นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1148

สรุปบท ตอนที่ 1148 พ่ายแพ้มิเป็นท่า: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1148 พ่ายแพ้มิเป็นท่า – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 1148 พ่ายแพ้มิเป็นท่า ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1148 พ่ายแพ้มิเป็นท่า

สถานที่แสนทุรกันดาร ฤดูหนาวช่างเงียบเหงามากยิ่งนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเช้าตรู่เช่นนี้

ฟู่เสี่ยวกวนพาเป่ยหวังฉวนและหนิงซือเหยียนเดินทางออกจากค่ายตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากอาหารกระป๋องนั้นเมื่อกินไปนาน ๆ เข้าก็เริ่มมิน่ากิน

ดังนั้นเขาจึงอยากออกไปล่าสัตว์ป่ามาสักหน่อย อย่างเช่นแพะ…ทว่าสถานที่แห่งนี้มิใช่ภูเขา เช่นนั้นก็คงต้องดูว่ามีสัตว์เล็ก ๆ อย่างอื่นหรือไม่

ฟู่เสี่ยวกวนพบเข้ากับฝูงกระทิง วัวกระทิงตัวเล็กช่างโชคร้ายเสียจริง มันถูกเป่ยหวังฉวนยิงเข้าที่คอ

ฝูงวัวกระทิงวิ่งหนีด้วยความแตกตื่น หนิงซือเหยียนอุ้มวัวกระทิงตัวเล็กซึ่งมีน้ำหนักราว 200 ชั่งขึ้นมาแบกไว้บนบ่า จากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับไปที่ค่าย

หลิวจิ่นก่อกองไฟขนาดใหญ่ขึ้นที่นอกกระโจม หนิงซือเหยียนมองหาทะเลสาบ หลังจากพบแล้วจึงนำกระทิงตัวน้อยไปทำความสะอาดแล้วแบกกลับมา

“ข้าชื่นชอบชีวิตเช่นนี้มากยิ่งนัก”

ฟู่เสี่ยวกวนใช้ดาบของหนิงซือเหยียนหั่นเนื้อวัวกระทิงพลางเอ่ยออกมาว่า “อาหารป่าสมควรค่าแก่การลิ้มลอง หากผ่านไปอีกพันปี คาดว่าคงจะมิมีให้ลิ้มลองอีกต่อไปแล้ว”

หนิงซือเหยียนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “สูญพันธุ์เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ก็มิเชิง ! ทว่ามันหาได้ยากมากยิ่งนัก อีกมินานมันจะกลายเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การหวงแหนมากกว่ามนุษย์เสียอีก”

หนิงซือเหยียนยังมิอาจเข้าใจได้ หยุนซีเหยียนที่กำลังคลุกเคล้าเครื่องปรุงก็มิเข้าใจเช่นกัน เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านรู้ถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นอีกพันปีข้างหน้าด้วยหรือ ? ”

“ฮ่า ๆ ข้าคือจักรพรรดิผู้ทำนายแห่งต้าเซี่ย เอาล่ะ ! ลงมือย่างเร็วเข้า หลิวจิ่นจงจำเอาไว้ว่าย่างให้สุกแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น”

ในต้าเซี่ย วัวยังคงเป็นสัตว์คุ้มครอง เนื่องจากการทำนายังต้องใช้แรงงานวัวอยู่ ฟู่เสี่ยวกวนดูเหมือนจะนึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปเอ่ยกับหยุนซีเหยียนว่า “ปีหน้าเมื่อพวกเราเดินทางกลับไปแล้ว จำต้องสนับสนุนเกษตรกรให้เลี้ยงวัวสักหน่อยแล้ว”

“หากมิให้คนกินเนื้อวัว พวกเขาก็คงมิยอมเลี้ยงมันหรอก”

“ข้ารู้ ! ดังนั้นข้าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายในปีหน้า เนื้อวัวนั้นมีคุณประโยชน์มากกว่าเนื้อหมูมากมายนัก จำต้องให้ราษฎรของเรากินเนื้อวัว เจ้าจงจดจำเรื่องนี้เอาไว้”

หยุนซีเหยียนเงยหน้าขึ้นมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้มิยาก ! หากนโยบายนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คาดว่าจำนวนวัวของต้าเซี่ยคงจะเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่เสี่ยวกวนก็นึกถึงเนื้อวัวชื่อดังในชาติก่อนขึ้นมาทันที

“หลิวจิ่น เจ้าจงบันทึกเอาไว้ เมื่อกลับไปแล้วจงตักเตือนข้าด้วยว่าที่หยวนตงเต้ามีอยู่วัวอยู่ชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่…ประตูน้ำโบราณ เป็นวัวที่มีขนสีดำเนื้อลายดุจหิมะ วัวพันธุ์นี้เป็นวัวที่มีเนื้ออร่อยที่สุดในใต้หล้า จงขยายพันธุ์มันอย่างเต็มที่ หรือจะนำมาให้ต้าเซี่ยลองเลี้ยงดูก็เป็นได้”

“…” หลิวจิ่นตกตะลึงขึ้นมาทันใด “รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“จริงสิ ! หยุนซีเหยียน หมูเซียงจูของต้าเซี่ยบัดนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

“ท่านเผิงฟางชื่อหลางแห่งกรมเกษตรได้ขยายพันธุ์เป็นเซียงจูซานห้าวแล้ว มันสามารถเติบโตจนมีน้ำหนัก 200 ชั่งได้ภายในระยะเวลา 1 ปี ทว่า…ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ปริมาณหมูในตอนนี้ล้นตลาด ส่งผลให้ราคาหมูลดลงเหลือเพียงชั่งละ 8 อีแปะเท่านั้น มันถูกจนเกินไป ถูกเสียจนทำร้ายเกษตรกร”

“โรงงานอาหารกระป๋องได้รับซื้อไปจำนวนมาก มิเช่นนั้น…หากนำหมูเข้าสู่ตลาดทั้งหมด เกรงว่าจะมิเหลือกำไรเลยสักอีแปะเดียว”

เรื่องนี้ฟู่เสี่ยวกวนเคยคิดเอาไว้อยู่แล้ว แต่เขามัวยุ่งกับเรื่องอื่น ๆ จนหลงลืมมันไป

เนื้อหมูสามารถส่งออกได้ในปริมาณมาก ทว่าตอนนี้ยังมิมีตู้แช่แข็ง… ตู้แช่แข็งเยี่ยงนั้นหรือ ? ต้าเซี่ยมิได้ขาดแคลนดินประสิวสักหน่อยนี่ ของสิ่งนั้นสามารถทำน้ำแข็งได้ เขาลืมสิ่งนี้ไปได้เยี่ยงไร คนเรามิอาจทำทุกสิ่งด้วยตนเองได้จริง ๆ นั่นแหละ

“เมื่อทางรถไฟถูกสร้างจนเสร็จสิ้นแล้ว ต้าเซี่ยจะส่งหมูออกไปยังประเทศอื่น ๆ ”

“แต่การเดินทางต้องใช้เวลาเนิ่นนานเลยทีเดียว”

“มิเป็นไร…ข้ามีวิธีทำให้หมูยังสดใหม่”

หยุนซีเหยียนเงยหน้ามองฟู่เสี่ยวกวนอีกครา ฝ่าบาทเอ่ยว่ามีวิธีรักษาหมูให้สดใหม่ได้ คาดว่าคงจะเป็นจริงดังนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากแต่ก็มิได้เอ่ยถามอันใดออกไปอีก

เนื้อวัวย่างมีกลิ่นที่หอมหวนมากยิ่งนัก เพียงแต่วัวกระทิงนี้มีเนื้อค่อนข้างหนาและเหนียว

เมื่อพวกเขารับประทานอาหารมื้อใหญ่เรียบร้อยแล้ว กองทัพก็ได้ออกเดินทางอีกครา

แกรนด์ดยุกฟิลิปขยี้ตาของตนเองจนเป็นสีแดง เขายืดเอวขึ้นบิดขี้เกียจ วันนี้เขาจะมิเข้าโจมตีเมืองซ่างหลัว ดังนั้นจึงอยากนอนพักผ่อนสักหน่อย

สตรีแคว้นหลิวผู้บอบบางนางนั้นคาดว่าบัดนี้คงจะเหงามากยิ่งนัก หรือเขา…จะลองดูอีกสักคราดี ?

หลังจากที่พ่ายแพ้บนน่านน้ำในครานั้น เขาก็รู้สึกว่าตนทำเรื่องนั้นมิได้แล้ว ส่วนปัญหาเกิดขึ้นตรงที่ใด เขาเองก็หารู้ไม่ ซึ่งมันทำให้เขาตกใจมากยิ่งนัก

บัดนี้เขารู้สึกครึกครื้นขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะมิมีปัญหาใดแล้ว ในใจรู้สึกยินดีมากยิ่งนัก ในขณะที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาหลายนัด “ปัง ๆ ๆ ! ”

เขาผงะขึ้นมาทันใด เจ้าสิ่งนั้นกลับไปใช้งานมิได้อีกครา !

เขาหันหลังเดินออกจากกระโจมอย่างรวดเร็ว “เกิดอันใดขึ้นกัน ? ”

“ท่านแกรนด์ดยุกขอรับ ศัตรูบุก ! ศัตรูบุกเข้ามาแล้ว ! ”

ศัตรูจากที่ใดกัน ?

“เผชิญหน้ากับศัตรู ! ทหารทุกนาย รีบไปเผชิญหน้ากับศัตรูเร็วเข้า ! ”

เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกมันเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญดังขึ้นมา ตามมาด้วยชุดเกราะสีเงินสว่างเจิดจ้าของเหล่าทหารที่ปรากฏขึ้นมาในสายตา เขาเคยเห็นชุดเกราะเช่นนี้เมื่อคราที่ต่อสู้บนน่านน้ำหยวนตงเต้า ทหารของศัตรูสวมชุดเกราะเหมือนกันกับพวกเขา !

ทหารของดินแดนแห่งเทพทางตะวันออกเยี่ยงนั้นหรือ ? !

แกรนด์ดยุกฟิลิปสูดหายใจเข้าลึก ร่างของเขาแข็งทื่อจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง พวกเขา…พวกเขามาถึงที่นี่ได้เยี่ยงไรกัน ?

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วดังเดิม

ทหารฝูหล่างจีจำนวน 6,000 นายพ่ายแพ้อย่างมิเป็นท่าให้แก่กองนาวิกโยธิน 2,000 นาย

ถังเชียนจวินเป็นผู้นำ เขาขี่ม้าและเหยียบย่ำลงไปบนหยาดโลหิตและศพของศัตรู ในมือถือปืนเหมาเซ่อแล้วเล็งไปที่แกรนด์ดยุกฟิลิปดุจดั่งเพชฌฆาต

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)