นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 123

ตอนที่ 123 ร้องได้ไม่เลว

ก่อนจะโหมโรง ทุกคนที่นั่งอยู่นั่นต่างก็ตั้งใจฟัง ในเวลานี้นอกจากเสียงฉินแล้วก็มิมีเสียงอื่น

มิใช่ ยังมีเสียงทานข้าวของฟู่เสี่ยวกวน แต่มิไม่ดังมากนัก จึงมิส่งผลกระทบต่อผู้อื่น

เสวี่ยเฟยเฟยหันมองไปทางฟู่เสี่ยวกวนอีกครั้ง คุณชายผู้นั้นก็ยังคงทานอยู่ ราวกับว่าเขามาที่นี่ก็เพื่อทานเท่านั้น !

หลังจากโหมโรงเสร็จ เสวี่ยเฟยเฟยก็เริ่มร้องเพลง

“จันทร์สกาวเช่นนี้มีเมื่อใด ถือถ้วยสุราถามฟ้าคราม…”

ในเวลานั้นเองฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เงยหน้าขึ้นมาเหลือบมอง ร้องบทกวีที่ข้าเป็นผู้ประพันธ์นี่ ข้าสามารถเก็บค่าลิขสิทธิ์ดีหรือไม่?… ถือว่าร้องได้ดี หากมีวิธีการร้องแบบโลกก่อนคงจะดียิ่งขึ้น

ในที่สุดใบหน้าของเสวี่ยเฟยเฟยก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา และในที่สุดคุณชายผู้นั้นก็ถูกเสียงร้องของข้าดึงดูดความสนใจ หลังจากนั้น…

ฟู่เสี่ยวกวนยังคงก้มหน้าทานข้าว ทั้งยังตักซุปมาหนึ่งถ้วย

เสวี่ยเฟยเฟยเริ่มจะอารมณ์เสียแล้ว คนผู้นี้กำลังหาเรื่องกันอยู่อย่างนั้นหรือ ?

ในฐานะหัวหน้าสาวงามแห่งเมืองหลวง เสวี่ยเฟยเฟยมีความมั่นใจต่อรูปลักษณ์และพรสวรรค์ของตนอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าเมื่อใด ขอเพียงนางยืนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ นางก็เป็นที่จับจ้องของทุกสายตา ขอเพียงนางขับร้อง นางก็จะเป็นราชินีของที่นี่ !

แต่ในตอนนี้กลับมีคนท้าทายอำนาจของนาง และกำลังดูหมิ่นศักดิ์ศรีของนาง นี่ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ !

ความผิดแปลกของเสวี่ยเฟยเฟยดึงดูดความสนใจของคนบางคนได้ เยี่ยนซีเหวินเองก็รับรู้ได้ จึงมองไปตามสายตาของเสวี่ยเฟยเฟย เขาจึงเห็นฟู่เสี่ยวกวน

คนผู้นี้… อยากทานมากนักก็ไปทานที่หอซื่อฟางไป ของที่นี่มีอะไรที่อร่อยกัน ?

เสวี่ยเฟยเฟยเสียงเพี้ยน นั่นทำให้นางอับอายเล็กน้อย นางจึงรีบสงบจิตสงบใจ และไม่มองไปทางฟู่เสี่ยวกวนอีก

ฟู่เสี่ยวกวนมิทราบ ทั้งยังฟังไม่เข้าใจ ในตอนนี้ได้ทานจนอิ่มแล้ว ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา เอ๊ะ พวกเจ้ามองข้าทำไมกัน ?

เขาสบสายตากับคนเหล่านั้น ปะทะไปตรง ๆ สายตาเหล่านั้นมองมาที่เขาอย่างไม่พอใจ ข้าเพียงทานข้าวเท่านั้นมิใช่รึ ข้าไปยั่วโมโหพวกเจ้าเมื่อใดกัน ?

จางเหวินฮั่นเหลือบมอง แท้จริงแล้ว คนผู้นี้เหมือนว่าจะสร้างปัญหาอีกคราเสียแล้ว

เสวี่ยเฟยเฟยพยายามทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลงมา และไม่ไขว้เขวไปกับชายผู้นั้นอีก มือเรียวของนางลูบไล้ฉิน พร้อมร่ายรำไปพร้อมกัน ชายเสื้อยาวปลิวไสว รูปร่างที่อ่อนช้อยนั้นราวกับนางสวรรค์

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าการเต้นรำนี้ดูดีอย่างยิ่ง ราวกับภาพบุคคลบินบนฟ้าบนจิตรกรรมฝาผนังที่ตุนหวงก็ไม่ปาน

“วนรอบศาลาสีแดงสด รอดต่ำผ่านรอยแกะสลักบนหน้าต่าง ส่องสว่างผู้ที่ยังมิหลับใหล…”

เสียงขับร้องดังขึ้นมาอีกครา ไพเราะเสนาะหู สายตาเหล่านั้นผละไปจากฟู่เสี่ยวกวน สายตาทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ที่เสวี่ยเฟยเฟย

ในยามที่เสวี่ยเฟยเฟยหันกลับไปมองหางตาก็เหลือบมองไปทางฟู่เสี่ยวกวน ฟู่เสี่ยวกวนกำลังมองนาง และบนใบหน้านั้นก็มีรอยยิ้มประดับอยู่ เยี่ยงนี้ก็ถูกต้องแล้ว แบบนี้จึงเหมือนชายหนุ่มคนหนึ่ง บุรุษในใต้หล้านั้นต่างเป็นเช่นเดียวกัน เสวี่ยเฟยเฟยเชิดคางขึ้นด้วยความลำพองใจ เสียงฉินบรรเลงประสานกับเสียงร้อง การร่ายรำเปลี่ยนไปนุ่มนวล ร่างกายนั้นราวกับต้นหลิวอ่อนแอที่ปลิวไหวอย่างเชื่องช้าไปตามสายลม

“เพียงหวังผู้คนอายุยืนยาว แม้ห่างกันพันลี้ ร่วมกันชมจันทร์งาม…”

เนื้อเพลงสุดท้ายได้กล่าวออกไป เสียงฉินค่อย ๆ แผ่วเบา เสวี่ยเฟยเฟยโอบฉินเอาไว้ในขณะที่ยืน เป็นเสียงที่ไพเราะจนยากที่จะลืมเลือน

เต็มไปด้วยความงดงาม ทุกคนต่างมัวเมาไปกับทำนองเพลงนี้ และกำลังซึมซับรสสัมผัสที่มีเสน่ห์นี้โดยละเอียด แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมา เยี่ยม ! เยี่ยมมาก !

ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวชมพลางปรบมือ หลังจากนั้นก็เหลือบมอง… เอ๊ะ คนเหล่านี้โง่หรือไม่ สตรีผู้นี้ร่ายรำและขับร้องได้ไม่เลวเลย เหตุใดจึงมิมีผู้ใดปรบมือกัน?

จางเหวินฮั่นตบหน้าผาก บรรยากาศวิเศษเยี่ยงนี้ดันถูกเจ้านั่นทำลายลงไปแล้ว ยอดเยี่ยมจริง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)