นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 275

ตอนที่ 275 ตัดไม้ข่มนาม

สวี่หวยซู่หาได้ขี่ม้าย้อนกลับไปไม่ เพราะความคิดของฟู่เสี่ยวกวนกับฮ่องเต้นั้นแตกต่างกันยิ่ง ! ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

แต่ในท้ายที่สุดฝ่าบาทก็ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อไปเยือนดินแดนราชวงศ์อู๋ให้ทำตามคำสั่งของไท่จงต้าฟู ฟู่เสี่ยวกวน

แต่ทว่า ณ เวลานี้…เขาเชื่อมั่นในความคิดของตนแล้วกล่าวเตือนฟู่เสี่ยวกวน “เวลานี้แคว้นข้าเผชิญศึกน้อยใหญ่เหลือคณานับ”

“ช่างประไร ! ”

ครานี้สวี่หวยซู่ได้ขี่ม้ากลับไป หยูเวิ่นหวินพูดกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครา “ในประวัติศาสตร์สองร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ราชวงศ์อู๋และราชวงศ์หยูของข้าเคยเกิดศึกสงครามขึ้นมาสามครา ครั้นสมัยองค์ฮ่องเต้จื้อไท้ อีกยี่สิบปีให้หลังความสัมพันธ์ของสองแคว้นจึงจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ระหว่างทั้งสองแคว้นก็ต่างมิมีใครยอมใคร ข้าขอเอ่ยกับเจ้าตามตรงว่าก่อนออกเดินทางเสด็จแม่ได้รับสั่งให้ข้าพึงระวังธรรมเนียมและการปฏิบัติตนต่อหน้าราชวงศ์อู๋มากยิ่งนัก”

“พึงระวังธรรมเนียมและการปฏิบัติตนข้อนี้ข้ามิขัด พวกเราเป็นถึงตัวแทนของราชวงศ์หยู แต่กลับรับสั่งให้เพียงแค่เสนาบดีกรมพิธีการมาต้อนรับ ข้าจึงเห็นว่าพวกเรามิจำเป็นต้องประจบประแจง หรือแม้แต่ต่อพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิเหวินตี้ พวกเราหาต้องจำยอมลดฐานะของตนเองไม่ เจ้าจงไตร่ตรองดูเถิด…พวกเราหาได้มาพบราชวงศ์อู๋ด้วยเหตุบ้านเหตุเมืองไม่ พวกเราต่างก็มาร่วมเทศกาลฤดูหนาว เว้นแต่จะรับสั่งให้ผู้ที่มีปัญญาหลักแหลมกว่าข้า ข้าจึงจะยอมให้อภัยได้ ”

หยูเวิ่นหวินเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาทันใดและพบว่าตนเองได้หลงเข้าใจผิด ที่เดินทางมาก็เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลฤดูหนาว ต่อให้อีกฝ่ายรับสั่งให้อัครมหาเสนาบดีมาต้อนรับ หากไม่มีความรู้ความสามารถเทียบเท่าฟู่เสี่ยวกวน ก็หาได้มีความจำเป็นให้ต้องลงจากรถเพื่อรอการต้อนรับจากอีกฝ่ายไม่

เว้นแต่เสียว่าคนที่ส่งมาจะเป็นเหวินสิงโจว !

เเม้นว่าบทกวีเทศกาลโคมไฟของฟู่เสี่ยวกวนจะเอาชนะความสามารถของเหวินสิงโจวได้อย่างงดงาม แต่ในฐานะนักปราชญ์อันสูงส่งของเขานั้นทำให้ฟู่เสี่ยวกวนต้องลงจากรถมารอการต้อนรับจากเขา

และในขณะเดียวกัน ก็ได้มีรถม้าขบวนหนึ่งจอดอยู่ ณ ใจกลางเมืองฝานหนิง

กวนถงเสนาบดีกรมพิธีการกำลังนั่งอยู่ในรถท่ามกลางขบวนรถม้าเหล่านั้น ฝั่งตรงกันข้ามคือชายหนุ่มวัยกลางคนอายุราว 40 ปีนามว่าเหวินชางไห่ ผู้เป็นบุตรชายคนโตของเหวินสิงโจวและเป็นบัณฑิตสำนักฮั่นหลิน

มีโต๊ะหนึ่งตัววางอยู่ระหว่างทั้งสอง และมีกาน้ำชาที่เพิ่งต้มเสร็จวางอยู่

“ท่านกวนคิดเช่นนี้ เฉกเช่นที่เคยกระทำต่อแคว้นฝานและแคว้นอี๋ใช่หรือไม่ ? ”

กวนถงยกแก้วชาขึ้นจิบพร้อมกับยิ้มรับ “หากแต่ครานี้มิเป็นเช่นนั้น”

“ท่านจงชี้แจ้งว่าต่างกันเยี่ยงไร”

“ผู้มาเยือนครานี้เป็นเพียงฟู่เสี่ยวกวนแห่งราชวงศ์หยู เยี่ยงไรเสียต้องให้ยืนรอข้าเสียหน่อย”

เหวินชางไห่ขมวดคิ้ว เขาได้ลอบคิดในใจขนาดฝีมือระดับท่านพ่อยังชื่นชมฟู่เสี่ยวกวนอย่างสุดหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อบทกวีโต๊ะหยกครามคืนเทศกาลโคมไฟนั้นได้เผยแพร่เข้ามาถึงราชวงศ์อู๋ ท่านถึงกับปริ่มเปรมใจยิ่ง มิได้เป็นเพราะบทกวีโต๊ะหยกงานเทศกาลโคมไฟของตนเป็นรองแต่หาได้ถือโกรธฟู่เสี่ยวกวนไม่

“ช้าก่อนท่านกวน ข้าประพันธ์บทกวีมากว่าสี่สิบปี แต่ฝีมือการประพันธ์บทกวีหาได้เทียบเคียงคุณชายคนนั้นไม่ เมื่อถึงยุครุ่งโรจน์ของบทกวีแห่งราชวงศ์หยู เมื่อนั้นเขาจะเป็นใหญ่ ! ”

นี่เป็นคำชมเชยที่หาที่เปรียบมิได้ !

ในบัณฑิตสำนักฮั่นหลินเขาเป็นผู้มีปัญญาและคร่ำหวอดในแวดวงความรู้มาทั้งชีวิต เมื่อฟังคำกล่าวของท่านพ่อครานั้น เขาจึงรู้ซึ้งถึงความยิ่งใหญ่ด้านวรรณกรรมของฟู่เสี่ยวกวน

ด้วยเหตุนั้น ฟู่เสี่ยวกวนจึงเป็นคนเดียวที่ฮ่องเต้หยูได้ไว้วางพระทัยให้ทำการนี้ !

แต่ทว่ากวนถ่งยังคงยืนกรานที่จะละเลยต่อการมาเยือนของเขา !

“ข้าเห็นว่าคิดเยี่ยงนี้มิสมควรนัก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)