ตอนที่ 1279 กบฏ
ณ ตำหนักหยางซิน
“เพล้ง… ! ”
อู๋เทียนซื่อโกรธถึงขั้นขว้างกาน้ำชาลงกับพื้นจนแหลกละเอียด ทำให้หลิวจิ่นตื่นตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม เขาจึงรีบคุกเข่าลงแล้วเอ่ยออกมาว่า “ฝ่าบาทได้โปรดเย็นพระทัยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“พวกสวะนั่น มันกำลังรังแกเจิ้นอยู่ชัด ๆ ! ”
“พวกเขารังแกเจิ้นเพราะเห็นว่าเจิ้นยังเยาว์ พวกเขามิอยากให้เจิ้นทำอันใดทั้งนั้น พวกเขาอยากจะแย่งต้าเซี่ยไปจากเจิ้น ! เจิ้นอับจนหนทางที่จะสู้กับพวกเขาแล้ว ! ”
“ฝ่าบาท” หลิวจิ่นเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลอาบทั่วร่าง “ฝ่าบาทอย่าคิดมากไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ทุกสิ่งที่พวกเขาทำไปล้วนแต่ทำเพื่อพระองค์ทั้งสิ้น ! ”
“ปัง… ! ”
อู๋เทียนซื่อถีบหลิวจิ่นจนล้มลงกับพื้น “เจ้าขันทีสารเลว ! เจ้าถูกพวกเขาจัดให้มาอยู่ข้างเจิ้นเพื่อคอยสอดส่องเจิ้นใช่หรือไม่ ? ”
หลิวจิ่นรีบพลิกตัวลุกขึ้นมา แล้วคุกเข่าลงเบื้องหน้าของอู๋เทียนซื่ออีกครา เขาร้องห่มร้องไห้พลางเอ่ยว่า “ฝ่าบาท มิใช่เยี่ยงนั้นพ่ะย่ะค่ะ ! เดิมทีกระหม่อมก็อยากจะตามจักรพรรดิพระเจ้าหลวงไปเช่นกัน ทว่าจักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงรับสั่งให้กระหม่อมอยู่ที่นี่เพื่อคอยรับใช้พระองค์ ! ”
“เจ้าขันทีชั่ว ! ใจเจ้าคิดจะจากไปใช่หรือไม่ ? แม้แต่เจ้าก็มิอยากอยู่เคียงข้างข้าใช่หรือไม่ ? ข้ามันน่ารังเกียจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”
หลิวจิ่นคิดอยากตายไปเสียตรงนั้น “ฝ่าบาท… มิใช่เช่นนั้น เป็นเพราะบ่าวยินยอมที่จะอยู่ต่างหากพ่ะย่ะค่ะ ! ”
อู๋เทียนซื่อยืนขึ้นพร้อมกับนำมือทั้งสองข้างไพล่หลัง เขาเงยหน้ามองท้องนภายามราตรีที่ดำทะมึน
“แม้แต่ขันทีเยี่ยงเจ้าก็ยังปากมิตรงกับใจเลย…เจ้าบอกข้ามาสิว่าในราชสำนักนี้มีกี่คนที่ปากตรงกับใจ ? ”
“เสนาบดีทั้งสามฝ่ายล้วนมือถือสากปากถือศีลทั้งนั้น วาจาที่เอ่ยกับข้านั้นดูองอาจผึ่งผาย เอาแต่พร่ำบอกว่าทำเพื่อความสงบสุขและมั่นคงของต้าเซี่ย เพื่อให้ประเทศต้าเซี่ยคงอยู่ค้ำฟ้า…”
“เหอะ ๆ พวกเขาก็แค่ปรารถนาอำนาจที่เสด็จพ่อเป็นผู้ประทานให้ต่างหากเล่า ! ”
“ถ้าหากวาจาของเจิ้นสามารถชี้เป็นชี้ตายได้ล่ะก็ ราชสำนักแห่งนี้ก็มิจำเป็นต้องมีเสนาบดีมากถึง 3 คนหรอก ! มีให้เจิ้นเพียงแค่คนเดียวก็เกินพอเเล้ว ! ”
“ส่วนคณะรัฐมนตรีอันใดนั่น…ล้วนแต่เป็นตาเฒ่าสติฟั่นเฟือน พวกเขาควรจะเกษียณอายุออกไปได้แล้ว ที่พวกเขามิไปก็เป็นเพราะอยากกุมสิทธิ์และอำนาจในการตัดสินใจทางการเมืองเยี่ยงไรเล่า ! ”
“ราชสำนักจะต้องเสียเงินให้ตาเฒ่าเหล่านี้อย่างสูญเปล่า พวกเขามีประโยชน์อันใดบ้างหรือ ? ”
“นอกจากจะคอยขัดแข้งขัดขาเจิ้นแล้ว…ก็มิมีประโยชน์อันใดทั้งนั้น ! ”
“แต่ก็เอาเถิด ในเมื่อพวกเขาชอบที่จะมีอำนาจเช่นนี้แล้ว เจิ้นจะให้พวกเขาได้ใช้อำนาจให้เต็มที่ในช่วงสองปีนี้ ! รอให้เจิ้นโตขึ้นกว่านี้ก่อนเถิด…เจิ้นสามารถเชื่อใจเจ้าได้หรือไม่ ? ”
“ฝ่าบาท…กระหม่อมคือคนที่พระองค์สามารถเชื่อใจได้พ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ดี ! ข้ามีเรื่องให้เจ้าจัดการสองเรื่องด้วยกัน ! ”
“ขอพระองค์ได้โปรดรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“เรื่องเเรก ในเมื่อคลังส่วนตัวมีเงินทองมากมายถึงเพียงนั้น ผนวกกับพวกเขาหวังให้เจิ้นทำตัวว่าง ๆ มิต้องทำการทำงาน เจิ้นจะทำให้พวกเขาสมใจปรารถนาเอง พรุ่งนี้เจ้าจงส่งคนออกไปละแวกใกล้เคียงนี้…หรือไกลกว่านี้สักหน่อยก็ยังดี เจิ้นจะสร้างตำหนักขึ้นมาสักหลัง”
“และเรื่องที่สอง บัดนี้ดูเหมือนว่าพวกขันทีจะมีความจงรักภักดีกับข้า ดังนั้นเจ้าจงรับสมัครขันทีเข้ามาเพิ่ม ข้าต้องการพวกที่มีวรยุทธ์และมีไหวพริบ วังหลังมีพื้นที่ว่างพอดี เจิ้นอยากจะใช้พื้นที่ตรงนั้นก่อตั้งสำนักงานข่าวสารที่เป็นของเจิ้นเอง ให้เรียกว่า…ตงฉ่าง1ก็เเล้วกัน”
หลิวจิ่นผงะเมื่อได้ยินคำสั่ง เขาจึงคลานเข้าไปหาจักรพรรดิพระองค์ใหม่พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฝ่าบาท…อีกมินานจักรพรรดิพระเจ้าหลวงก็จะกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“เจิ้นเป็นโอรสของพระองค์ พระองค์กลับมาแล้วเยี่ยงไร ? ”
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)