นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 24

สรุปบท ตอนที่ 24 จิตใจตรงกัน: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

อ่านสรุป ตอนที่ 24 จิตใจตรงกัน จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 24 จิตใจตรงกัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่24 จิตใจตรงกัน

เขาถือคัมภีร์ฉุนหยางซินจิงไว้ในมือ ฟู่เสี่ยวกวนลืมแม้กระทั่งเรื่องการเขียนหนังสือความฝันในหอแดงเสียสนิท

สิ่งนี้มิใช่ความงมงาย แต่เป็นความอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่า

เนื่องจากกำลังภายในและพลังตัวเบานั้นเป็นสิ่งที่ฉากในละครจีนเมื่อชีวิตที่แล้วขาดไม่ได้ บรรดาผู้มีความสามารถเหล่านั้นช่างน่าอิจฉาเสียจริง เซียนที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ดาบอันทรงพลัง หมัดที่ต่อยออกไปรัศมีร้อยเมตร……นี่คือศิลปะการต่อสู้ นี่คือความฝันสำหรับผู้คนมากมาย และฟู่เสี่ยวกวนเองก็เช่นกัน

ในชีวิตที่แล้วเรื่องต่าง ๆ ที่แม้แต่กฎของนิวตันยังต้องการศึกษาค้นหาเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย แต่ในชีวิตนี้กลับมีอยู่จริง และตอนนี้ก็มีคัมภีร์ศิลปะการต่อสู้อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ต้องกระโดดลงเหว ไม่ต้องเดินทางไปพบคุณปู่หนวดขาว สิ่งนี้อยู่ในมือของเขาแล้ว นี่คือความเป็นจริง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ต้องหลีกทางให้เรื่องนี้ก่อนทั้งสิ้น

เสียงจักจั่นในป่าค่อย ๆ จางหาย ดวงอาทิตย์สีแดงดวงโตกำลังจะลับลงสู่ขอบฟ้า ค่อย ๆเลือนหายลงในภูเขา

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอ่านหนังสือเล่มนี้โดยไม่ไปไหน

คนโบราณมีความเห็นว่าการอ่านหนังสือนับร้อยรอบจะทำให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ฟู่เสี่ยวกวนบัดนี้กำลังอ่านมันให้ครบร้อยรอบและพยายามจดจำไว้ในใจ

ซูม่อยังคงไม่เอ่ยคำใด เพียงแต่มองมาทางเขาบางเป็นครั้งบางครา แต่มิใช่เพราะความใฝ่เรียนของฟู่เสี่ยวกวน หากเป็นเพราะกวีที่ฟู่เสี่ยวกวนแต่งขึ้นมาต่างหากเล่า

เรื่องของศิลปะการต่อสู้นั้น พรสวรรค์เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ส่วนความขยันเป็นเรื่องที่จะตามมาหลังจากเริ่มฝึกฝน

เช่นเดียวกับการแต่งกวี พรสวรรค์เป็นเรื่องหลัก ส่วนความขยันเพียงเสริมให้ตัวอักษรงดงามขึ้นเพียงเท่านั้น

ชายหนุ่มผู้นี้มีพรสวรรค์ในด้านการประพันธ์ เพราะกวีที่เขาแต่งขึ้นนั้นไพเราะยิ่งนัก สำหรับตัวอักษรนั้น……หาดูได้ยากเสียจริง

ซูม่อมิได้มีความประสงค์จะชี้แนะสิ่งใด ๆ แก่ฟู่เสี่ยวกวน ก็เพราะว่าไป๋ยู่เหลียนเพียงกำชับให้ปกป้องคุ้มครองฟู่เสี่ยวกวน ให้วิธีการฝึกฝนกำลังภายในแก่เขา แต่มิได้กำชับให้สั่งสอน เช่นนั้นการเรียนรู้ได้มากน้อยคงต้องขึ้นอยู่กับตัวฟู่เสี่ยวกวนเอง

เมื่อนึกถึงไป๋ยู่เหลียน เขาก็โกรธเสียจนต้องกัดฟันกรอด ๆ!

ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วบ้างบางครั้ง บางคราเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า บางคราหลับตาลงเพื่อครุ่นคิด บางคราปิดตำราแล้วเดินวนไปรอบ ๆ

เป็นไปเช่นนี้จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดลง แสงสว่างจากโคมไฟเริ่มเปล่งประกายเพื่อส่องสว่างในยามราตรี

……

……

ซิ่วเอ๋อร์รอฟู่เสี่ยวกวนรับประทานอาหารเย็นจนเรียบร้อย แล้วจึงจะออกเดินทาง

ผู้ดูแลขับรถม้าพานางมาส่งยังหลินโจว

ซ่างหลินโจวอยู่นอกเมืองหลินโจว ไกลออกไปเล็กน้อย เป็นเกาะแห่งหนึ่งของเมืองฉางเจียง ที่แห่งนี้คือสถานที่สำหรับชินอ๋อง ซิ่วเอ๋อร์นั้นรู้ดีแต่นางหาได้เคยมาไม่

ในใจนางไม่สงบสุขเลยแม้แต่น้อย อย่าพูดถึงชินอ๋องเลย เพียงจือโจวแห่งเมืองหลินเจียง นางก็ไม่เคยพบ

หลังออกจากประตูตะวันตกของเมืองหลินโจว รถม้าก็เดินไปตามแนวตลิ่งเรื่อย ๆ ไม่นานต่อมาก็พบว่าไกลออกไปนั้นมีแสงไฟสว่างไสวอยู่ที่ปลายทาง

บัดนี้ งานเลี้ยงในซ่างหลินโจวได้เริ่มขึ้นแล้ว

……

……

ณ เมืองหลวงจินหลิง ตรอกหวู่อี้ จวนตระกูลต่ง

เมื่อรู้ข่าวว่าองค์หญิงเก้าเดินทางจากเมืองหลวงไปยังหลินเจียงนั้น สองสามวันมานี้ต่งชูหลานมีแต่ความร้อนรนในใจ

เนื่องจากบ่าวรับใช้ขององค์หญิงเก้ากล่าวว่า นางจะเดินทางไปยังเมืองหลินเจียงเพื่อดูชายหนุ่มที่ชื่อว่าฟู่เสี่ยวกวนเสียหน่อย

“แต่เขานั้นมีความสามารถด้านกวี เรื่องนี้อาจารย์ฉินรู้เป็นอย่างดี คำพูดนี้ท่านเองก็เป็นคนเอ่ยออกมาด้วยตนเอง แต่ฟู่เสี่ยวกวนไม่ประสงค์เดินทางไปสอบคัดเลือกเคอจี่ กลับมัวใส่ใจทำบางอย่างที่แปลกประหลาดเสียอย่างนั้น”

ต่งซิวจิ่นขมวดคิ้ว “ทำบางอย่างที่แปลกประหลาดอย่างนั้นหรือ?

“ถูกต้องแล้ว เขาคิดค้นสุราชนิดหนึ่งที่มีรสดีกว่าสุราเทียนเซียงมากนัก ข้าเองได้นำไปถวายแก่องค์หญิงใหญ่แล้ว คาดว่าอีกไม่กี่วันคงได้ทำการจัดซื้อเป็นแน่”

หากเป็นเช่นนี้ คาดว่าชายหนุ่มผู้นั้นคงรักในสิ่งที่มิใช่การศึกษา ต่งซิวจิ่นรู้สึกเสียดายในความสามารถ จากที่เขามองดู หากสามารถเอ่ยประโยคนั้นออกมาได้ บุคคลเช่นนี้คงได้เป็นปรมาจารย์อย่างแน่แท้ ประกอบกับได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ฉิน อนาคตของเขาคงอีกยาวไกลนัก

แต่เขาเป็นเพียงซิ่วไฉ เช่นนั้นคำพูดที่เขาเอ่ยมาอาจจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ

ครอบครัวนักวิชาการเช่นพวกเขา บิดาเป็นเสนาบดีกรมคลัง แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับเป็นพ่อค้าที่ดิน น้องสาวเขา……เกรงว่าครั้งนี้คงต้องผิดหวังเสียแล้ว

“วันพรุ่งนี้งานเสวนาหลานถิงจัดขึ้นโดยเยี่ยนซีเหวินแห่งตระกูลเยี่ยน เจ้าควรเดินทางไปร่วม”

นางนั่งอยู่ที่หน้าต่างเพียงลำพัง นิ่งเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจ นางหยิบพู่กันขึ้นมา ตัดสินใจเขียนจดหมายถึงฟู่เสี่ยวกวน

นางเข้าใจดีถึงความหมายในสิ่งที่พี่ใหญ่กล่าวเมื่อครู่ เขาหมายถึงระหว่างนางและฟู่เสี่ยวกวนนั้นเป็นไปไม่ได้ แม้จะได้รับการยกย่องและบันทึกรายชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนเป็นพ่อค้า แต่มิใช่นักปราชญ์

นางมิได้เขียนชักจูงเขาให้ร่ำเรียน เพียงแต่เขียนเรื่องราวถามไถ่ทั่วไป อีกทั้งเรื่องที่องค์หญิงเก้าเดินทางไปยังเมืองหลินโจวอาจจะทำให้เขาลำบากใจ เป็นต้น

เวลานี้ ณ เมืองหลินเจียง ฟู่เสี่ยวกวนเองก็นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ตัดสินใจเขียนจดหมายแก่ต่งชูหลานเช่นกัน

เนื่องจากเขาจะให้คนนำสุราทั้งสองลังนั้นส่งไปให้แก่ต่งชูหลาน

เขาก็มิได้เขียนเป็นกวีอันงดงาม แต่เขียนไปตามเนื้อความที่ต้องการจะสื่อสารและหลังจากเขียนเนื้อความจดหมายเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้แนบความฝันในหอแดงทั้งห้าบทลงไปในจดหมายอีกด้วย

“สิ่งนี้คือต้นฉบับ อ่านแล้วโปรดส่งกลับด้วยเถิด!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)