ตอนที่ 1347 ถวิลหา
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หก เดือนห้า วันที่แปด
กองทัพบกต้าเซี่ยได้เดินทางมาถึงเมืองปาแลร์โมเมืองยุทธศาสตร์สำคัญแห่งทวีปยูเรเชีย
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หก เดือนห้า วันที่เก้า ยามฟ้าสาง กองทัพอากาศกองพลที่หนึ่งได้ทำการวางระเบิดป้อมปราการสำคัญของเมืองกว่าสิบแห่ง
การวางระเบิดดำเนินไปกว่าหนึ่งชั่วยาม จนกระทั่งถึงยามเช้า แม่ทัพที่ประจำการอยู่ในเมืองปาแลร์โมทั้งสี่คนได้รวมกำลังทหารกว่าหกแสนนายออกมานอกเมือง เพื่อเข้าไปโจมตีทหารต้าเซี่ยอย่างบ้าคลั่ง
กองพลที่สามและสี่ซึ่งประจำอยู่บนที่ราบสีทองแสร้งทำเป็นพ่ายแพ้แล้วถอยกลับไป เพื่อหลอกล่อให้ศัตรูหกแสนกว่าคนไปยังแนวซุ่มโจมตีของทหารพิชิตแดนไกลบนเทือกเขาพีเรนีส
ไฟสงครามลุกโชติช่วงสนั่นโลกาอีกครา
กองทัพบกต้าเซี่ยมีความเชี่ยวชาญด้านการทำศึกบนภูเขาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยกำลังพลสี่แสนต่อกำลังพลหกแสนของฝั่งฝูหล่างจี ผลของการสู้รบครานี้มิน่าจะเกินความคาดหมายเท่าใดนัก
เพื่อป้องกันการสูญเสียที่มากจนเกินไป กวนเสี่ยวซีจึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์การรบแบบกองโจร เพื่อให้กองกำลังของศัตรูมาติดกับดักท่ามกลางเทือกเขาแห่งนี้ ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามและชีวิตของนายทหารสามหมื่นกว่าชีวิตแลกกับการฝังกลบศัตรูทั้งหกแสนคนบนเทือกเขาพีเรนีส
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หก เดือนห้า วันที่ยี่สิบ ศึกในเมืองปาแลร์โมได้ประกาศสิ้นสุดสงคราม
กองทัพบกที่หนึ่งได้จัดทัพใหม่อีกครา แล้วเดินทางเข้าสู่ผืนปฐพียูเรเชียโดยที่มิมีกำแพงเมืองใดมาขวางกั้น
เมื่อชาวเมืองได้เห็นกองทัพชุดเกราะสีเงินเดินกรีธาทัพเข้ามาในเมืองอย่างเอกเกริก ความสิ้นหวังก็ได้เกาะกินในหัวใจของพวกเขาทันใด
ซึ่งทุกอย่างยังเป็นดั่งแต่ก่อน กวนเสี่ยวซีได้ส่งกองทัพจำนวนหนึ่งออกไปรักษาความสงบเรียบร้อย ทว่ามิได้เข่นฆ่าหรือปล้นสะดมชาวเมืองแต่อย่างใด
หากมิเห็นกำแพงเมืองที่พังทลายลงมา หรือซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกแผดเผาจนวอดวาย และยังคงมีควันโชยออกมาให้เห็น นอกเหนือจากสิ่งเหล่านั้น…ทุกอย่างยังคงเป็นดังเดิมไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใด ๆ
……
……
กวนเสี่ยวซีและแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ในเพิงพักแม่ทัพแทบจะมิมีความยินดีปรีดาต่อชัยชนะครานี้เลย
แกรนด์ดยุกไลเดนและแม่ทัพมิชาลที่นั่งคุกเข่าอยู่นั้นกลับร้อนรุ่มกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาเป็นประจักษ์พยานเหตุการณ์ทุกฉากทุกตอนของศึกครานี้
ในราตรีนั้น พวกเขาถูกทหารต้าเซี่ยใช้เรือเหาะนำตัวออกมาจากเมือง จากนั้นก็ลงจอดที่ค่ายทหารบนเทือกเขาพีเรนีส
เดิมทีพวกเขาคิดว่าตนคงต้องตายสถานเดียว แต่คาดมิถึงว่าทหารสองคนนั้นจะพาพวกเขาออกไปชมป่าบนเทือกเขาแห่งนี้ เพื่อให้พวกเขาได้เห็นภาพของการสู้รบที่แสนจะเหลือเชื่อ
เทือกเขาพีเรนีสได้กลายมาเป็นหลุมศพขนาดยักษ์ ทหารต้าเซี่ยได้ขุดหลุมใหญ่ขึ้นมาหลุมแล้วหลุมเล่า และตนก็ทำได้แค่มองเท่านั้น เมื่อทหารของตนตกลงไปในหลุมนั้น พวกเขาก็ออกมามิได้อีกเลย
ในตอนนั้นเอง ที่พวกเขาได้ทราบถึงความแข็งแกร่งของกองทัพที่มาจากแดนบูรพา ในใจของพวกเขาต่างก็สิ้นหวังยิ่งนัก
บัดนี้ได้กลับมายังหน่วยบัญชาการทหารขั้นสูงสุดที่คุ้นเคยอีกครา ทว่าผู้ที่เป็นใหญ่ในหน่วยบัญชาการแห่งนี้มิใช่เขาอีกต่อไปแล้ว
พวกเขาทราบดีว่าตนเป็นเชลยและควรถูกตัดศีรษะตั้งนานแล้ว แต่การที่พวกตนมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ เกรงว่าอีกฝ่ายคงอยากทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ต่าง ๆ
ทว่าเยี่ยงไรเสีย พวกกวนเสี่ยวซีก็มิแม้แต่จะชายตามองเขา ราวกับลืมการมีอยู่ของเชลยสองคนนี้ไปโดยสิ้นเชิง
กวนเสี่ยวซีจ้องมองหยูติ้งซานและหยูติ้งเหอสองพี่น้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)