นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1146

ตอนที่ 1146 สงครามคราแรก

ลมทะเลพัดมาเอื่อย ๆ คลื่นซัดเข้าหาชายฝั่ง ราวกับบทเพลงอันอ่อนโยน

ค่ายทหารที่ใหญ่โตนี้ นอกจากบรรดาทหารที่มุ่งหน้าไปยังเมืองซ่างหลัว ทุกคนก็ได้เข้านอนหมดแล้ว

ไฟในค่ายถูกดับลง มีเพียงกระโจมตรงกลางเท่านั้นที่ยังคงส่องสว่างอยู่

อาเรียอังผมจนแห้ง นางยืนอยู่เบื้องหน้าฟู่เสี่ยวกวนอย่างมีความสุข ฟู่เสี่ยวกวนวางหนังสือในมือลง จากนั้นก็คว้ามือของอาเรียมากุมเอาไว้

มือของอาเรียสั่นเทาเล็กน้อย ใบหน้าของนางแดงเรื่อพลางก้มหน้างุด ท่าทีเช่นนี้ดูอ่อนโยนมากยิ่งนัก

ฟู่เสี่ยวกวนอุ้มนางขึ้นมา เปิดม่านมุ้งแล้ววางนางลงบนฟูกที่อ่อนนุ่มและอบอุ่น

แน่นอนว่า นี่เป็นคืนที่งดงามท่ามกลางดินแดนอันไกลโพ้น

ท้องนภาส่องสว่างเป็นประกาย ฟู่เสี่ยวกวนตื่นขึ้นมาจากความฝันอันแสนหวาน เขาจ้องมองอาเรียที่กำลังนอนขดตัวกลมเหมือนลูกแมวอยู่ข้าง ๆ มุมปากของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย เขาค่อย ๆ ย่องลงจากเตียง ห่มผ้าให้กับอาเรียแล้วสวมเสื้อผ้าให้กับตนเอง จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอกกระโจม

หลิวจิ่นพบว่าฝ่าบาทมีสีพระพักตร์ดีขึ้นกว่าตอนอยู่บนเรือมิน้อย จึงรีบเข้าไปเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอันเบาว่า “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ยามเช้าเช่นนี้อากาศหนาวเย็นมากยิ่งนัก เชิญฝ่าบาทเสด็จกลับเข้าไปพักผ่อนในกระโจมเถิด กระหม่อมจะไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำมาให้”

“เจ้าจงไปเถิด ข้าจะอยู่ชมทิวทัศน์ที่นี่”

หลิวจิ่นโค้งคำนับแล้วก้าวถอยหลังจากไป ฟู่เสี่ยวกวนมองออกไปยังสถานที่อันไกลโพ้น เห็นเส้นขอบฟ้าและทะเลบรรจบกัน เขาจ้องมองภาพนั้นอยู่เนิ่นนาน

นี่คือประโยชน์ของอำนาจ !

เนื่องจากเขากุมอำนาจที่ใหญ่ที่สุดไว้ในมือ ทุกคนจึงเห็นเขาเป็นศูนย์กลางและคอยหมุนรอบตัวเขาอย่างระมัดระวัง แม้แต่ต่างแดนที่แสนยากจนนี้ ก็ยังมีหญิงสาวโผเข้ามาในอ้อมอกของเขา

แน่นอนว่าอำนาจดังกล่าวนั้นน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน มันเป็นดั่งสารเสพติดที่ทำให้ผู้คนมิอาจเลิกได้เมื่อได้ลิ้มลอง… มิเพียงแต่เลิกมิได้เท่านั้น แต่มันยังทำให้คนที่ได้ลิ้มลองยอมทำทุกวิถีทางเพื่อกอบกุมมันเอาไว้ในกำมืออย่างแน่นหนา

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ตนเองได้ตกลงไปในหลุมลึกนี้แล้วหรือไม่ ?

แน่นอนว่า การเปลี่ยนจากยากจนเป็นหรูหรานั้นง่ายดาย ทว่าหากเปลี่ยนจากหรูหราเป็นยากจนนั้นช่างยากเสียเหลือเกิน

หลิวจิ่นพานางในจำนวนหนึ่งถืออุปกรณ์อาบน้ำเข้ามา ฟู่เสี่ยวกวนจึงหันหลังกลับเข้าไปในกระโจม คาดมิถึงว่าบัดนี้อาเรียได้ตื่นขึ้นมาแล้ว นางสวมชุดคลุมสีขาวใบหน้าแดงเรื่อนั่งอยู่ในกระโจมอันอบอุ่น

เมื่อมองไปยังถังไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำอุ่น อาเรียจึงก้าวเดินเข้าไปเบื้องหน้าและปลดอาภรณ์ให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน

หลิวจิ่นและคนอื่น ๆ จึงเดินออกจากกระโจมไป ภายในกระโจมได้เกิดภาพฤดูใบไม้ผลิอันงดงามขึ้นมาอีกครา

นี่คือความสุขที่ได้มาด้วยอำนาจ ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ในใจ จากนั้นน้ำในถังไม้ใบใหญ่ก็สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ อาเรียล้มลงไปในถังน้ำใบนั้นอีกครา

……

……

ขบวนได้ออกเดินทางจากค่ายทหารในยามเช้าตรู่ ฟู่เสี่ยวกวนมิได้พาอาเรียไปด้วย

เขาได้กำชับกับอาซูต้าเอาไว้อย่างดิบดี อีกทั้งยังสั่งให้ทุกคนในหมู่บ้านเคารพอาเรียในนามของดินแดนเทพทางตะวันออก

พวกเขาจากไปแล้ว

อาเรียสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวและเครื่องประดับเงินทอง นางยืนเท้าเปล่าอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน จนกระทั่งเงาของพวกเขาหายลับไปจากระยะของสายตา

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ในรถม้า อยู่ ๆ หนิงซือเหยียนก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “การเดินทางครานี้ยาวไกลมากยิ่งนัก เหตุใดถึงมิพานางมาด้วยเล่า ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะพลางส่ายหน้า “ข้าเปลี่ยนไปแล้วและมันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ! ”

หนิงซือเหยียนตื่นตกใจขึ้นมาทันใด เขาพิจารณาฟู่เสี่ยวกวนอย่างละเอียด มิทราบเช่นกันว่าเปลี่ยนไปเช่นไร ทว่าในความคิดของหนิงซือเหยียนนั้นอย่าว่าแต่องค์จักรพรรดิเลย เพียงบุตรชายของตระกูลที่ร่ำรวยการที่จะกินอาหารนอกบ้านถือเป็นเรื่องปกติมากยิ่งนัก ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับตระหนักถึงสัญญาณที่มิดีได้ เขาเกรงว่าจะสับสนกับอำนาจเหล่านี้และสูญเสียความเป็นตนเองไป

“มนุษย์เราเป็นเรื่องปกติที่จะมีความต้องการเช่นนี้ ท่านและข้าล้วนอยู่ในวัยที่พลุ่งพล่านดุจมังกรและราชสีห์”

ฟู่เสี่ยวกวนยอมรับในเรื่องนี้ ดังนั้นนับจากนี้สืบไปหากเขาจะเดินทางไกลก็จำต้องพาภรรยามาด้วยสักคน

“ข้ายังจำรสชาติไก่ย่างที่เจ้าย่างอยู่ในคฤหาสน์จิ้งหูได้เป็นอย่างดี รสชาติอร่อยมากยิ่งนัก… เจ้ามิได้ย่างไก่มานานเท่าใดแล้ว ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)