นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1114

ตอนที่ 1114 ถามใจ (1)

เมื่อเข้าสู่เขตของเขาหานซาน กลิ่นอายฤดูใบไม้ร่วงก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

นับจากงานชุมนุมวรรณกรรมราชวงศ์อู๋เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เดินทางมายังเขาหานซานอีกเพียงแค่คราเดียวคือพิธีฝังศพขันทีเจี่ย และได้ขึ้นไปเพียงครึ่งทางเท่านั้น มิได้เข้าไปในวัดหานหลิงแต่อย่างใด

เหตุผลมิใช่เพราะว่าจักรพรรดิเหวินสิ้นใจภายใต้เงื้อมมือของหัวหน้านิกายฝูจึงทำให้เขาเกลียดศาสนาฝู แต่เป็นเพราะเขามิได้มีความเชื่อในเรื่องนี้เลยสักนิด

ทว่าในวันนี้ที่เขาเดินทางมาที่นี่

แน่นอนว่าเขามิได้เปลี่ยนใจกลับมานับถือศาสนา แต่เป็นเพราะในใจของเขาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง มีทั้งเรื่องแผนการแต่งตั้งรัชทายาท อนาคตของต้าเซี่ย อีกทั้งความคิดที่เขาอยากจะสละตำแหน่งจักรพรรดิแล้วใช้ชีวิตตามความต้องการของตนเองเฉกเช่นมารดาของเขา

เขามิได้จะสนทนาเรื่องนิกายฝูกับอาจารย์ฮุ่ยเจวี๋ยในวัดหานหลิง เขาเพียงต้องการครุ่นคิดถึงปัญหาเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ ณ เรือนหยุนชิงหลังเขาหานซานในวัดหานหลิงก็เท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงมิได้พาผู้ใดมาด้วยมากนัก นอกจากโจวฮุยสองพ่อลูกแล้ว ก็มีเพียงหลิวจิ่นกับจ้าวโฮ่วที่ติดตามมารับใช้ ผู้มีฝีมือระดับสูงก็มีเป่ยหวังฉวนกับหนิงซือเหยียนรวมไปถึงซูซูภรรยาของเขา

เมื่อเดินทางมาถึงหลังเขาหานซาน ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยืนอยู่บนลานกว้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่เนิ่นนานเลยทีเดียว หลายปีผ่านไป พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เคยส่องสว่างเป็นประกายกลับหมองหม่นลงเล็กน้อย ประกอบกับร่องรอยถลอกตามวันและเวลา

ในลานกว้างแห่งนี้ช่างเงียบสงบมากยิ่งนัก นอกจากเสียงนกเสียงกาที่ดังขึ้นมาเป็นบางคราก็แทบมิมีเสียงอื่นอีกเลย

บางทีสถานที่แห่งนี้อาจจะเงียบสงบตั้งแต่สิ้นสุดงานชุมนุมวรรณกรรมเมื่อครานั้น มิรู้ว่านักบวชที่อยู่ในวัดนี้ได้ทำพิธีในวัดบ้างหรือไม่

เขาครุ่นคิดพลางเดินเข้าไป ผู้ติดตามทั้งหลายก็ได้เดินตามเขาตรงเข้าไปด้านในจนกระทั่งมาถึงสวนแพร์

ศาลานั้นยังคงอยู่ที่เดิม สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เขาพบกับหนานกงตงเซวี๋ยเป็นคราแรก แน่นอนว่าเป็นสถานที่ที่เขาได้พบกับไทเฮาซีเป็นคราแรกเช่นกัน

เขาเดินตรงเข้าไปด้านในแล้วนั่งลง ก่อนจะกวักมือเรียกโจวฮุยและคนอื่น ๆ “มานั่งก่อนเถิด พักผ่อนกันสักหน่อย”

ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา โจวฮุยได้ครุ่นคิดคำถามขึ้นมาหนึ่งคำถาม ‘จักรพรรดิพระองค์นี้เป็นคนเยี่ยงไรกันแน่ ? ’

เขาได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของฟู่เสี่ยวกวนมามากมาย และได้รับรู้เรื่องราวของฟู่เสี่ยวกวนมามิน้อย เขาคิดว่าตนเข้าใจจักรพรรดิพระองค์นี้อย่างถ่องแท้แล้วว่าจักรพรรดิพระองค์นี้เป็นคนเยี่ยงไร ทว่าเมื่อเขาได้ยืนอยู่ต่อหน้าฟู่เสี่ยวกวน ชั่วอึดใจนั้นจึงได้พบว่าตนมิรู้สิ่งใดเกี่ยวกับจักรพรรดิพระองค์นี้เลย

โจวฮุยเดินตรงเข้าไป ส่วนลู่เอ๋อร์เดินตามซูซูไปยังลานกว้างในสวนแพร์ ทั้งสองคนทำการประลองกันที่นั่น

ส่วนจ้าวโฮ่วได้รับคำสั่งจากหลิวจิ่นให้เดินทางไปยังเรือนหยุนชิง ที่เรือนหยุนชิงยังคงมีนางในดูแลอยู่ แต่เนื่องจากฝ่าบาทเสด็จมาอย่างกะทันหัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปัดกวาดเพิ่มเติม

หลิวจิ่นนำชุดชงชาออกมาวางไว้บนโต๊ะที่ศาลา จากนั้นก็เติมน้ำลงไปในกาก่อนจะโค้งคำนับแล้วไปยืนอยู่ด้านหลังของฟู่เสี่ยวกวน

โจวฮุยใช้ตะบันไฟในการจุดเตา จากนั้นเริ่มต้มชา

ฟู่เสี่ยวกวนมองดูธารน้ำที่ไหลผ่าน อยู่ ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ็ดปี… เจ็ดปีมาแล้ว ผู้คนแปรเปลี่ยนไป มีเพียงภูเขาที่สูงตระหง่านแห่งนี้ที่ยังยืนยงและธารน้ำที่ยังคงไหลดังเดิม”

“เจ้าขึ้นเหนือล่องใต้มาเป็นเวลานับสิบปี คาดว่าคงจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของใต้หล้านี้อย่างใกล้ชิด ข้าอยากจะเอ่ยถามเจ้าสักหน่อยว่า การเดินทางสิบกว่าปีมานี้ เจ้ามีความคิดเห็นเยี่ยงไรกับใต้หล้าในปัจจุบัน ? ”

โจวฮุยจ้องมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยท่าทีประหลาดใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้นคารวะแล้วตอบว่า “ต้าเซี่ยมีความสมัครสมานสามัคคี อีกทั้งกองทัพทหารก็มิอาจมีกองทัพใดในใต้หล้าเทียบเคียงได้ กระหม่อมขอเอ่ยด้วยความกล้าหาญทั้งหมดที่มีว่า…ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“การที่ห้าแคว้นรวมกันเป็นหนึ่ง จนกลายมาเป็นต้าเซี่ย ขยับขยายอาณาเขตให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น หากว่าพระองค์ประสงค์จะให้อาณาเขตนี้กว้างใหญ่มากกว่าเดิม กระหม่อมได้สำรวจดูกองทัพทหาร ณ เมืองเซี่ยเย๋แห่งต้าเซี่ยมาแล้ว… จึงรู้ได้ว่าเพียงฝ่าบาททรงมีพระประสงค์ ต่อให้เป็นอีกครึ่งของมหาสมุทรก็สามารถนำมาเป็นเมืองขึ้นของต้าเซี่ยได้”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เขาพยักหน้าเบา ๆ อีกทั้งยังถอนหายใจออกมาเสียยืดยาว “นั่นสิ ! เพียงแค่ข้าต้องการ แท้ที่จริงแล้วก็ยังสามารถทำสงครามขยายอาณาเขตให้กว้างขวางกว่านี้ได้อีก”

เขาละสายตากลับมาแล้วจ้องมองไปทางโจวฮุยพลางเอ่ยว่า “ในช่วงหนึ่งร้อยปีของชีวิต ดูเหมือนว่าจะสามารถสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ แต่เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่าเมื่อเข้ายึดครองเมืองเหล่านั้นมาแล้วจะดูแลจัดการเยี่ยงไร ? ”

“ต่อให้บัดนี้ยังมีสิ่งที่มิน่าพึงพอใจอีกมากมายในต้าเซี่ย ทว่าประเทศหนึ่งก็เปรียบเสมือนกับอาคารใหญ่ บัดนี้รากฐานของต้าเซี่ยดูเหมือนจะถูกรวมเข้าด้วยกันแล้ว แต่ในความเป็นจริงมิใช่ดังนั้นเลยสักนิด ความหมายของข้ามิได้ต้องการจะสื่อถึงขุนนางของต้าเซี่ยที่ยังพยายามมิเต็มที่ แต่รากฐานของต้าเซี่ยโดยพื้นฐานแล้ว ล้วนขึ้นอยู่กับจักรพรรดิเยี่ยงข้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)