สรุปเนื้อหา ตอนที่ 260 เจิ้นกั๋วกง – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 260 เจิ้นกั๋วกง ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 260 เจิ้นกั๋วกง
ฟู่เสี่ยวกวนกลับมายังศาลาพักม้า ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ก็พบว่ามีม้าเร็ววิ่งเข้ามา
บนม้าตัวนั้นปรากฏนายทหารที่มีท่วงท่าสง่างามผู้หนึ่ง เขาถูกเซวียผิงกุยถือดาบรั้งเอาไว้ด้านหน้า ทั้งสองเจรจากันชั่วครู่ ท้ายที่สุดเซวียผิงกุยจึงเดินนำเขาเข้ามา
นายทหารผู้นั้นยกมือกำขึ้นเพื่อคารวะ “ข้าน้อยทหารองครักษ์ของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพใต้นามว่าโต้วเทา ได้รับคำสั่งจากท่านแม่ทัพว่าให้นำหนังสือเชิญมามอบแก่คุณชายฟู่และองค์หญิงเก้าอีกทั้งแม่นางต่งชูหลานไปร่วมงานเลี้ยง ณ จวนท่านแม่ทัพขอรับ ! ”
จากนั้นเขาก็ยื่นหนังสือเชิญให้กับฟู่เสี่ยวกวน ซูเจวี๋ยที่ยืนอยู่ด้านหลังฟู่เสี่ยวกวนขยับหมวกให้ตรงแล้วคิดในใจว่า เจ้านี่คิดสิ่งใดมิเคยผิดเพี้ยน !
ฟู่เสี่ยวกวนรับไปมองดู จากนั้นจึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ชื่อเสียงของท่านแม่ทัพใหญ่นั้นข้าได้ยินมาช้านานแล้ว และก็นับถือยิ่ง ประเดี๋ยวข้าขออาบน้ำอาบท่าให้สะอาดเสียก่อนแล้วจะตามท่านไป”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็กำชับให้ชุนซิ่วไปเรียกหยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานกลับมา แล้วยกกล่องสีดำนั้นขึ้นชั้นบนไป
เขาอาบน้ำชำระร่างกายจริง ๆ จากนั้นสวมใส่ชุดคราบจักจั่นที่ขันทีเจี่ยมอบให้ เมื่อลองคิดดูอีกที เขาจึงได้เปิดกล่องสีดำนั้นออกมา แล้วหยิบปืนพกเหยี่ยวทะเลทรายใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
ซูม่อมองด้วยท่าทางประหลาดใจ เขาอดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกมาว่า “สิ่งนี้คืออะไรรึ ? ”
“เหอะๆ ! ศาสตราเทพ”
คำตอบนี้ทำให้ซูม่อประหลาดใจขึ้นไปอีก “ในราชวงศ์ก่อน จู๋ซีได้ทำศาสตราเทพทั้งเจ็ดขึ้น แต่มิมีสิ่งนี้อยู่ มันคืออาวุธใด ?”
ฟู่เสี่ยวกวนปิดกล่องสีดำลง แล้วยื่นไปให้ซูม่ออย่างระมัดระวัง
“ศาสตราเทพของข้านี้ จู๋ซีเป็นผู้ทำขึ้นมาเช่นกัน !”
เมื่อซูม่อได้ยินดังนั้น เขาก็เอามือทั้งสองกอดกล่องไว้แน่น สีหน้าเคร่งขรึม เขาอยากจะรู้นักว่าจู๋ซีเก่งกาจเพียงใด ?
เขาได้ฝึกฝนช่างฝีมือระดับเทพขึ้นมา ซึ่งมีฝีมือดียิ่ง บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนนำของสิ่งนี้มาให้ข้าดูแล…สายตาของเขามั่นคง “เจ้าวางใจได้ หากเพียงข้ายังคงมีลมหายใจ รับรองว่าอาวุธนี้จะมิหายไปไหน !”
เมื่อกล่าวจบเขาก็นำกล่องสีดำนี้สะพายขึ้นบ่า กล่องนั้นมิกว้างเท่ากับฉินของแม่นางซูซู แต่ยาวเท่า ๆ กัน ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มขึ้นแล้วตบที่บ่าของซูม่อ “หล่อเหลาเสียทีเดียว !”
ซูม่อมิได้ยิ้มด้วยกับเขา ศาสตราเทพเชียว !
เป็นอาวุธของยุทธภพที่ล้ำค่าในโลก !
แม้ข้าจะมิรู้ว่าศาสตราเทพนี้มันใช้เยี่ยงไร แต่ก็เคยได้แบกมันมาก่อน เท่านี้ก็เป็นบุญยิ่งนักแล้ว !
ฟู่เสี่ยวกวนรอแม่นางต่งชูหลานและเวิ่นหวิน เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงได้ออกเดินทางพร้อมกัน พวกเขานั่งรถม้าของหยูเวิ่นหวิน และตามโต้วเทามุ่งหน้าไปยังจวนท่านแม่ทัพ
บนรถม้า ฟู่เสี่ยวกวนมองดูหยูเวิ่นหวินแล้วกล่าวว่า “เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ทัพผู้นี้มากน้อยเพียงใด ? ”
หยูเวิ่นหวินเลิกคิ้วแล้วโบกมือ ในมือนางถือดอกไม้ป่าเอาไว้ช่อหนึ่ง กล่าวว่า “เต๋อชินอ๋องคือเสด็จลุงใหญ่ ข้ายังมิเคยพบหน้าเขามาก่อน แต่เคยได้ยินเสด็จแม่กล่าวถึงว่า เขาผู้นี้มิธรรมดา มีความสามารถด้านการต่อสู้อีกทั้งชำนาญการทหาร ในราชวงศ์หยูหาผู้ที่เทียบกับเขาได้ยากยิ่ง แต่ทว่า…”
“แต่ว่าอะไร ?”
สำหรับฟู่เสี่ยวกวนนั้น แม่ทัพเผิงผู้นี้ดูสูงส่งขึ้นมาทันใด เขาช่างเป็นผู้รักเดียวใจเดียว
ต่งชูหลานเองก็คิดในใจว่า เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แต่กลับมีภรรยาเพียงผู้เดียว แม้จะมิมีผู้สืบทอดตระกูล แต่ก็คัดค้านการรับอนุภรรยา แต่ทว่าฟู่เสี่ยวกวน…บัดนี้มีถึง 3 คนแล้ว !
หยูเวิ่นหวินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่าบุตรสาวของนางก็มิได้หน้าตาสะสวย แต่ทั้งสองก็รักใคร่กันเป็นดั่งมิตรและอาจารย์ที่ดีต่อกัน ทั้งสองให้ความเคารพซึ่งกันและกัน นอกจากนี้…ดูเหมือนหยูชุนชิวก็ได้ดำเนินชีวิตตามท่านแม่ทัพเผิง เขามีภรรยาเพียงคนเดียว แต่ที่แตกต่างกันคือมีบุตรชาย 2 คนและบุตรสาว 2 คน”
ฟู่เสี่ยวกวนนำมือลูบจมูก หัวเราะแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้น เผิงยวี๋เยี่ยนจึงจะเป็นอาจารย์ที่แท้จริงของแม่ทัพใหญ่หยูเยี่ยงนั้นรึ ?”
“จะกล่าวเช่นนั้นก็มิถูก ทั้งสองแต่งงานกันก่อนที่แม่ทัพเผิงจะจากไป หลังจากที่แม่ทัพเผิงจากไปแล้ว เพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเขา ทั้งสองคนจึงได้ไว้ทุกข์เป็นเวลาครึ่งปี จากนั้นก็เดินทางไปทั่วทิศด้วยกัน เยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ และเข้าเยี่ยมนายพลที่มีชื่อเสียงมากมาย ดังนั้นความรู้ของหยูชุนชิวจึงค่อนข้างผสมผสานกัน แต่เขาก็ได้รวบรวมทุกสิ่งไว้ในหนังสือ ‘นโยบายสงคราม’ ในภาคผนวก”
จากการสนทนาเบื้องต้น จึงทำให้ฟู่เสี่ยวกวนรู้เรื่องของสองสามีภรรยานั้นโดยสังเขป เขาจึงได้มั่นใจว่าทหารกองทัพใต้มิมีภัยต่อเขาอย่างแน่นอน
เผิงถูเป็นแม่ทัพที่ซื่อตรง และเนื่องจากสิ่งนี้ นามของเขาจึงได้เลื่องลือ
หยูชุนชิวเป็นบุตรเขยของเผิงถู แม้เขาจะเกิดในตระกูลของฮ่องเต้ แต่เขาก็เข้าในใจในเหตุผลนี้ดี
ต่อให้เขามิเข้าใจ เผิงยวี๋เยี่ยนภรรยาของเขา ก็จะทำให้เขาเข้าใจในที่สุด
รถม้าวิ่งเข้าสู่จวนแม่ทัพใหญ่
ฟู่เสี่ยวกวนเปิดม่านออกดู แลเห็นธงใหญ่โบกสะบัดพัดปลิวท่ามกลางละอองฝนในฤดูใบไม้ผลิ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)