ตอนที่ 33 จางเพ่ยเอ๋อร์
“หากข้าไม่เห็นด้วยเล่า?”
นั่นคงจะน่าลำบากใจยิ่งนัก
ฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูกไปมาก่อนจะกล่าวยิ้ม ๆ “คือเช่นนี้ ตัวข้ารู้สึกว่านางยังเยาว์วัยเกินไป จิตใจและความคิดของนางก็ยังคงเป็นผู้เยาว์ การสมรสกันคือเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะสตรี ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน บุรุษกลัวเดินผิดเส้นทาง สตรีกลัวการสมรสกับบุรุษผิดคน หากพลาดไปแล้ว นั่นจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจไปตลอดชีวิต”
“เยี่ยงนั้นไปเจอหน้ากันก่อนไม่ดีกว่ารึ?” ฟู่ต้ากวนกล่าว
“ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูตระกูลจางนั้นช่างสวยสดงดงามดุจดอกท้อแย้มบานในฤดูใบไม้ผลิ หากคุณชายฟู่ได้พบหน้า ต้องชื่นชอบเป็นแน่” เฉียนเฉิ่นรีบกล่าว
“ข้ายังมีธุระ ต้องไปสำนักศึกษาหลินเจียง รบกวนเจ้านำเรื่องนี้ไปบอกกับคุณหนูตระกูลจางเสียหน่อย ว่าต้องขออภัยด้วย นาง… ยังเยาว์วัยเกินไป”
“นางจะอายุครบ 15 ปีในเดือนแปดนี้แล้ว นางมิใช่ผู้เยาว์แล้ว”
“ไม่ ข้ารู้สึกว่านางยังเยาว์วัยเกินไป พวกท่านคุยกันเถิด ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการจริง ๆ ข้าขอตัวก่อน”
ฟู่เสี่ยวกวนหาได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจไม่ ถึงแม้เขาจะสนใจเรื่องการจับคู่ แต่กับผู้เยาว์ที่เพิ่งจะอายุได้ 15 ปีบริบูรณ์นั้น เขารู้สึกว่าตนเองมิสามารถแต่งงานกับเด็กหญิงที่อายุเพียง 15 ห้าปีเท่านั้นได้
รวมไปถึงต่งชูหลาน เพียงแค่แม่นางต่งชูหลานเท่านั้นที่สามารถทำได้หลายอย่าง ใบหน้ารูปไข่ที่งามล่มบ้านล่มเมือง ทำให้ผู้คนเพิกเฉยความเยาว์ที่ยังคงดำรงอยู่ของนาง นั่นทำให้ฟู่เสี่ยวกวนมองข้ามเรื่องอายุของต่งชูหลานไปในบางครา ในยามที่เขียนจดหมายก็ถึงขั้นเขียนอะไรที่เป็นการเย้าแหย่ไปบ้าง
แน่นอนเขามิรู้ว่าทุกครั้งที่ต่งชูหลานได้อ่านจดหมายของเขาจะหน้าแดงจนลามไปถึงใบหูด้วยความเขินอายเป็นเวลานาน แต่ก็ชื่นชอบยิ่งนัก นางถึงกับตั้งตาคอยจดหมายของเขา
บุรุษมิเลว… สตรีมิรัก สำนวนโบราณมิได้หลอกลวงข้าแต่อย่างใด!
ด้วยความสัตย์จริงจากใจ ฟู่เสี่ยวกวนชอบพอต่งชูหลาน แต่เมื่อนึกถึงอายุของต่งชูหลานแล้ว นั่นเป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ ในส่วนของชนชั้นที่แตกต่างกัน เขาเองก็กังวลเช่นกัน จนถึงขั้นเคยครุ่นคิดว่าต้องใช้เวลาสามถึงห้าปีในการศึกษาเพื่อเข้าสอบหรือไม่
สุดท้ายเขาก็ละทิ้งหนทางนั้นไปเสีย ทุกคนต่างยังเด็กนัก บางทีรอให้เวลาผ่านไปอีกหลายปีค่อยมาดูกันอีกครา หากยังมีใจส่งถึงกัน ถึงครานั้นตัวเขาก็จะมิลังเล
ความรักระยะทางไกลนั้นไม่แน่นอน หากต่งชูหลานมีคนที่ชอบพออยู่แล้ว ฟู่เสี่ยวกวนอาจจะเสียใจ แต่เขาก็ยังคงยินดีกับนาง
นี่คือช่องว่างทางความคิด เขาครุ่นคิดถึงปัญหาระหว่างชายหญิงในโลกก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง เขารู้เป็นอย่างดีว่าความรู้สึกแบบนี้จำเป็นต้องมีพื้นฐาน จำเป็นต้องได้รับการดูแลปกป้อง และมิใช่แบบในโลกนี้ หมั้นหมายกันโดยที่ยังมิได้เจอหน้า หลังจากค่ำคืนที่ได้ร่วมหอกัน ถึงได้พบว่าตนเองแต่งได้สามีหรือภรรยาแบบไหนมา หลังจากนั้นจึงรู้ว่าชีวิตจะเจอกับความสุขหรือทนทุกข์
ถึงแม้อายุขัยของมารดาจะสั้น แต่นางก็สมรสกับบิดาของเขาด้วยความรัก
มารดามิได้รับการให้อภัยจากจวนสวี่ นั่นก็เพราะความขัดแย้งทางความคิด ขยายตัวจนถึงขั้นที่ไม่อาจลงรอยกันได้ นี่คือโศกนาฏกรรมของโลกใบนี้
……
……
จวนจางตั้งอยู่ที่ตรอกซีชุ่ย ห่างจากจวนฟู่ไปไม่เกินห้าจวนของตระกูลใหญ่
หากเป็นยุคหลัง ฟู่เสี่ยวกวนและจางเพ่ยเอ๋อร์ถือว่าเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่[1] แต่ในยุคนี้ ทั้งสองคนกลับพบเจอกันน้อยมาก บางทีอาจจะได้เจอกันในตอนที่ยังเยาว์วัย จางเพ่ยเอ๋อร์จดจำรูปลักษณ์ของฟู่เสี่ยวกวนได้อย่างชัดเจน แต่ในศีรษะของฟู่เสี่ยวกวนกลับไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับจางเพ่ยเอ๋อร์อยู่เลยแม้แต่น้อย
ในฐานะคุณหนูเล็กของจวนจาง โลกที่นางอาศัยอยู่ไม่ได้ใหญ่โตนัก
มีอาจารย์มาสอนตำราถึงจวน เครื่องดนตรี หมากล้อม และการเขียนอักษรต่างก็มีอาจารย์ที่เกี่ยวข้องมาสอนสั่ง สิ่งที่นางได้รับการสั่งสอนมาจึงเป็นเยี่ยงนี้ คุณหนูจากตระกูลใหญ่ส่วนมากต่างก็เป็นเยี่ยงนี้กันทั้งนั้น ดังนั้นในคราแรกที่ต่งชูหลานมายังหลินเจียง ฟู่ต้ากวนจึงประหลาดใจนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)