ตอน ตอนที่ 386 พิธีบวงสรวงสู่สวรรค์ จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 386 พิธีบวงสรวงสู่สวรรค์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนแหงนหน้าขึ้นมองท้องนภา ก็ค้นพบว่าดวงอาทิตย์อยู่ตรงกับศีรษะของเขาพอดิบพอดี
เขาทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า แล้วก็ได้พบเนินสูงอยู่เบื้องหน้าห่างไปราว 30 จั้ง และเนินสูงนั่นก็เป็นที่ตั้งของตำหนักเฉินเตี้ยนขนาดใหญ่
เขาจ้องมองตำหนักได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ จากนั้นก็ถูกภูเขาหิมะด้านหลังของตำหนักนั้นดึงดูดอีกครา
หิมะสีขาวโพลนเมื่อกระทบกับแสงสุริยาก็ได้สาดแสงจ้าทำให้ตาพร่ามัวไปชั่วขณะ ดั่งอัปสราที่สวมอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ที่คอยส่งสายตาอันมีอำนาจมาจับตาทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้
ถ้าหากมาท่องเที่ยว ทิวทัศน์นี้คงจะงดงามตระการตามากยิ่งนัก
ถ้าหากมาเคารพบูชา ที่แห่งนี้ก็คงศักดิ์สิทธิ์มิแพ้กัน
แต่ถ้าเกิดหิมะถล่ม…มิว่าใครหน้าใหนก็มิอาจหนีรอดออกไปได้ !
ฟู่เสี่ยวกวนสูดลมเย็น ๆ เข้าไปจนเต็มปอด แล้วก็หันไปมองทางตำหนักเฉินเตี้ยนอีกครา
นี่เป็นตำหนักของวัดเฉินเมี่ยว ทั้งดูเคร่งขรึมและน่าเคารพนับถือ มีธงผ้าไหมพลิ้วไหวอยู่โดยรอบ ด้านหน้ามีทางเข้าขนาดใหญ่
นักบวชในชุดสีแดงเดินออกมา 1 คน ด้านหลังของเขาก็ได้มีนักบวชในชุดสีดำตามออกมาด้วยอีกหนึ่งขบวน
พวกเขาทั้งหมดได้เดินลงบันไดที่ทอดยาวนับร้อยขั้นลงมา จากนั้นก็ได้มาหยุดอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ของจักรพรรดิเหวิน
นักบวชในชุดแดงนั้นได้โค้งคารวะ และนักบวชในชุดดำทั้งหมดนั้นก็ได้หมอบลงกับพื้น
“บัดนี้ได้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว เรียนเชิญองค์ฝ่าบาทขึ้นประจำแท่นบูชา ! ”
จักรพรรดิเหวินทรงจูงมือฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นก็นำเขาขึ้นบันไดไปยังสถานที่ประกอบพิธีกรรม ใช้เวลามิกี่อึดใจเท่านั้น ทั้งสองก็ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าของวัดเฉินเมี่ยว
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกเศร้าสลด
ตัวตำหนักของวัดเฉินเมี่ยวนั้นมีผนังสีแดงและเสาสีดำขนาดสูงใหญ่ ราวกับมีสัตว์ในตำนานนอนหมอบอยู่เบื้องหน้า
บนแท่นภายในวัดเฉินเมี่ยวนั้นมีหม้อขนาดใหญ่วางอยู่ และด้านบนสุดของหม้อนั้นมีลายเมฆและลายสัตว์มงคลสลักเอาไว้
และนักบวชชุดแดงได้ยืนประกบอยู่ทั้งสองด้านของแท่นนั้น ในมือของพวกเขานั้นมีเครื่องดนตรีนานาชนิด เช่นกลอง ขลุ่ยไม้ไผ่ ฆ้อง และขันทองเหลืองเป็นต้น
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นไปอีกก็คือภูเขาหิมะด้านหลังของวัดเฉินเมี่ยวนั่น
ภูเขาหิมะลูกนั้นอยู่ห่างจากวัดเฉินเมี่ยวราว 10 จั้ง เบื้องล่างนั้นมีหิมะที่ละลายแล้วก่อตัวเป็นธารน้ำแข็ง
เมื่อยืนอยู่ที่แห่งนี้ก็เหมือนกับว่าความอบอุ่นของแสงสุริยานั้นได้เหือดหายไป ต่อให้สวมชุดขนสัตว์หนาเพียงใด ความเย็นก็ยังคงทะลุทะลวงเข้ามาถึงกระดูกอยู่ดี
นักบวชชุดแดงผู้นั้นได้นำเหล่านักบวชชุดดำขึ้นมายังแท่นเช่นกัน นักบวชชุดดำท่านหนึ่งได้ยืนจุดกระดาษสีเหลืองทองอยู่ด้านหน้าหม้อขนาดใหญ่ แล้วนักบวชในชุดแดงก็ได้จุดธูป 2 ดอก และยื่นให้กับจักรพรรดิเหวินและฟู่เสี่ยวกวนในขณะที่กระดาษกำลังมอดไหม้”
“เริ่มพิธีกรรมบวงสรวงสู่สวรรค์ ! ”
เมื่อเสียงของนักบวชชุดแดงได้ดังขึ้น จักรพรรดิเหวินก็ทรงนำธูปของพระองค์ปักลงไปในกระถางธูปใหญ่ใบนั้น ฟู่เสี่ยวกวนเห็นเช่นนั้นก็เลยปฏิบัติตาม
ทันในนั้นเองก็ได้มีเสียงดนตรีศักดิ์สิทธิ์ดังขั้นมา มีเสียงฆ้องและกลองดังกึกก้อง ตามด้วยเสียงแซ่ซ้องของเครื่องดนตรีอื่น ๆ เสียงดนตรีได้ประสานกันจนเกิดเสียงดังสะท้อนไปทั่วทั้งช่องเขาแห่งนี้
ฟู่เสี่ยวกวนตกใจเป็นอย่างมาก แล้วแหงนหน้าขึ้นมองที่ภูเขาหิมะนั่นอีกครา รู้สึกเหมือนว่าจะได้ยินเสียงสะท้อนกลับมา !
แต่ทว่าก็ดูเหมือนมิมีอะไรเกิดขึ้น
และจักรพรรดิเหวินตี้ก็ได้จูงมือฟู่เสี่ยวกวนเข้ามายังตำหนักเฉินเตี้ยน
ดวงไฟภายในตำหนักแห่งนี้ส่องประกายเจิดจ้า และด้านในนั้นมีรูปปั้นแกะสลักขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่
และนั้นคือรูปปั้นเทพฮ้าวเทียนที่ราชวงศ์อู๋ให้ความเคารพนับถือ ร่างใหญ่นั้นถูกประดับด้วยชุดสีทอง ในมือถือคัมภีร์แห่งสรวงสวรรค์เอาไว้ สีหน้าดูเคร่งขรึม ดวงตาทั้งคู่ลุกโชนดั่งดวงไฟและกำลังก้มมองผู้คนที่จะมาเคารพบูชา
ในห้องโถงขนาดกว้างขวางนี้ ได้มีนักบวชในชุดดำนับร้อยชีวิตกำลังบรรเลงทำนองแห่งสรวงสวรรค์ เสียงบรรเลงแสนอ้อยอิ่งได้ประสานเข้ากับควันธูปที่ลอยล่องไปทั่วทั้งห้องโถง
ผืนปฐพีได้สั่นไหวแรงขึ้น อีกทั้งยังมีเสียงราวกับฟ้าร้องดังแว่วเข้ามาอีกด้วย !
หิมะถล่ม !
เขารีบลากจักรพรรดิเหวินออกมาในทันใด แล้วรีบกระโจนออกไปภายนอกตำหนักเฉินเตี้ยนอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้แผดเสียงตะโกนออกมาเสียงดังว่า “รีบหนี ! ”
จักรพรรดิเหวินทรงขมวดคิ้ว แม้ว่าขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำพิธีกรรมจวนจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังขาดอีกสิ่งหนึ่งก็คือพระองค์ต้องหมอบแล้วกราบไหว้เทพฮ้าวเทียนเพื่อที่จะได้รับการตอบสนองจากพระองค์ !
นี่ฟู่เสี่ยวกวนกำลังทำสิ่งใดกัน ?
“เจ้าปล่อยมือข้าประเดี๋ยวนี้ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนที่ตอนนี้มือเย็นเสียจนแข็งนั้นตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าเขาจะเคยถูกเป่ยหวังฉวนยิงธนูใส่มาแล้วสองครา หรือแม้ว่าจะเคยถูกผู้มีฝีมือระดับสูงถึงสิบสองชีวิตห้อมล้อมที่คฤหาสน์จิ้งหูมาแล้วก็ตาม แต่เขากลับมิเคยรู้สึกหมดหวังเช่นนี้มาก่อน
เขาเข้าใจถึงความรุนแรงของหิมะถล่มเป็นอย่างดี และนี่คือแสนยานุภาพแห่งธรรมชาติ ผู้ใดก็มิอาจต่อต้านได้ ต่อให้กวนยูผู้ที่เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามอยู่ที่นี่ก็มิอาจขัดขืนได้เช่นกัน !
ในขณะที่เขาลากมือของจักรพรรดิเหวินแล้ววิ่งปรี่ออกมาจากตำหนักนั่นเอง บริวารที่รออยู่บนที่ราบสูงหลีลั่วก็ได้หันมาทางภูเขาหิมะขนาดมหึมานี้เช่นกัน
แสงสุริยากระทบกับภูเขาหิมะเหลืองอร่ามเป็นสีทองทั้งลูก !
เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่ด้านบนยอดเขานั้นได้อันตรธานหายไป ราวกับได้เปิดผ้าคลุมที่บดบังความน่าค้นหานี้ออก แล้วเผยท่าทีบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ผู้คนต่างมองด้วยความตกตะลึงแล้วส่งเสียงร้องด้วยความปรีดาและหฤหรรษ์สำราญใจ ต่างคิดว่านี้คงเป็นเจตนาของสรวงสวรรค์ เมื่อพิธีบวงสรวงสู่สวรรค์ได้แล้วเสร็จเทพฮ้าวเทียนก็คงทรงได้สดับฟังเสียงของมวลมนุษย์
ตรงกลางของภูเขาหิมะนั้นได้มีหมอกปรากฏขึ้นมา ทว่าซูเจวี๋ยได้ขมวดคิ้วแล้วรู้ได้ในทันทีว่านั้นมิใช่เมฆหมอกแต่นั่นเป็นหมอกที่เกิดจากหิมะ !
แต่เขาก็มิอาจล่วงรู้ได้ว่าหิมะกำลังจะถล่ม…
เขาได้ยืนมองอย่างแน่นิ่ง แต่กลับรู้สึกแปลกประหลาดในใจ คนข้างกายของเขาต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ว่าพื้นดินกำลังสั่นสะเทือน แล้วหลังจากนั้นก็ได้เกิดเสียงดังคลื่นแผดดังขึ้นมา !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)