ยามสายในวสันตฤดู ดวงอาทิตย์ส่องแสง สดใสสาดเข้ามายังลานกลางจวน
และได้สาดไปบนใบหน้าของจัวตงหลายเช่นกัน
เขานั่งรอที่ลานกลางจวนอยู่ครึ่งค่อนวัน สีหน้านั้นมิได้แสดงความใจร้อนและขาดความอดทนให้ปรากฏ เฉกเช่นที่มักจะพบเห็นในคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่
เขานั่งรออย่างสงบดั่งสายน้ำที่ไหลเอื่อย
ทว่าในภายในของเขานั้นมิได้สงบดั่งภายนอก องค์หญิงไท่ผิงได้พาฟู่เสี่ยวกวนไปเยือนกวนหยุนถายตั้งแต่ฟ้าสาง
นี่ช่างเป็นข่าวร้ายยิ่งนัก เขาได้นำข่าวคราวทั้งหมดที่เขาได้รับรู้มาประติดประต่อกันเป็นภาพเดียว และบัดนี้เขาได้เข้าใจอย่างแจ่มชัดแล้วว่าองค์หญิงไท่ผิงกำลังคิดทำการใดอยู่
นางนำกองทัพหญิงไปยังเส้นทางสัญจรภูเขาฉีซาน !
จากนั้นยังนำกองทัพหญิงรุดกลับเมืองกวนหยุนเพื่อจับกุมตัวเป่ยหวังฉวน เพียงเพราะเป่ยหวังฉวนแอบซุ่มโจมตีฟู่เสี่ยวกวนที่แถบชายแดนของอาณาเขตแคว้นหยูด้วยศรธนูเพียงแค่ 2 ดอก ช่างน่าเสียดายที่มิได้ยิงมันให้ตายไปเสีย !
หรือเป็นเพราะว่าเป่ยหวังฉวนได้แก่ตัวลงแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
เขามิเพียงแต่สังหารฟู่เสี่ยวกวนมิสำเร็จ แถมยังลือกันอีกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส !
จากนั้นองค์หญิงไท่ผิงได้นำกองทัพหญิงวกกลับไปที่เมืองฝานหนิง แล้วเอ่ยเป็นประจักษ์ต่อสายตาผู้คนว่าประสงค์จะเลี้ยงดูฟู่เสี่ยวกวนด้วยพระองค์เอง !
ประโยคนี้เปรียบดั่งมีดที่กรีดแทงเข้าไปกลางอกของจัวตงหลาย และเขายังคงรับรู้ถึงความเจ็บปวดทุกคราที่หายใจเข้าออก
ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมาถึงเมืองกวนหยุนได้เพียง 2 วัน นางก็พาเขาไปชมทะเลหมอกเสียแล้ว
นางจะตามฟู่เสี่ยวกวนเข้ามาในจวนด้วยหรือไม่ ?
จัวตงหลายเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข หากเจอหน้านาง เขาควรจะรับมือเยี่ยงไร ?
ฟู่เสี่ยวกวนเดินเข้าไปหาเขาแล้วยืนอยู่เบื้องหน้าของจัวตงหลาย และตำแหน่งที่เขายืนได้บดบังลำแสงที่สาดเข้ามายังใบหน้าของจัวตงหลายพอดี
จัวตงหลายตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์แห่งความคิด แล้วมองไปยังฟู่เสี่ยวกวน
ฟู่เสี่ยวกวนอมยิ้มเล็กน้อย แล้วใช้สายตาสำรวจชายหนุ่มผู้ที่อยู่เบื้องหน้า ชายหนุ่มผู้นี้หล่อเหลาและดูฉลาดหลักแหลม สายตาหยิ่งยโสและเย็นชาเสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจ สองคิ้วคมกริบเรียวยาว โครงหน้าชัดเจนงดงามดั่งถูกแกะสลักมาอย่างประณีต
หากจะกล่าวถึงเรื่องหน้าตานั้นฟู่เสี่ยวกวนคงต้องพ่ายแพ้ให้ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ไป หากอยู่บนโลกที่เขาได้จากมานั้น บทหลี่สวินฮวน1คือพระเอกในนิยายเรื่องเสี่ยวหลี่เฟย คงต้องตกเป็นของชายหนุ่มผู้นี้อย่างไร้ข้อกังขา
เมื่อเขาได้สบตากับจัวตงหลาย เขาจึงนั่งลงที่ฝั่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่มผู้นั้น
ชุนซิ่วยกชุดน้ำชามาให้ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองจัวตงหลาย นางรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ชายหนุ่มผู้นี้ช่างคล้ายคลึงกับซูม่อเสียเหลือเกิน ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยก็คือเขาดูหยิ่งยโสยิ่งกว่าซูม่อ ช่างยากแท้ที่จะเข้าถึง
ฟู่เสี่ยวกวนจัดแจงชงชา จากนั้นเขาจึงเอ่ยถามแขกผู้มาเยือน “คุณชายจัวมาเยือนครานี้มีธุระอันใดหรือ ? ”
“ข้าแค่อยากมาพบท่าน”
“พบแล้วรู้สึกเยี่ยงไร ? ”
“มิได้เลวร้ายเสียทีเดียว”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า เขารู้สึกพึงพอใจต่อคำประเมินค่าที่ว่าไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียวนี้
“เมื่อได้ชมทะเลหมอกแล้วท่านมีความรู้สึกเยี่ยงไร ? ” จัวตงหลายเอ่ยถาม
“ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ ช่างงดงามยิ่งนัก ”
ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยอย่างเป็นกันเอง และบิดใบชาใส่เข้าไปในกาน้ำชา จากนั้นเขาจึงพบว่าชานี้รสชาติมิสู้ดีนัก
“ข้ามิได้มาเพื่อดื่มชา” จัวตงหลายลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยกับฟู่เสี่ยวกวนต่อ “ข้าใคร่อยากเตือนท่านไว้เสียหน่อย ประเดี๋ยวจะมีบัณฑิตแห่งราชวงศ์อู๋จำนวนมากมาท้าประลองฝีมือกับท่านถึงประตูจวน เกรงว่ามิใช่การท้าประลองฝีมือด้านการประพันธ์ แต่จะเป็นด้านหมัดหรือกระบี่กระบองเสียมากกว่า แต่ขอท่านโปรดอย่าได้เข้าใจผิด เพราะการกระทำนี้ปราศจากการยุยงสนับสนุนจากข้า ข้าขอเอ่ยกับท่านตามตรงว่าข้าชอบพอองค์หญิงไท่ผิง แต่ข้ามิปรารถนาที่จะใช่วิธีสกปรกเช่นนี้มาโจมตีท่าน เพราะมันไร้สาระสิ้นดี”
“พวกที่ต้องการมาประลองฝีมือกับท่านย่อมมีเหตุผลและตรรกะของพวกเขา ข้าก็มิสามารถห้ามปรามได้ เช่นนั้นขอท่านได้โปรดเตรียมการรับมือไว้ให้ดี อย่าให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนมิอาจมาร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมได้ หากเป็นเยี่ยงนี้ก็คงจะมิดีเท่าใดนัก”
“อีกอย่าง เมืองกวนหยุนนั้นมีทิวทัศน์สวยตระการตามากมาย หากมีเวลาว่างขอจงสละเวลาไปชื่นชมเสียหน่อยเถิด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)