ตอนที่ 1375 จิตใจยุ่งเหยิง
“ไทเฮาสวี่หยุนชิง ! ”
เมื่อชื่อนี้หลุดออกมาจากปากของเยี่ยนกุยหลาย ต่างก็ทำเอาทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือเยี่ยงไร ! ”
หนิงซือเหยียนจ้องเยี่ยนกุยหลายอย่างมิเชื่อสายตา “พระนางเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งสำนักเต๋า ทั้งยังเป็นพระมารดาของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอีกด้วย ! ”
“พระนางมิเคยคิดสังหารจักรพรรดิพระเจ้าหลวงมาก่อน พระนางมักปกปักษ์รักษาจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอยู่เสมอ แล้วพระนางจะเป็นความฝันที่สองได้เยี่ยงไร ? ”
“อีกอย่างความฝันที่สองถือเป็นปัญญาประดิษฐ์ มันคือสิ่งที่บรรพบุรุษสรรสร้างขึ้นมา มันอยู่มานานนับหมื่นปีแล้ว แม้ว่ามันจะอยู่ยงคงกระพัน แต่ว่ามันก็มิใช่มนุษย์จริง ๆ ดังนั้นมิมีทางเป็นไทเฮาสวี่หยุนชิงได้อย่างแน่นอน ! ”
เมื่อได้ยินหนิงซือเหยียนเอ่ยเช่นนั้น เยี่ยนกุยหลายจึงพึมพำอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบหนิงซือเหยียนว่า “ถ้าหากข้า… ถ้าหากข้าเอ่ยว่าพระมารดาของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงมิใช่สวี่หยุนชิงเล่า ? ”
“หรือบางที… มันอาจจะใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งเพื่อควบคุมคนผู้หนึ่งก็เป็นได้ ท่านโหยวกล่าวว่าเมื่อผู้ที่สวรรค์ทรงเลือกได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว ย่อมมีผู้ทำลายถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเช่นกัน เขาเอ่ยว่าบางทีนี่อาจจะเป็นหลักความสมดุลอย่างหนึ่งก็เป็นได้ ส่วนเรื่องวัตถุประสงค์นั้น…บางทีอาจเป็นเพราะมิคาดหวังให้ใต้หล้านี้ถูกปัจจัยภายนอกมาทำให้ปั่นป่วน”
หนิงซือเหยียนจ้องมองเยี่ยนกุยหลายแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “นี่เป็นการคาดเดาของเจ้าเท่านั้น เรื่องแบบนี้สามารถคาดเดามั่วซั่วได้หรือเยี่ยงไรกัน ? ”
เยี่ยนกุยหลายเงยหน้าขึ้นมามองทุกคน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านโหยวกล่าวว่า…หากจะพิสูจน์เรื่องนี้จำต้องไปพบคนผู้หนึ่ง”
“ผู้ใดกัน ? ”
“ฟู่ต้ากวน ! ”
“……”
เยี่ยนกุยหลายหันหน้ากลับไปมองฟู่เสี่ยวกวน “ตลอดระยะเวลาสามปีมานี้ ท่านอาจารย์และท่านโหยวได้ออกท่องใต้หล้า พวกเขาได้เดินทางไปยังสำนักเต๋า เมืองจินหลิง เมืองฉางจินและวัดป๋ายหม่าเป็นต้น”
“สวี่หยุนชิงถือกำเนิดในจวนตระกูลสวี่ บิดาของนางคือสวี่เช่ากวง ตอนที่นางยังเยาว์… แท้ที่จริงสวี่เช่ากวงมิได้ชื่นชอบนางสักเท่าใดนัก เพราะสมองของนางมีปัญหา”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักงันในทันใด เขาย้อนนึกถึงตอนที่ยังอยู่ในเมืองจินหลิง สวี่หวยซู่ได้นำบักฮื้อของสวี่เช่ากวงมามอบให้เขา และทั้งสองยังได้สนทนากัน ซึ่งเรื่องที่เอ่ยถึงส่วนมากนั้นล้วนเป็นเรื่องของสวี่หยุนชิงมารดาของเขา
สวี่หวยซู่ได้เอ่ยบางอย่างที่ยากจะเข้าใจออกมา…
“แท้ที่จริง…สมองของแม่เจ้ามีปัญหา ! ”
“นี่คือความลับ เพราะแม่ของเจ้ามิปกติตั้งแต่ยังเยาว์ แท้ที่จริงก็มิได้มีปัญหามากนักหรอก ทว่านางเพียงแค่ชอบเอ่ยวาจาไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”
“ข้าจำได้ว่านางมักจะนั่งอยู่ข้าง ๆ ต้นหลิวในสวน จากนั้นก็จะมองไปยังสระน้ำพร้อมกับเอ่ยว่า… สระน้ำใต้ร่มเงาของต้นไม้มิใช่น้ำพุใสแต่ฉายภาพสะท้อนรุ้งบนท้องนภา สาหร่ายที่อยู่ภายใต้น้ำแกว่งไปมาทำให้สายรุ้งสะเทือน ราวกับภาพสายรุ้งในความฝัน… ในตอนนั้นนางเพิ่งอายุหกปีแต่กลับเอ่ยประโยคแปลก ๆ เหล่านี้ออกมา เจ้ามิคิดว่านางผิดปกติหรือ ? ”
เยี่ยนกุยหลายหันหน้าไปมองฟู่เสี่ยวกวนซึ่งมีสีหน้ามิค่อยสู้ดีเท่าใดนัก แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกว่า
“หลังจากนั้นสวี่เช่ากวงก็ได้เกษียณออกมาจากราชการ เขาใช้อีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ในห้องพระ ท่านอาจารย์เคยค้นหามาก่อนว่ากลอนที่เขาสวดส่วนมากนั้นเป็นมหาปรินิรวาณสูตร เดิมทีคัมภีร์นั้นอยู่ในห้องพระของสวี่เช่ากวง แต่กลับมิมีอยู่ในวัดป๋ายหม่า”
“หมายความว่าเยี่ยงไรกัน ? ” หนิงซือเหยียนผงะตกใจ
“ท่านอาจารย์เอ่ยว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าสวี่หยุนชิงจะเป็นคนเขียนคัมภีร์มหาปรินิรวาณสูตรให้แก่สวี่เช่ากวง ในตอนนั้นท่านอาจารย์มิทราบว่าสวี่หยุนชิงนำคัมภีร์เล่มนี้มาจากที่ใด แต่เมื่อได้ยินจักรพรรดิพระเจ้าหลวงตรัสมาทั้งหมดทำให้ข้าคิดได้ว่านางทราบอยู่แล้วในเดิมที และนางยังทราบในหลาย ๆ เรื่อง ยกตัวอย่างเช่นนางเป็นเช่อเหมินของลัทธิจันทรา เพราะวิชากัศยปแสร้งตายถือเป็นความลับของลัทธิจันทราซึ่งมิมีทางแพร่งพรายออกไปได้เป็นแน่ ทว่านางกลับทราบวิชานี้”
“คราหนึ่งนางเคยไปเยือนวัดป๋ายหม่า มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่านางกับเจ้าอาวาสฝานอู๋เซียงสนทนาอันใดต่อกัน ท่านอาจารย์เอ่ยว่าตอนที่พระองค์ทรงรวมเอกราชทั้งห้าแคว้นเข้าด้วยกัน ฝานอู๋เซียงได้นำพระที่มีฝีมือระดับสูงออกเดินทางจากวัดป๋ายหม่า แต่มิได้มาเพื่อสังหารพระองค์ เพราะพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคูฉาน”
“ทว่าเขาไล่ล่าสังหารสวี่หยุนชิง ! ”
“ไล่ล่าจนกระทั่งถึงเมืองเปียนเฉิง ประจวบเหมาะกับตอนที่พระองค์ทรงประทับอยู่ที่นั่นพอดี ฝานอู๋เซียงมิได้ตั้งใจโจมตีพระองค์ เป้าหมายของเขาคือสวี่หยุนชิงมาโดยตลอด ! ”
“และนอกจากนี้…นางยังตกตายไปแล้วถึงสองครา แต่กลับฟื้นขึ้นมาได้อีก คนเราเมื่อตายไปแล้วมิอาจฟื้นคืนได้ เรื่องนี้ผู้ใดต่างก็ทราบกันดี นอกเสียจากว่า…นอกเสียจากว่านางมิใช่คน ! ”
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่มิค่อยสมเหตุสมผล ยกตัวอย่างเช่น…”
ทันใดนั้นก็มีคลื่นยักษ์ถาโถมเข้ามาในหัวใจของฟู่เสี่ยวกวน บัดนี้เขากำลังหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีตมากมาย
ยกตัวอย่างเช่นบักฮื้อที่ท่านตาสวี่เช่ากวงมอบให้ตน
ในบักฮื้อมีจดหมายของสวี่หยุนชิงอยู่หนึ่งฉบับ
ในจดหมายนั้นมีบทกวี ‘ซีเจียงเยว่ บทความฝันอันยิ่งใหญ่’ เป็นบทกวีที่เขาประพันธ์ขึ้นในงานชุมนุมวรรณกรรม ณ ราชวงศ์อู๋ ในตอนนั้นเขาสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าสวี่หยุนชิงก็เดินทางข้ามกาลเวลามาเช่นกัน
จากนั้นก็หวนนึกถึงบทกวีอำลาเคมบริดจ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)