นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1254

สรุปบท ตอนที่ 1254 สัญญาณเตือนภัย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอนที่ 1254 สัญญาณเตือนภัย – ตอนที่ต้องอ่านของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอนนี้ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1254 สัญญาณเตือนภัย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 1254 สัญญาณเตือนภัย

ณ ห้องทรงพระอักษร

ฟู่เสี่ยวกวนกำลังสนทนาถึงเรื่องแผนพัฒนาชุมชนต่อจากนี้กับเยี่ยนซีเหวินและหยุนซีเหยียน หลิวจิ่นเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง เขาโน้มตัวลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฝ่าบาท…จงสือจี้ถูกคุมตัวมาถึงกรมราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยว่า “พาเขาเข้ามาหาข้าสิ ! ”

“พ่ะย่ะค่ะ…ฝ่าบาท เรือนร่างของเขาสกปรก ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง เขาไหว้วานให้แม่ทัพใหญ่ไป๋พาเขาไปอาบน้ำ พระองค์ทรง…”

“อ่า…เช่นนั้นก็พาเขาไปอาบน้ำพร้อมกับเปลี่ยนชุดใหม่ให้เขาเถิด ให้เขาได้เข้ามาหาข้าอย่างมีเกียรติ”

“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

หลิวจิ่นเดินออกไป ฟู่เสี่ยวกวนจึงหันไปหาอู๋เทียนซื่อแล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “หากวันใดวันหนึ่ง เสนาบดีที่เจ้าโปรดปรานกระทำความผิด ทั้งยังผิดมหันต์ ผิดจนสมควรถูกประหาร ดังนั้นเจ้าจะยังให้อภัยเขาเพราะโปรดปรานในตัวเขาหรือไม่ ? ”

“เจ้ามิต้องรีบตอบพ่อหรอก เจ้าจงพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน”

อู๋เทียนซื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ครุ่นคิดในใจว่าข้ามิได้โปรดปรานเสนาบดีคนใดเลย พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นเสนาบดีที่เสด็จพ่อทรงเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเองมิใช่หรือ ?

เขามิอาจเข้าถึงสถานการณ์นั้นได้ จึงทำได้เพียงจินตนาการเท่านั้น ดังนั้นคำถามนี้จึงเป็นคำถามที่ตอบได้ยากสำหรับเขา

ฟู่เสี่ยวกวนเดินหน้าหารือกับเยี่ยนซีเหวินและหยุนซีเหยียนต่อ มินานนัก… หลิวจิ่นก็ได้พาตัวจงสือจี้เข้ามา

จงสือจี้เข้ามาในสภาพสวมกุญแจมือและโซ่ตรวน เขายืนอยู่เบื้องหน้าฟู่เสี่ยวกวนด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น

“กระหม่อมคนบาปจงสือจี้ ถวายบังคมฝ่าบาท ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนมิแม้แต่จะชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นอู๋เทียนซื่อที่จ้องมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง

“ข้าคิดว่าจะย้ายชืออีหมิงไปรับตำแหน่งเต้าถายที่เยวี่ยซานเป่ยเต้า และให้ฟางเหวินซิงเข้ารับตำแหน่งเต้าถายที่เยวี่ยซานหนานเต้า ส่วนตำแหน่งจือโจวก็ให้เลื่อนขั้นนายอำเภอจากแต่ละเต้าเข้ารับตำแหน่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองเยี่ยงเจียงหนานซีเต้าหรือที่จิงหูเป่ยเต้าก็ให้เลื่อนขั้นมากหน่อย”

“ชืออีหมิงกับฟางเหวินซิงปฏิบัติหน้าที่จือโจวได้ดีเยี่ยม ผลประเมินจากกรมขุนนางและฝ่ายตรวจการอยู่ในเกณฑ์ดีเลิศมาตลอดสองปี ดูจากประสบการณ์ของพวกเขาแล้ว พวกเขาน่าจะบริหารทั้งสองเต้านี้ได้ดี”

“พวกเจ้าคิดเห็นว่าเยี่ยงไรบ้าง ? ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยด้วยท่าทีสบาย ๆ พวกเจ้าสามารถเสนอชื่อมาได้เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดก็ต้องผ่านคณะรัฐมนตรีอยู่ดี”

จงสือจี้ที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าลง เมื่อได้ยินสองชื่อนี้ก็ตกใจขึ้นมาทันพลัน เพราะทั้งสองล้วนเป็นคนรู้จักของตน !

จะว่าไปแล้วชืออีหมิงนั้นมุ่งร้ายต่อฝ่าบาทเมื่อครายังอาศัยอยู่ในเมืองจินหลิง

ตั้งแต่ที่ตระกูลชือได้ร่วงลงจากอำนาจเพราะเข้าไปเกี่ยวพันกับกบฏเซวี๋ยติ้งชาน ฟู่เสี่ยวกวนคือคนที่เข้าไปช่วยซืออีหมิงออกมาจากคุกใหญ่ของกรมราชทัณฑ์

ทว่าบัดนี้เขากลับได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทให้เข้ารับตำแหน่งขุนนางใหญ่โตในระดับท้องถิ่น !

ถ้าหากตนมิได้กระทำความผิดเหล่านี้ ถ้าหากตนมิได้ร่วมมือกับเหยียนซีไป๋เพื่อกระทำเรื่องเลวทรามเหล่านี้ ตำแหน่งเต้าถายประจำเยวี่ยซานเป่ยเต้าจะต้องตกเป็นของตนอย่างแน่นอน !

แต่ชีวิตจริงมิมีคำว่า…ถ้าหาก ทั้งหมดนี้ควรกล่าวโทษตนเองที่มิรักดี

เขามิกล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง มีเพียงหยุนซีเหยียนเท่านั้นที่มองมาที่เขา เพราะเยี่ยงไรเสียทั้งสองก็เคยสอบเอินเคอในปีเดียวกัน อีกทั้งยังเคยร่วมกินหม้อไฟด้วยกันอีกด้วย

เวลาหลายปีผ่านไป…

ผู้ใดจะคาดคิดว่าเรื่องจะลงเอยเช่นนี้

โชคชะตากลั่นแกล้งกันชัด ๆ

หยุนซีเหยียนหยุดคิดถึงเรื่องราวในอดีต เขาจะมิร้องขอให้ฝ่าบาททรงเห็นใจสหายเก่าคนนี้ เพราะสิ่งที่เจ้าหมอนี่ได้กระทำมันเลยเถิดไปไกล เขาบังอาจคิดจะสังหารเสนาบดีเยี่ยน !

ความผิดนี้มิอาจนิรโทษกรรมได้

จากท่าทีของฝ่าบาทที่มิยอมชายตาไปมองเขาเลยสักครา เพียงแค่นี้ก็พอจะเดาได้แล้วว่า…มิว่าเทพเจ้าองค์ใดก็มิอาจช่วยเหลือเขาได้

“กระหม่อมขอเสนอชื่อเหอเชิงอันกับหวงเฉิงสองคนนี้พ่ะย่ะค่ะ เหอเชิงอันสอบเอินเคอปีเดียวกันกับกระหม่อม กระหม่อมสอบได้อันดับที่หนึ่ง ส่วนเขาสอบได้อันดับที่สอง !

“ไม่หรอก การที่เจ้ารู้สึกละอายต่อข้ามิใช่เรื่องสำคัญหรอก ที่สำคัญคือเจ้ารู้สึกละอายต่อราษฎรที่เจ้าปกครองหรือไม่ ? รู้สึกละอายต่อความรับผิดชอบของตัวเจ้าเองหรือไม่ ! ”

“เจิ้นคาดมิถึงเลยจริง ๆ ว่าคน ๆ หนึ่งจะเปลี่ยนไปได้มากถึงเพียงนี้ นี่เป็นความผิดของเจิ้นเอง เจิ้นทำให้ราษฎรในทุก ๆ อำเภอของฉงโจวต้องลำบากลำบนถึงเพียงนี้”

“เจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก เจ้าบดบังความจริงด้วยมือของเจ้าเอง เจ้าทำให้ราษฎรกล้าที่จะชี้หน้าด่าเจิ้น ! ”

“ด้วยเหตุนี้เจิ้นถึงได้บอกว่าเจ้าเก่งกาจเยี่ยงไรเล่า”

“ กระหม่อม…”

ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือขัดจังหวะจงสือจี้ “เจ้ามิต้องปริปากเอ่ยอันใดทั้งสิ้น เพราะเอ่ยไปก็ไร้ประโยชน์ เจิ้นแค่อยากจะเห็นหน้าเจ้าเป็นคราสุดท้ายก็เท่านั้น เมื่อเห็นหน้าเจ้าแล้ว เจิ้นก็ได้แต่ถามตนเองซ้ำ ๆ ว่า…เหตุใดเจิ้นถึงได้ตาบอดเพียงนั้นกัน ! ”

“เจิ้นต้องขอบใจเจ้าจริง ๆ จงสือจี้ ! ถ้ามิใช่เพราะเจ้าเป็นคนเคาะสัญญาณเตือนภัยให้เจิ้นได้ตระหนัก บัดนี้เจิ้นก็คงหลงคิดเอาเองว่าต้าเซี่ยแห่งนี้ยังสดใสไร้เมฆดำทะมึนคอยบดบัง”

“ดังนั้นเจ้าทำได้ดีมาก เจ้าทำให้เจิ้นได้เข้าใจว่า…จิตใจของมนุษย์เปลี่ยนไปได้มากน้อยเพียงใด”

“อืม…สิ่งที่เจ้าทำไปทั้งหมดเจิ้นยังมิอยากรับรู้ในตอนนี้หรอก เจ้าจงไปสารภาพต่อกรมราชทัณฑ์เสียเถิด”

“หลิวจิ่น นำตัวเขาไปยังกรมราชทัณฑ์ เจิ้นเห็นเขาจนรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาแล้วสิ”

“ฝ่าบาท…”

ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือปัด หลิวจิ่นจึงลากตัวจงสือจี้ออกมาจากห้องทรงพระอักษร

“ซีเหวิน จงบอกกรมขุนนางว่าให้หาสถานที่ที่มีผู้คนแออัดมากที่สุดทำการสอบสวนนักโทษเหยีนซีไป๋และนักโทษจงสือจี้ ! ”

“พวกเขามิได้หวงแหนในศักดิ์ศรีของตนเอง ข้าก็มิจำเป็นต้องเห็นแก่หน้าของพวกเขาเช่นกัน ! ”

“ให้ใช้เรื่องนี้เป็นการเคาะสัญญาณเตือนภัยให้แก่ขุนนางต้าเซี่ยทุกคน แม้ข้าจะยกเลิกการประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้วก็ตาม ทว่าขุนนางเยี่ยงนี้…จำต้องทำให้ชื่อเสียงฉาวโฉ่ของพวกมันคงอยู่ไปอีกหมื่น ๆ ปี ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)