ตอนที่ 31 ชีวประวัติห่านฟ้า
ฝนตกโปรยปราย ฟ้าร้องดังสนั่นไปทั่วทุกทิศ
ในยามนี้ สีของท้องฟ้ากลับเปลี่ยนเป็นความมืดมิดในยามราตรี
ไฟในห้องของต่งชูหลานยังคงสว่างไสว นางนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง ในมือถือจดหมายหนึ่งฉบับและหนังสือต้นฉบับอีกหนึ่งชุด
ใบหน้าของนางแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ทัดเส้นผมที่ปรกลงมาไว้ที่หลังใบหู และแกะจดหมายออกด้วยความประหม่า
เป็นเขาที่เขียนด้วยตนเอง เพราะลายมือนั้นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในใต้หล้า
“แม่นางต่ง
เป็นอย่างไรบ้าง !
ข้ามิรู้ว่านานเท่าใดเจ้าจึงจะได้รับจดหมายฉบับนี้ เมื่อนึกถึงระยะห่างของหลินเจียงไปจนถึงเมืองหลวงที่ค่อนข้างยาวไกลนั้น ข้าก็กังวลว่าสุราเหล่านั้นจะถูกกระแทกจนแตกไประหว่างทางเสียก่อน
วันที่หนึ่งเดือนหก เป็นวันเวลาเดียวกับที่ข้าเขียนจดหมายนี้ถึงเจ้า ตรอกฉือปาหลี่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เพียงเพื่อจะมาซื้อสุราเซียงเฉวียนและเทียนฉุนเท่านั้น
ข้าไม่ได้ไปเห็นฉากนั้นด้วยตาของตนเอง เพราะข้ามิได้ไป แต่มิใช่เพราะงานยุ่งแต่อย่างใด ข้ารู้เพราะไม่ว่าอย่างไรสุราทั้งสองชนิดนี้ก็ต้องขายดีอย่างแน่นอน”
คนผู้นี้หน้าหนาเสียจริง ต่งชูหลานลอบคิดในใจพลางกัดริมฝีปากเบา ๆ
“โชคดีที่ข้านั้นเคยกล่าวเอาไว้ว่าจะมอบสุรานี้ให้เจ้านำกลับไปที่เมืองหลวงด้วย มิฉะนั้น คาดว่าเจ้าจะต้องรอไปจนถึงชุดต่อไป นี่คือปัญหาของความซื่อสัตย์ เพราะข้าได้รับปากกับเจ้าไปแล้ว ก็ต้องทำให้จงได้”
ถือว่าเจ้ายังมีจิตสำนึก
“เจ้าบอกว่าตัวอักษรของข้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก ข้ามาครุ่นคิดดู ก็รู้สึกว่าที่เจ้าพูดนั้นถูกต้อง ดังนั้นจึงได้เขียนอะไรบางอย่างขึ้นมา เจ้าลองอ่านสิ่งที่เรียกว่านิยายนี้ดู เป็นข้าที่แต่งขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่ข้ารู้สึกว่าเนื้อเรื่องนี้ก็ถือว่าใช้ได้ สำเร็จไปได้ 6 บท จึงได้ส่งมาให้เจ้าอ่าน มิใช่ต้องการให้เจ้าแสดงความคิดเห็นอันใด เพียงฝึกฝนอักขระเท่านั้น ข้ารู้สึกว่าตัวอักษรพวกนี้ดูดีขึ้นมาเล็กน้อยเลยอยากให้เจ้าได้ดู”
คนผู้นี้แต่งหนังสือได้อย่างนั้นหรือ ?
“บิดาของข้ามาแล้ว คงต้องเขียนถึงเพียงเท่านี้ กลัวว่าเขามาเห็นเข้า จะเกิดความเข้าใจผิดว่าข้าและเจ้านั้นกำลังศึกษาดูใจกันอยู่”
“ฟู่เสี่ยวกวน วันที่หนึ่งเดือนหก”
ต่งชูหลานหน้าแดงทันพลัน คนผู้นี้ พูดจาเยี่ยงนี้ได้ที่ไหนกัน หากมิใช่ว่ารู้จักเขา เกรงจะคิดว่าชายผู้นี้เป็นคนต่ำทราม
นางเก็บจดหมายที่น่าอายนั่นลงไป สงบสติอารมณ์ แล้วจึงเปิดห่อของต้นฉบับนั้นออก ด้านบนนั้นมีกระดาษว่างอยู่ 1 ใบโดด ๆ เขียนไว้ตัวโต ๆ ว่า นี่คือต้นฉบับ โปรดส่งคืนหลังอ่านเสร็จ!
ทันใดนั้นนางก็หัวเราะขึ้นมา คนผู้นี้น่าขบขันเสียจริง ๆ ใครจะเผาส่งคืนให้เจ้ากัน
มาดูกันว่าคนผู้นี้เขียนบทความอันใดกัน
ความฝันในหอแดง
บทที่หนึ่ง เจินซื่ออิ่นช่างฝันผู้มีจิตสัมผัส จย่าอี่ว์ซุนบุตรีขุนนางเดินทางไปในที่ลำบาก
“ในสมัยโบราณกาล ฟ้าถล่มดินทลาย ความโกลาหลได้เริ่มต้นขึ้น… เจ้าแม่หนี่วาใช้ก้อนหินหลากสี 36,500 ก้อนเพื่อซ่อมแซมท้องฟ้า ก้อนเดียวที่เหลืออยู่ก็ไร้ประโยชน์ จึงถูกทอดทิ้งไว้ที่ไหล่เขาชิงเกิ๋ง…”
เรื่องราวเริ่มต้นเยี่ยงนี้ เมื่อได้เริ่มอ่านก็ไร้หนทางที่จะวางลง จิตใจของต่งชูหลานจมดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว และไร้หนทางที่จะถอนตัวออกมาได้
นางอ่านจบในคราเดียว นางเงยหน้าขึ้นมามองออกไปนอกหน้าต่าง สายฟ้าฟาดผ่านท้องฟ้า จนเป็นภาพที่สวยงาม
นางรู้สึกอยากดื่มสุรา ดังนั้นจึงลุกขึ้นไปเปิดกล่องออก ขวดสีแดงที่มีลายดอกกล้วยไม้สีทองประดับ สวยงามอย่างยิ่ง บนขวดนั้นได้มีตัวอักษรจารึกไว้ สุราหาได้ยากยิ่งในใต้หล้า ซีซานเทียนฉุน ด้านล่างมีตัวอักษรเล็ก ๆ ว่า 40 ดีกรี
นางนึกขึ้นได้ว่าคืนนั้นที่คนผู้นั้นไปยังสำนักศึกษาหลินเจียงก็เพื่อขอให้ท่านปู่ฉินประดิษฐ์อักษรให้ ซึ่งก็คือตัวอักษรเหล่านี้
เพียงเปิดจุกนั้นออก กลิ่นหอมของสุราก็ลอยมาแตะจมูก
นางถือขวดสุราไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะหนังสือ ดื่มสุราพลางอ่านหนังสือไปด้วย โดยไม่ได้สนใจถึงองค์หญิงเก้าหยูเวิ่นหวินที่เสี่ยวฉีพาเข้ามา อีกทั้งองค์หญิงเก้ายังยืนอยู่ด้านหลังของนาง
……
……
ดวงจันทร์และดวงดาราในหลินเจียงหาได้ยากยิ่ง โคมไฟถูกแขวนไปกับต้นไทร ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงใต้ต้นไม้ ในมือถือจดหมาย 1 ฉบับ
นี่คือจดหมายจากต่งชูหลาน บนกระดาษนั้นมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดปลายจมูก
“คุณชายฟู่
เป็นอย่างไรบ้าง !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)