นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 140

ตอนที่ 140 กองกำลังพิเศษ

ค่ำคืนอันเงียบสงบราวสายน้ำนิ่ง ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือและอ่านรายงานล่าสุดโดยละเอียด

โรงผลิตปูนก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่ละวันยังคงปริมาณผลิตอยู่ที่ 1,000 ชั่ง เฟิ๋งซีทำเตาเผาขนาดเล็กและกำลังทดลองในอัตราส่วนใหม่ เขาหวังว่าจะเพิ่มปริมาณผลิตได้ และหวังว่าปูนจะมีแรงยึดเกาะที่แข็งแกร่งขึ้น

ซึ่งเป็นเรื่องดียิ่งนัก ฟู่เสี่ยวกวนหวังว่าจากการค้นคว้าทดลอง พวกเขาจะสามารถนำข้อผิดพลาดต่าง ๆ ไปพัฒนาและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

ด้านของโรงกลั่นน้ำหอม เน้นกลิ่นดอกเบญจมาศและดอกคามิเลียเป็นหลัก เนื่องจากในตอนนั้นชาวบ้านได้ทำการปลูกดอกไม้สองชนิดนี้ค่อนข้างมาก แต่เมื่อจางเสี่ยวเหมยทดลองน้ำหอมสองกลิ่นนี้ได้พบเจอปัญหาเข้า นั่นคือกลิ่นหอมนั้นอ่อนเกินไปเสียจนแทบไม่ได้กลิ่น

จางเสี่ยวเหมยค้นหาวิธีแก้ไขด้วยการนำหัวน้ำหอมจากดอกกุ้ยฮวาและหัวน้ำหอมของดอกไม้ทั้งสองนี้ผสมเข้าด้วยกัน ทำให้ลดกลิ่นอันเข้มข้นจากเดิมของดอกกุ้ยฮวาลง ซึ่งเกิดเป็นกลิ่นหอมน่าหลงไหล บัดนี้น้ำหอมของนางได้ใช้ส่วนผสมดังกล่าว ซึ่งนางเป็นคนคิดค้นและตัดสินใจทั้งหมด เนื่องจากนางหาตัวฟู่เสี่ยวมิพบ แต่สิ่งนี้ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนมองนางเปลี่ยนไปไม่น้อย เมื่อนึกได้ว่าหวางเฉียงและจางเสี่ยวเหมยจะแต่งงานกันปลายปี และนี่ใกล้เวลาปลายปีแล้ว วันพรุ่งนี้เห็นทีจะต้องถามไถ่เรื่องงานแต่งงานสักหน่อยว่าจัดเตรียมแล้วหรือไม่

บัดนี้โรงกลั่นเหล้าก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นอกจากนำส่งไปยังโรงกลั่นน้ำหอมแล้ว ยังมีเก็บไว้ในคลังกว่าพันชั่ง เนื่องจากปริมาณผลิตน้ำหอมไม่มาก ในรายงานจึงปรากฏคำถามว่าจะให้พักการกลั่นแอลกอฮอล์หรือไม่ เนื่องจากการผลิตจะต้องใช้ธัญพืชจำนวนไม่น้อย ส่งผลให้ยอดสุราซีซาน สุราเทียนฉุนและสุราเซียงเฉวียนมีปริมาณผลผลิตที่น้อยลง

และบัดนี้โรงกลั่นสุราขยายพื้นที่ใหญ่กว่าเดิมสิบเท่าตัว มีผู้กลั่นกว่าพันคน บรรดาผู้กลั่นสุราแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ผลิตสุรา 3 ประเภท ปัจจุบันปริมาณผลิตยอดสุราซีซานเดือนละ 200 ชั่ง สุราเทียนฉุนเดือนละ 3,000 ชั่ง และสุราเซียงเฉวียนเดือนละ 6,000 ชั่งโดยประมาณ

ส่วนโรงเก็บสุราที่ภูเขาซีซานใช้สำหรับเก็บยอดสุราซีซานเท่านั้น บัดนี้มีปริมาณร้อยกว่าชั่ง เนื่องจากโรงกลั่นสุราแห่งใหม่เปิดได้เพียง 2 เดือน อีกทั้งส่วนหนึ่งจะต้องส่งเข้าไปยังพระราชวัง

เรื่องสุดท้าย เกี่ยวกับภูเขาเฟิ่งหลิน

หลังจากได้กำลังคนมากว่าสามหมื่นคน เส้นทางสู่ภูเขาเฟิ่งหลินคาดว่าจะใช้งานได้หลังปีใหม่ ส่วนเฟิ๋งซื่อได้นำคนประมาณ 1,000 คนเข้าไปยังภูเขาต้วนหุนซาน ซึ่งบัดนี้ก็ได้ขุดแร่ออกมาจำนวนไม่น้อย ใช้กำลังคนไม่น้อยเช่นกัน แต่นับจากนั้นครึ่งเดือน พวกเขาใช้ดินระเบิดที่หลี่อี้ทำขึ้น จึงทำให้การขุดเป็นไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น

เฟิ๋งซื่อได้เริ่มทำเตาหลอมเหล็ก เมื่อการเปิดถนนสำเร็จลุล่วงก็จะมีกำลังคนเพียงพอ คาดว่าหลังปีใหม่จะสามารถเริ่มขุดแร่ได้

เมื่ออ่านถึงตรงนี้ ฟูเสี่ยวกวนก็ครุ่นคิดพักหนึ่ง เขาหยิบแท่งถ่านและกระดาษขึ้นมาร่างบางอย่างขึ้น

เขากำลังวาดเตาหลอมเหล็กทรงสูง ดูค่อนข้างโบราณ แต่ก็เหมาะสมกับยุคนี้

สิ่งนี้จะต้องใช้เครื่องเป่าขนาดใหญ่ ส่วนพลังงานฟู่เสี่ยวกวนยังคงใช้กังหันน้ำดังเดิม แต่จะต้องขนาดใหญ่กว่าที่ภูเขาซีซานมากนัก

เขาขีดเขียนและลบไปมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้ตามที่ฟู่เสี่ยวกวนต้องการ วันพรุ่งนี้เขาจะให้คนไปตามเฟิ๋งซื่อกลับมา หากใช้วิธีของเฟิ๋งซื่อ ประการแรกจำนวนผลิตของการถลุงเหล็กนี้ไม่สูงนัก และประการที่สองมีสิ่งสกปรกปะปนมากเกินไปจนไม่เป็นไปความคาดหวังของฟู่เสี่ยวกวน

เขาวุ่นวายอยู่กับเรื่องราวเหล่านี้ถึงดึกดื่น แต่มองไปยังห้องของซูม่อที่อยู่ตรงข้ามก็พบว่าไฟยังคงส่องสว่าง

ซูม่อและไป๋ยู่เหลียนนั่งดื่มสุราร่วมกัน

“เป็นอย่างไร? เชื่อหรือยังว่าข้ามิได้โกหกเจ้า” ไป๋ยู่เหลียนหัวเราะด้วยความชอบใจ

“อืม” ซูม่อพยักหน้า “เจ้าว่าการที่เขาทำเรื่องเหล่านี้เพื่อจุดประสงค์ใดกัน? ดินปืนและปืนได้กำหนดแล้วว่าไม่สามารถนำมาใช้ในสนามรบได้มิใช่หรือ?”

“ข้าเองก็มิเข้าใจเช่นกัน อาจเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธที่สามารถปลิดชีพได้อย่างน่ากลัว จึงต้องการนำมาใช้ในสนามรบ”

ไป๋ยู่เหลียนชะงักไปชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าลองนึกทบทวนดู ในสนามรบระยะทางที่ธนูสามารถโจมตีคู่ต่อสู้ได้คือ 200 ก้าว แต่ดินระเบิดและปืนมีระยะมากกว่า 200 ก้าว เพียงแต่สิ่งนี้ต้องเตรียมการใช้งานยุ่งยากและนานพอควร อีกทั้งความแม่นยำต่ำ และขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย แต่หากสามารถนำข้อเสียเหล่านี้ไปปรับปรุงเล่า? ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำสงครามได้ใช่หรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)