ตอนที่ 19 คัดลอกหนังสือยามว่าง
ฝนตกปรอย ๆ กระทบหน้าต่างประปราย
บนชั้นสองของเรือนเล็กที่จวนหลังตระกูลฟู่ ชุนซิ่วกำลังฝนหมึก แต่ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้จับพู่กันแต่อย่างใด
เรื่องที่เกี่ยวกับหยู๋ฝูจี้ในช่วงหลายวันมานี้ การเตรียมการทุกอย่างเขาได้จัดการเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่เขาวางไว้ การป่าวประกาศเหล่านั้นย่อมส่งผลกระทบที่ใหญ่หลวง อย่างไรเสีย ในยุคนี้ก็ยังมิมีใครทำการป่าวประกาศเยี่ยงเขาเป็นแน่
สิ่งแปลกใหม่ย่อมดึงดูดสายตาของผู้คน ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในเมืองหลินเจียงมีสองหัวข้อไว้พูดคุยกัน
หนึ่งก็คือเหล้าที่หยู๋ฝูจี้กล่าวว่าสามารถเทียบเคียงได้กับเทียนเซียง เป็นสุราที่อาจารย์ฉินนักปราชญ์แห่งยุคเป็นผู้รับรองอีกด้วย
ส่วนหัวข้อที่สองกลับเป็นฟู่เสี่ยวกวนแห่งจวนฟู่คนนี้
บทกวีทั้งสองโคลงที่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ประพันธ์เมื่อต้นเดือนห้าวันที่ห้า ได้ถูกขับร้องโดยฝานตั่วเอ๋อร์แห่งหออี้หง และยังได้รับการเติมเชื้อเพลิงให้โหมกระพือจากสามผู้มีพรสวรรค์แห่งหลินเจียงอีกด้วย บทกวีทั้งสองโคลงจึงได้ส่องประกายเยี่ยงนี้ กลายเป็นประเด็นให้เหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่ไว้พูดคุยกันในห้องส่วนตัวทุกวัน และได้กลายเป็นบทกวีเปรียบเทียบที่บัณฑิตในหลินเจียงจำนวนไม่น้อยมักจะนำมาท่องจำ และฟู่เสี่ยวกวนก็ได้นามผู้มีพรสวรรค์ลำดับที่สี่แห่งเจียงหนาน เขาจึงได้โด่งดังขึ้นในหลินเจียงด้วยประการฉะนี้แล
ฟู่เสี่ยวกวน!
เนื้อร้ายแห่งเมืองหลินเจียง คุณชายที่ไร้การศึกษา คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถประพันธ์บทกวีที่น่าทึ่งเยี่ยงนั้นได้!
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ลำดับที่สี่ของหลินเจียง!
และแน่นอนว่าความคิดของผู้คนในหลินเจียง นั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ผู้คนต่างก็พูดคุยถึงเรื่องนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่านั่นช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกเสียยิ่งกระไร คาดว่าจวนฟู่คงต้องการล้างเนื้อล้างตัวที่สกปรกของฟู่เสี่ยวกวน บางทีคงจะเชิญอาจารย์ท่านใดสักท่านมาประพันธ์บทกวีสองบทนี้ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นแน่
หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ยินเยี่ยงนั้นก็หัวเราะขึ้นมา แต่ก็หาได้สนใจไม่
ส่วนใหญ่ผู้คนจะคาดหวังให้ผู้อื่นได้ดี แต่ก็มีเงื่อนไขอย่างหนึ่งคือ ไม่สามารถได้ดีไปกว่าตนเองได้
หากได้ดีกว่าตนเอง เบื้องหลังย่อมมีการสมคบคิดบางอย่าง เยี่ยงนั้นจะกลายเป็นศัตรูกัน และเพิ่มปราการป้องกันให้สูงขึ้น และจะทำให้รู้สึกว่าความดีของผู้อื่นนั้นเป็นของปลอมเป็นแน่แท้
ดังนั้น นามผู้มีพรสวรรค์ของฟู่เสี่ยวกวนนั้น ย่อมเป็นชื่อเสียงที่ไม่ตรงกับความจริงเอาเสียเลย
ณ เวลานี้ ความคิดดังกล่าวได้ฝังแน่นในจิตใจของบัณฑิตในหลินเจียง
สำนักศึกษาป้านชานตัดสินใจจัดงานชุมนุมบทกวีครั้งแรกขึ้น และได้เชิญผู้มีพรสวรรค์คนที่สี่แห่งหลินเจียงให้เข้าร่วมด้วย แต่ทว่าฟู่เสี่ยวกวนมิได้ไป
หลิวจิ่งหางจึงได้เชิญผู้มีพรสวรรค์อีก 2 คนและบัณฑิตที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนในหลินเจียงมารวมตัวกันที่หออี้หง หลิวจิ่งหางได้มาถึงจวนฟู่เพื่อเชิญฟู่เสี่ยวกวนให้เข้าร่วมด้วยตนเอง แต่เขาหาได้ไปไม่
เหตุใดเขาจึงไม่ไปอย่างนั้นหรือ ?
ย่อมไม่กล้าเป็นแน่ !
ด้วยเยี่ยงนี้เอง จึงตอกย้ำถึงเรื่องอกไร้รอยหมึกของฟู่เสี่ยวกวน และข้อเท็จจริงที่ว่าคัดลอกบทกวีของผู้อื่นมา
คนไร้ยางอายเยี่ยงนี้ จู่ ๆ ก็กล่าวว่าสุราเทียนฉุนของหยู๋ฝูจี้สามารถเทียบเคียงกับเทียนเซียงได้ ทั้งยังกล่าวว่าอาจารย์ฉินเป็นผู้ลงนามด้วยตนเอง มิรู้ว่าใช้กลอุบายอันใดไปหลอกลวงอาจารย์ฉินมา เมื่อถึงเวลานั้นย่อมต้องไปลิ้มรสเทียนฉุนในงานชุมนุมบทกวีที่สำนักศึกษาหลินเจียง เยี่ยงไรก็ต้องฉีกหน้ากากเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเสี่ยวกวนออกมาให้จงได้!
ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองสายฝนด้านนอกหน้าต่าง ใบหน้าบอบบางปรากฏรอยยิ้มขึ้น
พี่ชาย… นั่นมันก็ต้องเป็นการคัดลอกอยู่แล้ว!
“คุณชายเจ้าคะ หากเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป ชื่อเสียงของท่านจะเสื่อมเสียได้” ชุนซิ่วกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
ในยุคนี้ชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากชื่อเสียงเสียหายไปแล้ว ภายภาคหน้าก็ยากที่จะก้าวหน้าต่อไปได้
แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับไม่มีการตอบสนองกับเรื่องนี้ “ซิ่วเอ๋อร์ อย่าได้ร้อนรนไปเลย ให้กระสุนได้โผบินเสียบ้าง”
“กระสุนอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
“เอ่อ ลูกศร… ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าให้เจ้าวานคนไปที่เรือนซีซานเพื่อนำส่งจดหมายให้อาจารย์หลิว ได้ส่งไปให้ข้าแล้วใช่หรือไม่ ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)