ตอนที่ 316 ข้าขอยกเลิกราชโองการ
ภายในโถงพระราชวังจวี้หัวเงียบสงบขึ้นมาทันใด
สายตาของทุกคนมองมายังกวนถงที่นอนอยู่บนพื้น หลังจากฟังผลที่หมอหลวงวินิจฉัยว่ากวนถงสิ้นชีพแล้วพวกเขาก็ละสายตามายังฟู่เสี่ยวกวน
เคยได้ยินว่าเจ้าหมอนี่เมื่อคราอยู่ในราชวงศ์หยู ก็ใช้ฝีปากทำให้ชือเฉาหยวนและฮุ่ยชินอ๋องกระอักเลือด คาดมิถึงว่า ณ พระราชวังจวี้หัวแห่งราชวงศ์อู๋ เขาจะทำให้กวนถงซึ่งเป็นชื่อหลางฝ่ายซ้ายถึงกับสิ้นชีพลง !
เขาผู้นี้ช่าง…ช่างน่ากลัวยิ่ง !
โชคดีที่เขามิใช่ขุนนางในราชวงศ์อู๋ มิเช่นนั้นคาดว่าหลายคนที่อยู่ ณ ที่นี้คงต้องหวาดระแวง
ฟู่เสี่ยวกวนกลับมองไปยังร่างไร้วิญญาณของกวนถง ถอนหายใจส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า “เห้อ…ท่านทำตนเองแท้ ๆ พวกเราพนันกันไว้ว่า หากท่านกล่าวความเท็จจะต้องตายทั้งตระกูล เป็นเยี่ยงไรเล่า บัดนี้ท่านได้สิ้นชีพลงแล้ว”
บรรดาเสนาบดีได้ยินเข้าก็สูดปาก เขาช่างจองเวรจองกรรมเสียจริง หรือเขาตั้งใจจะไม่ละเว้นแม้แต่ครอบครัวของกวนถงเยี่ยงนั้นหรือ ?
ต่อจากนั้น ฟู่เสี่ยวกวนได้หันไปทางจัวอี้สิง เขายิ้มแล้วยกมือกำขึ้นคารวะ “ข้าน้อยฟู่เสี่ยวกวน คารวะท่านอัครมหาเสนาบดี ข้าได้ยินชื่อเสียงและเคารพนับถือท่านมานาน ในวันนี้มีโอกาสได้พบ อีกทั้งเห็นท่านมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ บุคลิกน่าเกรงขาม เคราของท่านช่างงดงามยิ่ง บัดนี้ ข้าได้วางใจแล้ว”
ประโยคที่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยขึ้น สร้างความประหลาดใจให้แก่ขุนนางและแม้แต่จักรพรรดิเหวินก็มิใช่ข้อยกเว้น ทว่าจัวอี้สิงได้ตอบกลับเขาไปว่า “ชื่อเสียงของท่านเสี่ยวกวนนั้น ข้าก็ได้ยินมาเนิ่นนาน ในวันนี้ได้มีโอกาสพานพบ ช่างโดดเด่นสมคำร่ำลือ สมแล้วที่เป็นเยาวชนแห่งราชวงศ์หยู ! หลังสิ้นสุดการประชุมราชวงศ์ใหญ่ จะขอเชิญท่านไปร่วมดื่มที่จวนข้าจะได้หรือไม่ ? ”
“สุรานั้นท่านจงเก็บเอาไว้ค่อย ๆ ดื่มเถิด บัดนี้ยังดื่มได้จงรีบดื่มให้มากสักหน่อย ข้านั้นอายุน้อยกว่าท่านมาก ยังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับดื่มสุรา”
ประโยคนี้แฝงไปด้วยความร้อนแรงดุเดือด ขุนนางที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ล้วนไม่เข้าใจว่า ฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งเดินทางมาราชวงศ์อู๋เป็นคราแรก หรือว่าก่อนหน้านี้พวกเขามีข้อบาดหมางกัน ?
หรือว่าเป็นเพราะจัวตงหลายชื่นชอบองค์หญิงไท่เหอ และฟู่เสี่ยวกวนมีโอกาสจะชนะในงานชุมนุมวรรณกรรมครานี้ เขาอาจจะแย่งชิงองค์หญิงไท่เหอไป ?
มิมีผู้ใดรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของประโยคดังกล่าว
เมื่องานงานเทศกาลโคมไฟ มือสังหารที่ลอบทำร้ายฟู่เสี่ยวกวนในวันนั้นถูกเขาจับได้ แล้วส่งตัวไปยังคุกของจินหลิง
ผู้ว่าเขตจินหลิง หนิงฝาชุนได้ทำการสอบสวน จากนั้นจึงส่งหนังสือฉบับหนึ่งไปให้ฟู่เสี่ยวกวน ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางไปยังคุกนั้นถึงสามครา เขาใช้วิธีของตนเองในการสืบถามจึงได้รู้ว่ามือสังหารทั้งสี่ขององค์ชายสี่หยูเวิ่นชูนั้น เป็นคนจากแคว้นอู๋
และผู้ที่ออกคำสั่งต่อพวกเขาก็คืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาแห่งราชวงศ์อู๋ จัวอี้สิง !
นี่คือข้อมูลที่ผู้ใดรู้เข้าก็ต้องตกตะลึง
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้นำเรื่องนี้ไปกล่าวกับผู้ใดแม้แต่คนเดียว
เนื่องจากก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องนี้ นั่นก็คือเรื่องที่เขาถูกลักพาตัวที่เมืองจินหลิงในปีกลาย จัวอี้สิงก็เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเช่นกัน !
ดังนั้น ก่อนที่เขาจะเดินทางมาราชวงศ์อู๋ เขาได้กล่าวกับองค์ชายสี่ว่า ท่านเป็นถึงองค์ชายสี่ มิมีเหตุผลใดที่ต้องมาแบกหม้อก้นดำแทนผู้อื่น
แต่องค์ชายสี่มิได้เป็นผู้แบกหม้อก้นดำ เขาเพียงแต่กำลังปิดบังเท่านั้น
เขามิประสงค์ให้ฟู่เสี่ยวกวนนำอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาแห่งราชวงศ์อู๋เข้ามาเกี่ยวโยงในเรื่องนี้ เขายิ่งมิประสงค์ให้ฟู่เสี่ยวกวนประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณชน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเป็นผู้แบกหม้อก้นดำนั่นเอง
หลังจากฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดไตร่ตรอง เขาก็มิได้นำเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป เนื่องจากบัดนี้เรื่องภายในของราชวงศ์หยูยุ่งเหยิงเกินพอแล้ว เขาตระหนักได้ว่าหากฮ่องเต้หรือฮองเฮาซั่งทรงรับรู้ ก็มิเป็นประโยชน์อันใด
การที่เขาเดินทางมาราชวงศ์อู๋ในครานี้ เขาเองก็ต้องการถามจัวอี้สิงว่า ข้าอยู่ห่างจากเจ้าสามพันกว่าลี้ เจ้าว่างมากนักหรืออย่างไร ?
แน่นอนว่าเขายังมิได้เอ่ยถามออกไป เนื่องจากจัวอี้สิงมีอำนาจมากเสียทีเดียวในราชวงศ์อู๋
จัวอี้สิงนำมือขึ้นลูบเครายาวของเขา ก่อนจะยิ้มและเอ่ยออกมาว่า “ชีวิตคนเราเอาแน่นอนมิได้ ดูอย่างกวนถงสิ เมื่อสักครู่ยังดี ๆ อยู่ บัดนี้กลับไร้ลมหายใจไปเสียแล้ว” เขาส่ายหัวถอนหายใจออกมาอย่างสลดใจแล้วเอ่ยว่า “สุราเทียนฉุนของท่านมิเลวเลย นับตั้งแต่ขนส่งมายังเมืองกวนหยุน ข้าก็ดื่มเพียงสุรานั้นตลอดมา ยังนึกในใจอยู่ว่าหากท่านตายไป จะมีผู้ใดสืบทอดสุรานั้นหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)