นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1236

สรุปบท ตอนที่ 1236 มนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอน ตอนที่ 1236 มนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1236 มนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1236 มนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ

ณ หมู่บ้านเซี่ยชุน อำเภอเชียนซาน ฉงโจว เยวี่ยซานเป่ยเต้า

ขบวนของเยี่ยนซีเหวินเดินทางอยู่บนเส้นทางอันแสนทรหดท่ามกลางป่าเขา ถนนขรุขระทอดยาวราวกับว่ามิมีทางสิ้นสุด

คนที่เดินทางมาพร้อมกับเขานั้นมีทหารที่ปลอมตัวมาในคราบของลูกหาบ พวกเขาเคยเป็นอดีตทหารนาวิกโยธินมาก่อน หัวหน้าของพวกเขาคือจางฉีซาน ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นหัวหน้าทหารป้องกันเมือง

“ฉีซาน” เมื่อเดินทางถึงไหล่เขาจุดที่กว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เยี่ยนซีเหวินจึงยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อ “ให้ทุกคนพักที่นี่สักครู่เถิด พวกเราเดินขึ้นเขามาครึ่งค่อนวันแล้ว คงจะเหนื่อยกันมากแล้ว”

จางฉีซานส่งยิ้มยิงฟัน พวกเขาหาบไม้กระดานที่มีน้ำหนักนับร้อยจิน ทว่าถ้าจะเอ่ยถึงเรื่องความเหนื่อย นี่ยังมิได้ครึ่งหนึ่งของความเหนื่อยเมื่อคราที่ต้องฝึกกองนาวิกโยธินของเฮ้อซานเตาเลยด้วยซ้ำ

ทว่าเขารู้ดีว่าภารกิจหนึ่งเดียวที่นำทหารออกเดินทางในครานี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่เสนาบดีเยี่ยน ท่านแม่ทัพฮั่วผู้เป็นหัวหน้าได้ย้ำกับเขาเป็นหนักหนาว่าจะต้องฟังทุกสิ่งที่เสนาบดีเยี่ยนสั่ง

ทุกคนวางหาบลง จากนั้นก็ถอดหมวกออกมาพัด พวกเขาต่างก็หันหน้าไปมองเบื้องล่างของหน้าผา

สายลมเย็น ๆ พัดกระทบร่าง มีควันขโมงลอยขึ้นมาจากปล่องควัน ทำให้เห็นเค้าลางว่ามีหมู่บ้านตั้งอยู่บริเวณนั้น !

“นั่นคงเป็นหมู่บ้านเซี่ยซานสินะ” เยี่ยนซีเหวินเอ่ยพลางชี้นิ้วออกไป

“มองดูเหมือนจะใกล้ ๆ ทว่าถนนนี่สิ…”

เขาเงยหน้าขึ้นมองไหล่เขาอีกครา ถนนเส้นนั้นดูเหมือนจะทอดยาวมิมีที่สิ้นสุด

เขานั่งลงบนก้อนหิน จางฉีซานจึงยื่นกระบอกน้ำให้กับเขา พลางเอ่ยเอ่ย “ท่านอัครเสนาบดีเยี่ยน หากจะปลดเปลื้องความยากจนในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ เกรงว่าจะไร้หนทางน่ะสิ ข้าว่าย้ายผู้คนออกไปให้หมด ให้พวกเขาไปตั้งรกรากใหม่ละแวกใกล้ ๆ อำเภอเชียนซานเสียยังดีกว่า”

หลังจากที่คลุกคลีกันมานานสามเดือน เหล่าทหารต่างสนิทสนมกับเยี่ยนซีเหวิน

ท่านเสนาบดีเยี่ยนมีคุณสมบัติเหมือนกับฝ่าบาทหนึ่งข้อ ซึ่งนั่นก็คือมีเมตตาต่อราษฎร เขาช่างมิมีมาดหยิ่งยโสตามสถานะอันสูงส่งนั้นเอาเสียเลย

ทว่าเขากลับเด็ดขาดกับขุนนางที่ทุจริตโกงกินเหล่านั้น แม้ว่าตอนนี้เข้ายังจับขุนนางมาลงโทษมิได้ ทว่าหลังจากที่เขาหาหลักฐานมัดตัวขุนนางพวกนั้นได้แล้ว เขาก็กัดฟันกรอดมีท่าทีชวนขนลุก

จางฉีซานรู้ดีว่าขุนนางเหล่านั้นจะต้องจบเห่เป็นแน่ คนของกรมราชทัณฑ์จะต้องลากคอพวกเขาเข้าตาราง

ดังนั้นพวกเขาจึงเคารพเสนาบดีเยี่ยนจากใจจริง คิดว่าเขาคือความหวังของต้าเซี่ย

เมื่อมีจักรพรรดิที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีเสนาบดีที่รู้ชัดและตัดสินสิ่งที่ถูกผิดได้อย่างเที่ยงธรรม ต้าเซี่ยจะต้องเจริญวันเจริญคืนอย่างแน่นอน

เยี่ยนซีเหวินดื่มน้ำอย่างกระหาย จากนั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดปากอีกครา เขาถอนหายใจยาวออกมาพลางเอ่ยว่า “ ฉีซาน…ที่เจ้าเอ่ยนั้นคือวิธีที่จนหนทางจริง ๆ ”

“มิว่าจะเป็นนอกภูเขาหรือในภูเขาล้วนแต่เป็นอาณาเขตของต้าเซี่ยทั้งสิ้น ถ้าหากย้ายออกไป ในภูเขาก็จะเปล่าเปลี่ยวไร้ซึ่งผู้คนมิใช่หรือ ? ”

“ดังนั้นพวกเราถึงต้องเข้าไปดูสถานที่จริง ไปดูว่าหมู่บ้านนั่นยังพอจะมีหวังที่จะช่วยเหลือหรือไม่”

ระหว่างที่เอ่ย เยี่ยนซีเหวินหันไปมองทุกสารทิศ เขาหันไปเห็นเมฆที่คอยบดบังหน้าผา เมื่อลองทอดสายตามองเห็นเป็นทิวทัศน์ของทะเลหมอกลอยขาวโพลน

“เจ้าดูนี่เถิด ทิวทัศน์นี้ช่างงดงามยิ่งนัก”

“หากย้อนกลับไปสิบกว่าปีก่อน เมื่อข้าเห็นทิวทัศน์เช่นนี้ ข้าอาจจะเกิดอารมณ์ศิลป์อยากแต่งกวีขึ้นมาก็เป็นได้ เฮ้อ…แต่ถนนเจ้ากรรมนี้สิ”

เขาส่ายศีรษะไปมา “ถ้าหากจะทำถนนคอนกรีต ข้าเกรงว่าจะหนักหนาเกินไปหน่อย”

จางฉีซานเหลือบไปมองแล้วโพล่งออกมาว่า “ท่านเสนาบดีเยี่ยน ตอนที่ข้ายังอยู่ที่เซี่ยเย่ ท่านแม่ทัพเฮ้อเคยทำสิ่งหนึ่งมาก่อน”

“การฝึกทหารที่เซี่ยเย่นั้น จะฝึกที่นอกเขากวางหยาง ทว่าสำหรับพวกเราจำต้องฝึกหลายวิชา จึงต้องเข้าไปฝึกในภูเขา ภูเขาลูกนั้นเตี้ยกว่าลูกนี้เล็กน้อยเท่านั้น ท่านแม่ทัพเฮ้อได้สั่งให้พวกเราสร้างถนนเพื่อลำเลียงยุทโธปกรณ์และเครื่องมือทางทหาร”

“คราหนึ่งเขาเคยเอ่ยถึงพระราชดำรัสของฝ่าบาท และข้าก็จำได้ขึ้นใจจนถึงวันนี้ เขาบอกว่ามนุษย์อยู่เหนือธรรมชาติ ! ”

“พวกเราใช้เวลาหลังจากที่ฝึกเสร็จอยู่ครึ่งปีในการบุกเบิกถนนบนเขากวางหยาง แม้จะมิได้ใช้ปูนซีเมนต์ ทว่าถ้าหากมิมีฝนตกก็สามารถใช้ม้าบรรทุกเครื่องมือทางทหารขึ้นได้สบาย ๆ ”

“ดังนั้นการสร้างถนนที่นี่คนธรรมดาย่อมทำมิได้ จำต้องให้กองทัพมาทำเท่านั้น ! ”

“จริงหรือ ? ” สายตาของเยี่ยนซีเหวินเป็นประกายขึ้นมาทันใด

เขาจึงเกิดความฉงนขึ้นมาทันใด เพราะมิรู้ว่าเหตุใดหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยถึงเขียนได้ดีขนาดนี้ นโยบายต่าง ๆ ของฝ่าบาทช่างดูดีเสียเหลือเกิน !

ทว่าเหตุใดพอมาถึงเมืองหวงถางกลับกลายเป็นคนละเรื่องไปได้เล่า ?

มิรู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่กำลังเอ่ยความเท็จ ?

ปรากฏว่าเมื่อเขาตระเวนถามทั่วทั้งอำเถอเชียนซาน เขาจึงได้รู้ว่าหนังสือพิมพ์บ้านี่กำลังนำเสนอข่าวมั่วซั่ว !

องค์จักรพรรดิกำลังเอ่ยเรื่องเพ้อเจ้อ !

เพราะทั้งอำเภอเชียนซานต่างก็ประสบปัญหาเหมือนกันทั้งหมด !

ต้าเซี่ยแตกต่างกับอดีตแคว้นฝานเยี่ยงไรกัน ? พวกขุนนางยังรวยล้นฟ้าดังเดิม ต่อให้ปลูกพืชพลมากเพียงใดก็ยังมิมีข้าวให้กินจนอิ่มท้องเลยสักมื้อ

หยางเว่ยเคยบอกว่าปัญหาขาดแคลนเมล็ดพันธุ์สำหรับเพาะปลูกในฤดูนี้ เขาจะไปขอจากท่านนายอำเภอมาให้

ทว่าเขาจะได้อันใดกลับมากัน !

เพราะโกดังข้าวของอำเภอว่างเปล่า แม้แต่หนูที่เข้าไปวิ่งเล่นสักตัวก็ยังมิมี

หยางเว่ยบอกว่าข้าวได้ถูกขนย้ายไปยังที่ว่าการฉงโจวเเล้ว มีความจำเป็นต้องส่งไปให้ท่านจือโจวเพื่อส่งไปยังโกดังของประเทศต่อไป เพราะอาจจะมีสงครามเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

เขาจะทำอันใดได้อีกเล่า ?

ต่อให้สังหารหยางเว่ยก็นำเอาเมล็ดพันธุ์กลับมามิได้อยู่ดี !

ดูเหมือนว่าจำต้องระดมให้ชาวบ้านลับคมมีดคมศรธนูเสียแล้ว จากนั้นค่อยเข้าไปล่าหมูป่ามาประทังชีวิตให้ผ่านปีนี้ไปให้ได้

ในขณะที่หลี่เอ้อร์หนิวเพิ่งเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ทันใดนั้นเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเดินมาทางเขา

คนที่เดินนำหน้าขบวนดูมีมาดของผู้ที่มีการศึกษา ส่วนข้างคนข้าง ๆ นั้น…เขาจะนำลูกหาบมาทำอันใดกันนะ ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)