ตอนที่ 1339 บทเพลงเเห่งความโศกเศร้า
“หัวหน้า… ! ”
ซุนเสี่ยวหูถูกแรงระเบิดอัดร่างกระเด็นกระดอนออกไปหลายจั้ง เขาส่งเสียงแผดร้องคำรามออกมาอย่างสิ้นหวัง พยายามตะกุยตะกายขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็ยืนมองคลังสรรพาวุธที่กำลังระเบิดและมีเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นมา น้ำตาของเขารินไหลอาบสองแก้ม
เฉินหยูซินที่ถูกแรงระเบิดอัดเมื่อครู่สลบไป บัดนี้เขาเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา เขาพยายามส่ายศีรษะอย่างสุดกำลังแล้วลุกขึ้นมามองคลังสรรพาวุธท่ามกลางเปลวเพลิง
ณ ด้านนอกของคลังสรรพาวุธ
กองทัพจู่โจมกลุ่มที่หนึ่งซึ่งนำโดยจูซินหมิงได้กำจัดทหารลาดตระเวนจำนวน 100 นายจนตายเรียบ ทว่าหลังจากนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของทหารจากคลังสรรพาวุธจำนวน 5,000 นาย
พวกเขาถูกอาวุธอันแข็งแกร่งของข้าศึกบีบบังคับให้หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรือนของชาวเมือง ทว่าเพียงประเดี๋ยวเดียวก็เกิดเสียงดังเขย่าโลกาขึ้นมา พวกเขาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ เมื่อออกมาจากประตูด้านหลังของบ้านจึงได้เห็นเปลวเพลิงพุ่งสูงเสียดฟ้า
“บ้าจริง นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ? ” จูซินหมิงขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“คาดว่าน่าจะเป็นการระเบิดคลังสรรพาวุธของศัตรูขอรับ” ทหารข้างกายของเขาหนึ่งนายเอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา
“…เป็นฝีมือของผู้ใดกัน ? เมื่อข้ากลับไปจะเสนอต่อท่านแม่ทัพให้ตบรางวัลเขาอย่างงาม ! ”
บัดนี้ทหารที่รักษาการณ์บนกำแพงมิได้ยิงปืนออกมาอีก !
นายพลผู้รักษาการณ์คลังสรรพาวุธแห่งนี้ได้แต่ยืนทื่ออยู่บนกำแพง แสงไฟสีแดงสาดกระทบลงบนใบหน้าของเขา เผยให้เห็นถึงความสิ้นหวังสุดแสนจะเหลือเชื่อ
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดกันแน่ ? ”
มิมีผู้ใดตอบเขาได้ เพราะมิมีผู้ใดเชื่อว่าคลังสรรพาวุธที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาชนิดที่ลมแทบจะพัดเข้ามามิได้ ถูกข้าศึกระเบิดได้เยี่ยงไร ?
“รีบไปดับไฟเร็วเข้า ! ”
ทว่ามิมีผู้ใดขยับเขยื้อนเลยสักคน เพราะเปลวเพลิงแผดเผารุนแรงถึงเพียงนี้มิมีทางดับมันได้เลย แม้กระทั่งบัดนี้ก็ยังได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากที่ไกล ๆ
จูซินหมิงมิได้ออกคำสั่งให้กองทัพที่หนึ่งซึ่งบัดนี้เหลือกันเพียงแค่หกสิบกว่าคนไปโจมตีศัตรูที่รายล้อมกำแพง ในเมื่อคลังสรรพาวุธแห่งนี้ถูกทหารต้าเซี่ยทำลายจนพังพินาศไปแล้ว เช่นนั้นก็มิมีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไป
ระเบิดรุนแรงเพียงนี้ มิทราบว่าเป็นทหารกลุ่มที่เท่าใดที่ลักลอบเข้าไปวางระเบิด ทว่าจากสถานการณ์นี้ เกรงว่าจะมิมีผู้ใดรอดมาได้แม้แต่คนเดียว
จูซินหมิงถอดหมวกเกราะออกมา
ทหารที่เหลืออีก 60 นายก็ถอดหมวกเกราะออกเช่นกัน
“ถวายความเคารพ... ! ”
ทหารทุกนายถวายความเคารพไปยังเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมา ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้น สีหน้าของพวกเขามั่นคงดังเดิม ทว่ามีไฟสะท้อนออกมาจากสายตาของพวกเขา มันได้จุดไฟโกรธในหัวใจของพวกเขาขึ้นมา
จูซินหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นำทหารพุ่งเข้าไปยังทิศทางที่เขาเลือก ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับที่จงอู๋เลือก เขามองเห็นอาคารที่มีแสงสว่างหลังนั้นเช่นกัน
……
……
จ้าวซู่เชิงผู้บังคับบัญชากองพลน้อยที่สองกองพลที่เจ็ด คลำทางจนมาถึงทิศตะวันตกของปราสาทแห่งนี้
เขาเลือกสถานที่ที่มิมีทหารคอยรักษาการณ์อยู่ จากนั้นก็หยิบตะขอขึ้นมา แล้วโยนตะขอไปเกี่ยวกับกำแพงได้พอดิบพอดี
เขาปีนตามตะขอขึ้นไปราวกับตุ๊กแก จากนั้นก็พลิกข้ามเข้าไป ทันทีที่เท้าเหยียบกำแพง ทหารฝ่ายศัตรูนายหนึ่งเดินมาทางเขาเข้าพอดี
ดูเหมือนทหารฝั่งศัตรูจะคาดมิถึงว่าจะมีคนโผล่เข้ามาที่นี่ ทันใดนั้นเขาแผดเสียงตะโกนออกมา !
ตอนที่เขาตะโกนออกมาเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเสียงระเบิดของคลังสรรพาวุธ ซึ่งเป็นฝีมือของหลี่ฉางซู่พอดี
เสียงตะโกนร้องเรียกถูกเสียงระเบิดกลบจนมิด พวกเขาได้ยินแค่เสียงระเบิดเท่านั้น สายตาของพวกเขาถูกเปลวไฟที่กำลังทะยานขึ้นท้องนภานั่นดึงดูด
จ้าวซู่เชิงกระโดดลงไป จากนั้นก็นำกริชกรีดแทงเข้าไปบริเวณหัวใจของทหารผู้นั้น
บ้าจริง !
ข้าเป็นทหารมาตั้งสิบสี่ปี คืนนี้เกือบจะมิรอดเสียแล้ว !
ในขณะที่จ้าวซู่เชิงกำลังดีใจอยู่นั้น เขาก็หันไปมองไฟที่กำลังลุกโชนในสถานที่แห่งนั้น ทว่าหันไปมองเพียงครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหาทหารรักษาการณ์บนกำแพง
ใช่แล้ว ! เขาได้พุ่งเข้าหาทหารเหล่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)