สรุปตอน ตอนที่ 115 ฟู่เสี่ยวกวนรับตำแหน่ง – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
ตอน ตอนที่ 115 ฟู่เสี่ยวกวนรับตำแหน่ง ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 115 ฟู่เสี่ยวกวนรับตำแหน่ง
“ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้า คุณชายฟู่โปรดตามข้าไปเข้าเฝ้าที่พระราชวังด้วยเถิด”
ฟู่เสี่ยวกวนได้ยินเยี่ยงนั้น ในใจก็นึกยินดี แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย
“เยี่ยงนั้นคงต้องรบกวนท่านขันทีแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศเย็นเยี่ยงนี้ ทำให้ข้าน้อยนึกถึงท่านขันทีขึ้นมาว่ายังขาดเสบียงหรือเครื่องนุ่งห่มบ้างไหม น้ำใจเล็กน้อยนี้อยากจะขอให้ท่านขันทีรับเอาไว้ และนำไปซื้อโสมแก่และหวงฉีมาตุ๋นสักเล็กน้อย เพื่อบำรุงร่างกาย จึงจะมีกำลังรับใช้ฝ่าบาทนะขอรับ”
ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวพร้อมกับยัดตั๋วเงินจำนวนห้าพันตำลึงใส่มือของขันทีเจี่ย นี่คือเรื่องปกติ แต่ปัจจุบันนี้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานนัก หากรับตั๋วเงินนี้ไว้เกรงว่าจะมิดี
ในตอนที่ขันทีเจี่ยกำลังจะถอยห่าง ฟู่เสี่ยวกวนก็หยิบขวดน้ำหอมกลิ่นดอกกุ้ยฮวาขึ้นมา 1 ขวด และกระซิบข้างหูของขันทีเจี่ย “สิ่งนี้คือน้ำหอมที่ข้าน้อยทำขึ้นมา พรมตามร่างกายเล็กน้อยก็จะมีกลิ่นหอมติดทนนาน แล้วสิ่งนี้ยังมิได้ออกสู่ตลาด ข้าน้อยจึงอยากให้ท่านขันทีช่วยทดลองใช้เล็กน้อย”
นี่คือของชั้นดี !
ขันทีเจี่ยนำน้ำหอมขึ้นมาดมที่ปลายจมูก ในใจก็นึกชื่นชอบยิ่ง
ขันทีมีปัญหาที่ใหญ่หลวงอยู่หนึ่งสิ่ง โดยเฉพาะกับขันทีชราอย่างขันทีเจี่ย คือกลิ่นประหลาดที่ยากจะจัดการ หากมีสิ่งนี้ก็จะแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากนี้ได้
“สิ่งนี้ข้าจะรับเอาไว้ ส่วนตำลึงเงินนี้…”
ฟู่เสี่ยวกวนกำมือของขันทีเจี่ยไว้ “มิต้องกล่าวอันใดแล้วขอรับ นี่คือน้ำใจเล็กน้อยของข้า พวกเราไปกันเถิด อย่าให้ฝ่าบาททรงรอนานเลย”
ขันทีเจี่ยเมียงมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างพินิจพิจารณาอยู่ชั่วครู่ สายตาของฟู่เสี่ยวกวนใสกระจ่าง ใบหน้าประดับรอยยิ้มที่จริงใจ เขาจึงรับตั๋วเงินและน้ำหอมมา “เชิญคุณชาย !”
ตลอดทางขันทีเจี่ยบอกเล่าเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างมากมายในวังหลวงให้ฟู่เสี่ยวกวนฟัง ในตอนท้ายก็กล่าวถึงเสนาบดีกรมพิธีการชือเฉาหยวน
“เสนาบดีชือยังคงเป็นหัวหน้าตระกูลชือ เมื่อวานที่พระราชวังจินเตี้ยนท่านกลับทำให้เขาขุ่นเคืองจนกระอักเจียนตาย ข้าจึงอยากจะเอ่ยเตือนคุณชายฟู่เสียเล็กน้อย ยามปกติเวลาออกไปไหนโปรดนำใครติดตามไปด้วย โปรดระวังการแก้แค้นของตระกูลชือ”
“อยู่แทบพระบาทของฝ่าบาท พวกเขาตระกูลชือยังกล้าทำร้ายผู้คนตามท้องถนนเยี่ยงนั้นหรือ ?”
ขันทีเจี่ยยิ้มน้อย ๆ “เมืองหลวงแห่งนี้เป็นที่ที่งูและมังกรอยู่ปะปนกัน ตระกูลชือนี้เป็นหนึ่งในหกตระกูลที่มีอำนาจของเมืองหลวง ใช้เงินเพียงเล็กน้อย ก็มีคนพร้อมจะถวายชีวิตให้พวกเขา”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า คิดว่าหลังจากนี้ยามออกไปไหนคงต้องพาซูม่อไปด้วยแล้วจริง ๆ
ขันทีเจี่ยลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “องค์ชายห้าพระเชษฐาขององค์หญิงเก้า คุณชายฟู่ควรหาโอกาสไปพบพระองค์ให้จงได้”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงัก หยูเวิ่นหวินก็เคยเกริ่นไว้ว่านางมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน เพียงแต่มิเคยกล่าวโดยรายละเอียด หรือว่าองค์ชายห้าผู้นี้จะมีอะไรที่พิเศษอยู่กัน ?
เขาหันไปมองขันทีเจี่ย ขันทีเจี่ยเพียงยิ้ม และมิอธิบายอันใด
……
…..
ทั้งสองได้มาถึงท้องพระโรงเฉิงเทียน ฟู่เสี่ยวกวนเดินไปข้างหน้าและคุกเข่าลงเสียงดัง “ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี”
องค์ฮ่องเต้หยูยิ่นชะงัก ข้ากำลังหารืออยู่กับเหล่าขุนนาง ยังมิทันเรียกเจ้า เจ้าจะคุกเข่าลงเพื่ออะไรกัน ?
“ลุกขึ้น”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้น ครุ่นคิดไปถึงคำพูดเมื่อครู่ของขันทีเจี่ย และมองไปยังมุมสุดของแถวสุดท้ายที่ผ่านมา
เอ๊ะ ชือเฉาหยวนก็อยู่ที่นี่ !
คนผู้นี้หายดีได้โดยเร็วเยี่ยงนั้นหรือ ?
เอ๊ะ ชืออีหมิง ฟางเหวินซิงและสีส่วงก็อยู่ที่นี่ คาดว่าน่าจะเป็นสามอันดับแรกของการทดสอบของวังหลวง
มิใช่ พวกเจ้าจ้องมาทางข้าทำไมกัน ?
ฟู่เสี่ยวกวนลูบใบหน้า คิดว่าตนเองก็ได้ล้างหน้าแล้ว หรือว่าล้างไม่สะอาดกัน?
“ฟู่เสี่ยวกวน เจ้าลองกล่าวมา ว่าการอภิเษกสมรสในครานี้ยังขาดสิ่งใดหรือไม่ ?”
ฟู่เสี่ยวกวนสะดุ้งตกใจ ข้าจะไปรับทราบระเบียบการเหล่านั้นได้เยี่ยงไร ?
เขารีบกุมกำปั้นในทันที “กระหม่อมรู้สึกว่าท่านเสนาบดีทั้งหลายต่างกล่าวได้อย่างสมเหตุสมผลอย่างถึงที่สุด”
“ข้าบอกให้เจ้าพูดเจ้าก็พูดมา มากล่าวอะไรเลอะเทอะกับข้ากัน” องค์ฮ่องเต้ลอบวิจารณ์อยู่ในใจ เมื่อครู่เห็นชัด ๆ ว่าเจ้ากำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มเมื่อครู่ดูมีเลศนัยยิ่ง ยอมมีความคิดที่ดีอยู่เป็นแน่
นี่…
ฟู่เสี่ยวกวนกลืนน้ำลายหนึ่งอึก ยามนี้มีขุนนางมากมายต่างหันมองมาทางเขา ในสายตานั้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย มิรู้ว่าเรื่องที่ใหญ่หลวงเยี่ยงนี้เหตุใดฝ่าบาทจึงต้องขอความคิดเห็นจากชายหนุ่มที่ไร้ตำแหน่งผู้นี้กัน
“กระหม่อมคิดว่า วิถีชีวิตของชาวฮวงอยู่ในดินแดนทุรกันดาร องค์หญิงสามเป็นผู้สูงส่ง หากไปทางนั้น ปัญหาแรกที่ต้องใคร่ครวญเลยคือสถานที่ประทับพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าฝั่งชาวฮวงควรสร้างตำหนักประทับขององค์หญิงตามแบบฉบับต้าหยูขึ้นมา เรือนประทับนั้นเป็นเรื่องใหญ่หลวง หากองค์หญิงสามเสด็จไปแล้วมิอาจประทับได้อย่างสุขกาย ไหนเลยจะมีพระทัยไปกล่อมเกลาชาวฮวงเหล่านั้นกันพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์ฮ่องเต้ผุดยิ้มทันที ดูสิ ดูสิ เจ้าหนุ่มผู้นี้ช่างเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เสนาบดีตำแหน่งโตอย่างพวกเจ้าพูดกันมาค่อนวัน ยังมิกล่าวถึงประเด็นนี้กันเลย
“เพื่อให้สอดคล้องต่อความประสงค์ของข้า เสนาบดีชือ เพิ่มไปอีกหนึ่งข้อ ไม่ ข้อนี้ต้องเขียนไว้เบื้องหน้าสุด ท่าป๋าเฟิงต้องสร้างพระราชวังขึ้นมาตามแบบต้าหยูของข้า สร้างพระราชวังเสร็จดีเมื่อใด ก็มาอภิเษกสมรสกับธิดาของข้าได้เมื่อนั้น”
ฟู่เสี่ยวกวนหดหัวกลับมา ในใจลอบคิดว่าการเงียบนั้นคือสิ่งล้ำค่า ข้าผู้นี้จะทำให้ผู้อื่นมิพอใจอีกหรือไม่ ?
“เรื่องนี้ตกลงกันเพียงเท่านี้ ฟู่เสี่ยวกวน เจ้าออกมา”
มีอันใดกันอีก ?
“ขอทาง ขอทางขอรับ…” ฟู่เสี่ยวกวนบีบตัวจนไปถึงด้านหน้าสุด ฝ่าบาทยังคงรอให้เขาคุกเข่าก้มศีรษะอยู่นะ คนผู้นี้เหตุใดถึงยังยืนโง่อยู่ตรงนั้นกัน
“อะแฮ่ม เป็นเยี่ยงนี้ ถึงแม้ฟู่เสี่ยวกวนจะยังมิเคยเข้าร่วมการทดสอบ แต่ความสามารถของคนผู้นี้ข้าคงมิจำเป็นต้องกล่าวซ้ำอีก พวกเจ้าคงได้รับทราบกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ ฟู่เสี่ยวกวนยังมีความคิดเห็นเพื่อแคว้นชาติบ้านเมืองของข้า เข้าใจข้าอย่างยิ่ง ดังนั้น ข้าจึงยกให้เป็นกรณีพิเศษ ขอมอบตำแหน่งจิ้นซื่อให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน และขอแต่งตั้งให้เป็นฉาวซ่านต้าฟู[1]”
[1] ฉาวซ่านต้าฟู คือตำแหน่งขุนนางบุ๋น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)