ตอนที่ 1137 พลังของวิทยาศาสตร์
สุริยาโพล่พ้นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ฟู่เสี่ยวกวนเดินออกไปยังดาดฟ้าของกวนหยุนห้าว
เขาฝึกออกหมัดอยู่บนดาดฟ้า นานหลายปีแล้วที่มิได้ฝึก ของสิ่งนี้ราวกับถูกสลักลงไปในกระดูกของเขา การเคลื่อนไหวค่อนข้างติดขัด ทว่าเขามิเคยลืมในทุกกระบวนท่า
หลิวจิ่นพานางในมาคอยปรนนิบัติอยู่อีกด้าน เขาจ้องมองกระบวนท่าที่ทรงพลังของฟู่เสี่ยวกวน พลางรู้สึกว่าองค์จักรพรรดิช่างเก่งกาจมากยิ่งนัก
ไป๋ยู่เหลียนสะพายดาบยาวไว้ด้านหลังยกสองแขนขึ้นกอดอกและยืนพิงกับพนักเรือ ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา เขาเคยเห็นกระบวนท่าของฟู่เสี่ยวกวนมาก่อนตอนที่อยู่เรือนซีซาน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายปีแล้ว กระบวนท่าของเขาราวกับมิได้ก้าวหน้าแต่อย่างใด
เมื่อยืดเส้นยืดสายเรียบร้อยแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนจึงเดินไปล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ ดาดฟ้าแล้วเอ่ยกับหลิวจิ่นว่า “จงไปเรียกหยุนซีเหยียนมา อ้อ ! ให้ห้องเครื่องนำมื้อเช้ามาส่งที่นี่สำหรับสามคนด้วย”
“มา ๆ ๆ นั่งก่อน”
เขาโบกมือเรียกไป๋ยู่เหลียน ไป๋ยู่เหลียนจึงเดินเข้าไปหา จากนั้นก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา
“เหล่าไป๋เอ๋ย บัดนี้ข้าก็บรรลุขั้นหนึ่งแล้วเช่นกัน เจ้าว่าข้าจะสามารถเอาชนะเจ้าเฮ้อซานเตาได้หรือไม่ ? ”
ไป๋ยู่เหลียนกระตุกยิ้มพลางส่ายหน้าเบา ๆ “จะสู้ได้เยี่ยงไรเล่า เฮ้อซานเตานับถือฝ่าบาทเป็นลูกพี่ เขาจะกล้าลงมือเต็มกำลังกับฝ่าบาทได้เยี่ยงไร ! ”
“เยี่ยงนั้นข้าก็สู้กับเจ้าหมอนั่นมิได้แล้วน่ะสิ… เฮ้อ…ช่างเถิด ข้าอุตส่าห์คิดไว้ว่าหากตนบรรลุขั้นหนึ่งแล้วจะสั่งสอนเขาสักหน่อย ใช่ ! เหล่าไป๋ เจ้าว่ากองทัพบกของประเทศต้าเซี่ยแปดแสนนายจะมากเกินไปหรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนได้ครุ่นคิดถึงปัญหานี้มาเนิ่นนาน ตามมาตรฐานอุปทานของกองทัพประเทศต้าเซี่ย กองทัพบก 800,000 นายจำต้องใช้งบประมาณก้อนใหญ่ แม้ว่าท้องพระคลังในปัจจุบันของประเทศต้าเซี่ยจะสามารถแบกรับได้ไหว ทว่าบัดนี้บนบกมิได้มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอันใดแล้ว สามารถลดรายจ่ายตรงส่วนนี้ได้
เมื่อไป๋ยู่เหลียนได้ยินดังนั้นก็ชะงักงันขึ้นมาทันใด “เมื่อปีนั้นยามที่ฝ่าบาทกลับมายังราชวงศ์อู๋ ฝ่าบาทก็ได้ทำการลดกองกำลังทหารลงหนึ่งครา ตอนนี้กองทัพของประเทศต้าเซี่ยจำนวน 800,000 นาย นอกจากกองกำลังที่หกเจ็ดแปดต่างก็เป็นยอดฝีมือบู๊ลิ้มที่คัดเลือกมาอย่างยากลำบาก…นอกจากนี้”
ไป๋ยู่เหลียนหยิบแผนที่หนึ่งใบออกมาจากอก จากนั้นก็กางไว้บนโต๊ะ “เส้นทางสายไหมทางบกนี้ ยังต้องการกำลังของกองทัพไปสยบอยู่ พวกเราจำต้องฝึกฝนพวกเขาอีกเล็กน้อย สี่ทิศของประเทศต้าเซี่ยจำต้องมีกองทัพบกคอยเฝ้าระวัง ในความคิดเห็นของกระหม่อม มิยกเลิกพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้าช้า ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าเพียงเอ่ยถามความคิดเห็นในเรื่องนี้ของเจ้าก็เท่านั้น หลังจากที่ทุกอย่างมั่นคงแล้วค่อยกลับมาสนทนาเรื่องนี้กันอีกครา หลังจากที่ระดับการวิจัยและพัฒนาของสำนักวิทยาศาสตร์แห่งชาติเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ เรื่องนี้ก็ยังต้องดำเนินต่อไป”
“เพราะเหตุใด ? ”
ไป๋ยู่เหลียนมิเข้าใจความหมายในคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนสักเท่าใดนัก กองทัพของประเทศหนึ่ง มิได้มีไว้เพียงเพื่อต้านทานศัตรูเท่านั้น ในสายตาของไป๋ยู่เหลียน กองทัพที่ภักดีต่อฝ่าบาท ต้องทำให้เกิดความเสถียรภาพภายในประเทศด้วย
ทว่าฟู่เสี่ยวกวนมิได้คิดเช่นนั้น ทิศทางความคิดของเขาตั้งแต่เริ่มจนจบคือกองทัพของต้าเซี่ยต้องต่อกรกับศัตรูภายนอกเท่านั้นมิใช่ภายใน หากกองทัพต้องทำสงครามภายในจริง ๆ ก็สามารถเอ่ยได้เพียงว่าเกิดปัญหาขึ้นที่ภายใน และเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงอย่างมากอีกด้วย
“ในยามที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปหนึ่งก้าว ข้าจะบอกกับเจ้าเยี่ยงนี้ก็แล้วกัน บัดนี้ปืนเหมาเซ่อของพวกเราสามารถยิงติดต่อกันได้ 5 นัดแล้ว ก้าวต่อไปคือปืนกล… เป็นปืนชนิดหนึ่งที่สามารถยิงติดต่อกันได้หลายนัด”
“ปืนชนิดนี้สามารถเพิ่มกำลังรบให้กับกองทัพได้มากโขเลยล่ะ แน่นอนว่ามันเป็นเพียงอาวุธหนึ่งอย่างเท่านั้น”
“เจ้าเองก็รู้จักสิ่งที่เรียกว่าบอลลูนไฟนี่ พวกเราเคยใช้หนึ่งคราตอนที่ปราบโจรบนภูเขาผิงหลิง จากนั้นก็ปรากฏในสนามรบน้อยมากยิ่งนัก มันมีข้อดีที่ได้เปรียบอยู่มากโข ซึ่งนั่นก็คือการโจมตีทางอากาศ ! ”
“เจ้าลองคิดดูดี ๆ หากทหารของพวกเราขึ้นไปควบคุมการบินของบอลลูนไฟให้ลอยอยู่เหนือสนามรบของศัตรูได้ จากด้านบนลงไปด้านล่าง จะยิงก็ดี โยนระเบิดก็ดี นี่ถือเป็นการโจมตีแนวดิ่ง… วิธีการนี้จะทำให้ศัตรูไร้หนทางต่อกรกับพวกเราโดยสิ้นเชิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)