นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 297

ตอนที่ 297 หนานกงอี้หยู่

ณ เวลานี้ทะเลหมอกกำลังสำแดงท่วงท่าที่งดงามที่สุดให้แก่ผู้ชม

ทุกคนได้หลุดออกจากห้วงภวังค์แห่งเสียงบรรเลงฉินของซูซูแล้ว พวกเขาล้วนแต่ทอดมองไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลหมอก มิได้มีผู้ใดสังเกตว่าบัดนี้กวนหยุนถายได้ต้อนรับผู้มาเยือนใหม่อีก 3 คน

ผู้ที่เดินอยู่เบื้องหน้าคือชายอาวุโสผู้แต่งกายด้วยชุดขุนนางแต่ดูภายนอกยังดูแข็งแรงดีอยู่ และมีผู้ติดตามเป็นทหารติดอาวุธครบเครื่องอีก 2 นายคอยคุ้มภัย

เขามิได้เพ่งมองไปเชยชมทะเลหมอกที่บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นภาพที่สวยงามต่าง ๆ แต่เขากลับให้ความสนใจกับเหล่าวิหคนานาชนิดที่ตกตายกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้นแทน

เขาขมวดคิ้วแล้วชี้นิ้วไปยังซากวิหคเหล่านั้น จากนั้นทหารทั้งสองนายก็ได้เข้าไปเก็บกวาดทำความสะอาด

เขาเดินขึ้นไปตรงบริเวณต้นสนโบราณ เห็นใบหน้าของอู๋หลิงจากทางด้านข้าง แล้วเขาก็ได้เข้าใจสานการณ์ทั้งหมดโดยทันที จากนั้นเขาจึงหันสายตาไปมองคนหนุ่มสาวเหล่านั้นที่มาด้วยกันกับองค์หญิง และสุดท้ายสายตาคู่นั้นได้มองไปยังร่างของฟู่เสี่ยวกวน

เขาเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งราชวงศ์อู๋ผู้มีนามว่าหนานกงอี้หยู่ เดิมทีเขาตั้งใจจะมาเดินเล่นตามประสากับนกเหยี่ยวที่เขาแสนรักแสนหวง แต่คาดมิถึงว่านกเหยี่ยวนั้นจะบินตรงมายังกวนหยุนถาย จากนั้นเขาจึงขึ้นมาบนกวนหยุนถายแล้วกับพบเห็นเหล่าซากวิหคตายอย่างดาษดื่นในสภาพน่าอนาถ

เขาคิดว่าบนกวนหยุนถายจะเกิดเรื่องร้ายใดขึ้นมาจึงได้รุดมายังที่เกิดเหตุ เขาได้ยินเสียงบรรเลงฉินอย่างแผ่วเบามาจากที่แสนไกล แต่ทันใดเสียงบรรเลงก็ได้ขาดหายไป แล้วจากนั้นเหล่ามวลวิหคก็ได้บินวนเหนือนภาราว 3 รอบก่อนที่จะแยกย้ายจากไป นกเหยี่ยวลูกรักของเขาก็บินกลับมาแล้วเช่นกัน มันได้กลับมาเกาะที่บ่าของเขาแต่สีหน้าราวกับว่ายังติดอยู่ในห้วงภวังค์บางอย่าง

เขามาถึงกวนหยุนถายแล้วเห็นซากนกเกลื่อนกลาด และพบเหล่าปัญญาชนที่มาร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมที่ได้ถูกองค์หญิงเชิญมาร่วมชมทะเลหมอกบนกวนหยุนถายแห่งนี้

ผู้ที่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับองค์หญิงได้นั้นคาดว่าจะเป็นฟู่เสี่ยวกวนผู้มีนามเลื่องลือ

หนานกงอี้หยู่มิได้รบกวนคนหนุ่มสาวเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่เขากำลังจะผละตัวออกมาอย่างเงียบ ๆ นั่นเอง ทันใดนั้นนกเหยี่ยวตัวนั้นก็ได้บินออกจากบ่าของเขาแล้วไปเกาะบนบ่าของซูซู เจ้านกเหยี่ยวเดรัจฉานนี้มีจุดเด่นของมันอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อใดที่มันรู้ว่าเจ้าของคือใครแล้ว มันจะจงรักภักดีมิมีเปลี่ยน !

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้านั้นทำให้เขาประหลาดใจมากยิ่งนัก เพราะเจ้าเหยี่ยวตัวนี้ได้ยอมรับเขาเป็นเจ้าของแล้ว แต่กลับไปเอนเกาะบนบ่าของเด็กสาว ดูท่าทีเหมือนจะโปรดปรานนางเสียด้วยสิ หรือเดรัจฉานตัวนี้มันหลอกกินอยู่อาศัยกับเขามาโดยตลอดเยี่ยงนั้นหรือ ?

ซูซูหันหน้าไปหานกเหยี่ยวตัวใหญ่ที่เกาะบนบ่าของนางเพียงเล็กน้อย นางมิเคยพบเห็นนกตัวนี้มาก่อน จากนั้นนางจึงยื่นมือไปลูบขนของมันอย่างแผ่วเบา

นกเหนี่ยวมิได้ขัดขืนใด ๆ อีกทั้งมันยังเอาหัวของมันยื่นเข้าไปหามือของเด็กสาวเองเสียอีก มันใช้จะงอยปากแตะกลางมือของนางเบา ๆ จากนั้นจึงส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วออกมา !

หนานกงอี้หยู่รู้สึกมิสู้ดีนัก !

หึ ! ข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูมาเป็นปี ทะนุถนอมอย่างดีแต่กลับมาหักหลังกันได้ !

สีหน้าแดงก่ำของเขานั้นได้เย็นลงมาบ้างแล้ว เขาหันสายตาไปยังฉินที่วางอยู่เบื้องหน้าของซูซูจากนั้นจึงขมวดคิ้วและลูบหนวดเคราของตนอย่างใคร่ครวญ เขาคิดถึงเสียงฉินอ้อยอิ่งแห่งสรวงสวรรค์ อีกทั้งยังนึกถึงเพลงบรรเลงฉินในตำนานที่เย้ายวนหมู่มวลวิหคนับร้อยมาเชยชม

วิหคนับร้อยพันเหินเวหามารวมกลุ่มกันที่กวนหยุนถาย อีกทั้งยังมีอีกหลายตัวที่ต้องมาจบชีวิตลง ณ ที่แห่งนี้ หากลองคิดดูแล้วคงจะเป็นเพราะฝีมือการบรรเลงฉินของแม่สาวน้อยผู้นี้อย่างแน่นอน !

ฝีมือยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง อายุเพียงเท่านี้แต่ทักษะการดีดฉินนั้นได้บรรลุขั้นสูงสุดไปแล้ว อาจจะกล่าวได้เต็มปากว่านางนั้นเก่งกาจในระดับเดียวกับตำนานที่เล่าขานกันมา มิรู้ว่าเด็กสาวผู้นี้เป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน

จากนั้นเขาเลยตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อเฝ้ามองคนหนุ่มสาวเหล่านั้น เนื่องจากตนได้มองทะเลหมอกนี้มายาวนานกว่าสิบปีแล้วจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเลยมิได้สนใจที่จักเชยชมมันเลยสักนิด

เขาต้องการนั่งมองคนหนุ่มสาวที่แจ่มใสดั่งแสงสุริยันแห่งอรุโณทัยนั่น และอยากจะรู้เหลือเกินว่าเจ้านกบ้าตัวนั้นจะกลับมาหาเขาอีกหรือไม่

เมื่อภูเขาเมฆได้ถูกย้อมเป็นสีแดงทั้งหมด ทันใดนั้นสายลมก็ได้พัดพาเข้ามา แล้วภูเขาเมฆก็ได้ถูกสายลมพาพัดพลิ้วเอนไปตามลม ขึ้น ๆ ลง ๆ จากนั้นก็สลายตัวแล้วม้วนตามกระแสลมอย่างบ้าคลั่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)