ตอนที่ 1252 จงรักภักดี
เยี่ยนซีเหวินพำนักอยู่ที่เมืองหวงถางอีกหลายวัน
ชาวบ้านที่สูญเสียชีวิตได้รับการชดเชย ส่วนครอบครัวที่สูญเสียคนหนุ่มสาวถูกขึ้นทะเบียนเป็นครอบครัวขัดสน เขายุ่งจนมือเป็นระวิง จนกระทั่งขุนนางคนใหม่มาถึง นายอำเภอคนใหม่มีนามว่าทางฉงหมิง เขามีอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น บัดนี้เขาเดินทางมาตรวจเยี่ยมเมืองหวงถาง
นอกจากนายอำเภอทางแล้วยังมีซือหม่าเทาอีกคนที่ร่วมเดินทางมาด้วย
เมื่อซือหม่าเทาเดินทางมาถึงหมู่บ้านเซี่ยซาน เขาถึงกับใจสลายทันใด ที่นี่ช่างยากจนข้นแค้นเสียเหลือเกิน!
ถนนบนภูเขาก็เดินทางยากเสียเหลือเกิน !
อาหารการกินที่นี่ก็แย่ยิ่งนัก แย่เกินคำบรรยาย !
ขณะที่กินข้าวต้มซือหม่าเทาเหลือบไปมองเยี่ยนซีเหวิน เยี่ยนซีเหวินดูจะกินมันได้อย่างเอร็ดอร่อย ท่านเสนาบดีเยี่ยนผู้นี้รู้จักปรับตัวเข้ากับสังคมได้อย่างดีเยี่ยม เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้นานเป็นเดือน ๆ
“กินเสียเถิด ชาวบ้านมีสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้แหละ เจ้าต้องคิดเยี่ยงนี้ ชาวบ้านที่นี่ใช้ชีวิตแร้นแค้นอยู่กลางภูเขามาหลายชั่วอายุคน พวกเขามิเคยได้กินแม้แต่ข้าวต้มเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเจ้าเลยมองว่าพวกเขามิเหมือนพวกเราเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เยี่ยนซีเหวินคีบหัวไชเท้าขึ้นมาแล้วเอ่ยต่อว่า “ง่ายที่จะเปลี่ยนจากความมัธยัสถ์สู่ความฟุ่มเฟือย ทว่ายากที่จะทำในทางกลับกัน แต่เมื่อชีวิตต้องตกระกำลำบาก ต่อให้มีเพียงใบหญ้าหรือเปลือกไม้ก็จำต้องกินเพื่อประทังชีวิต”
“ดังนั้นที่ข้าเรียกเจ้าเข้ามาก็เพื่อให้เจ้าได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของที่นี่ด้วยสายตาของตนเอง จุดประสงค์ก็เพื่อพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของคนที่นี่”
ซือหม่าเทาจะต่อกรอันใดได้กัน ?
เพราะตามความคิดของเขานั้น เขาย่อมมิอยากลงทุนในพื้นที่ที่แร้นแค้น เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าจะกลายเป็นการโยนซาลาเปาให้สุนัขกิน1
แม้ว่าขุนนางที่เข้ามาบริหารทั้งสองเต้าของเขตเยวี่ยซานจะถูกชะล้างใหม่จนสะอาดหมดจด จนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงคราใหญ่ที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ขุนนางชุดใหม่ย่อมมิกล้าทำเรื่องเลวทรามเยี่ยงนี้อีกต่อไป ทว่าในแง่มุมของการลงทุน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมิใช่แค่เรื่องบริหารเท่านั้น ทว่าสภาพแวดล้อมก็สำคัญเป็นอย่างยิ่ง !
“ภูเขาชูหยุนสูงชันถึงเพียงนี้ เห็นทีจะแบกหามได้อย่างเดียวเท่านั้น แม้แต่ม้าก็ยังสัญจรขึ้นมามิได้…ท่านเสนาบดีเยี่ยน พวกเรามาเอ่ยกันตามตรงเถิด ถ้าหากมิใช่เพราะท่าน…”
ซือหม่าเทาซดน้ำข้าวต้มลงคอ เขารู้สึกว่ามันจืดสนิท ดังนั้นเขาจึงวางตะเกียบลง
“ภูเขาใหญ่โตถึงเพียงนี้ อีกประเดี๋ยวพวกข้าขอออกล่าสัตว์ป่ามากินสักหน่อย”
เยี่ยนซีเหวินหัวเราะร่า “เรื่องนั้นมิมีปัญหา เช่นนั้นก็เป็นอันตกลง เจ้าเลือกสถานที่สักแห่งในเมืองหวงถางเพื่อลงทุนจำนวน 30 ล้านตำลึง”
“เจ้าอย่าได้ดูแคลนว่าสถานที่แห่งนี้ห่างไกลเชียว ข้าจะบอกอันใดให้ ถนนบนภูเขาชูหยุนจะถูกสร้างเสร็จในมิช้านี้ อีกอย่างข้าคิดว่าอากาศบนภูเขาชูหยุนแห่งนี้อบอุ่นและชื้นกำลังดี ต้นหม่อนก็งอกงามดี ข้าคิดว่าเหมาะต่อการเลี้ยงตัวไหมเป็นอย่างยิ่ง”
“ท่านเสนาบดี การสร้างโรงงานทอผ้าเพาะเลี้ยงตัวไหมนั่นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ทว่าก่อนอื่นพวกเราจำต้องก่อตั้งโรงงานอิฐและกระเบื้องขึ้นมาก่อน หากมิก่อตั้งโรงงานอิฐและกระเบื้องพวกเราจะไปหาซื้อได้จากที่ใดกัน” ซือหม่าเทายิ้มแห้ง ๆ
“พวกเครื่องจักรเครื่องมือต่าง ๆ ก็จำต้องอาศัยแรงงานคนขนย้ายเข้ามา ภารกิจที่ท่านมอบหมายให้กับข้าช่างยากเย็นเสียจริง ! ข้าเห็นว่ามีสัตว์ป่าให้ข้ากินหรอกนะ ไว้วันหลังค่อยไปหาทำเลเหมาะ ๆ ก็แล้วกัน ! ”
เยี่ยนซีเหวินดื่มน้ำข้าวต้มจนหมด จากนั้นก็วางตะเกียบลงแล้วหันไปเอ่ยกับทางฉงหมิงที่กำลังประหม่าสุดขีดว่า “อย่าผลัดวันประกันพรุ่งเลย ไปเสียตั้งแต่วันนี้เถิด นายอำเภอทางจะไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วยอีกคน”
“ข้าน้อยรับทราบขอรับ ! ”
“นายอำเภอทางเจ้าเข้าใจสถานการณ์ของอำเภอเชียนซานดีแล้วหรือ ? ”
ทางฉงหมิงผงะพลางส่ายศีรษะช้า ๆ “ข้าน้อยเพิ่งถูกกรมขุนนางโยกย้ายมาประจำการที่อำเภอเชียนซาน เมื่อได้ยินว่าท่านเสนาบดีเยี่ยนพำนักอยู่ในเมืองหวงถาง ข้าน้อยจึงรีบเดินทางมาที่นี่ทันที ยังมิทันได้ไปตรวจเยี่ยมที่อื่น ๆ เลยด้วยซ้ำ”
“อืม…พรุ่งนี้ข้าจะกลับเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องประจบเอาใจเทพเจ้าแห่งโชคลาภผู้นี้ไว้ให้ดี การลงทุนของเขาจะทำให้เศรษฐกิจของเมืองหวงถางกระเตื้องขึ้น นี่คือเรื่องที่หนึ่ง”
“ส่วนอีกเรื่องหนึ่งนั้น เมื่อกรมคลังส่งมันเทศมาถึง เจ้าจงจัดการแจกจ่ายให้ชาวบ้านอำเภอเชียนซานปลูกมันเทศเสีย หลังการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงแล้วเสร็จ ข้าจะให้กรมคลังส่งเมล็ดพันธุ์ข้าวมาให้ ด้านการเกษตรจำต้องดูแลให้ดี อย่าได้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด”
“อำเภอเชียนซานถูกจงสือจี้กระทำอย่างสาหัส ราษฎรย่อมมีความโกรธเคืองอยู่ในใจ ยามที่เดินตรวจงานก็อาจจะถูกราษฎรด่าทออย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เรื่องนี้เจ้าจำต้องเอาใจใส่พวกเขาให้มาก ๆ ”
“จงจำเอาไว้ว่าราษฎรคือคนที่พวกเราต้องพึ่งพาเพื่อดำรงชีวิต มิว่าราษฎรจะกล่าวโทษหนักหนาเพียงใด เจ้าจำต้องอดทนเอาไว้ เจ้าต้องอธิบายนโยบายของต้าเซี่ยให้พวกเขาฟังอย่างชัดเจน ใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของขุนนางต้าเซี่ย”
“จะข่มเหงรังแกราษฎรมิได้เป็นอันขาด เจ้าจำต้องใช้ใจแลกใจ ! ”
เมื่อทางฉงหมิงได้ยินดังนั้น จึงมิมีกะจิตกะใจจะกินข้าวอีกต่อไป เขาถอยร่นไปหนึ่งก้าวจากนั้นก็โค้งตัวลงคำนับ “ข้าน้อยจะจำเอาไว้ขอรับ ! ”
“เจ้าดูสิ ! ถ้าหากเจ้าหวาดกลัวราษฎรให้เหมือนที่เจ้าหวาดกลัวข้า หากเจ้าคิดเสียว่าความคิดของราษฎรคือสิ่งที่ข้ากำชับเป็นหนักหนา เพียงเท่านี้ชีวิตขุนนางของเจ้าก็ราบรื่นแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)