัดนี้ทุกคนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับกำลังครุ่นคิด

ทันใดนั้นเอง ชายคนหนึ่งในร้านน้ำชาที่ดูเหมือนอาจารย์ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเจ้ามีจิตใจเป็นห่วงประเทศ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีต่อประเทศต้าเซี่ยมากยิ่งนัก แต่ข้าคิดว่าเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางคงได้คิดหาวิธีการรับมือเอาไว้แล้ว พวกเจ้ามิต้องกังวลเรื่องนี้ไปหรอก ทำหน้าที่ของตนให้ดีเถิด”

เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา เฉินโต้วฝู่ก็ชะงักงันชั่วครู่แล้วเอ่ยออกมาว่า “จริงสิ ! พวกเรามีฝ่าบาทอยู่ยังต้องกังวลอันใดอีกกัน ? ข้ายังขายเต้าหู้มิหมดเลย ไปก่อนล่ะ ! ”

“นั่นสิ…ข้าก็ต้องไปขายขนมงาต่อแล้ว”

“เมื่อได้ยินคำเอ่ยของเผิงหมาจื่อเมื่อครู่ เกือบทำให้ข้าเสียเวลาขนอิฐแล้วเชียว เฮ้อ…ข้าไปก่อนล่ะ ! ”

“พี่อี่ ขนอิฐไปที่ใดกัน ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)