ตอนที่ 400 ต่งชูหลานผู้กุมอำนาจ
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้าเดือนเก้าวันที่หนึ่ง หลินเจียงมีฝนตกปรอย ๆ
วันนี้ ได้เกิดเรื่องราวขึ้นมามากมาย
อย่างเช่นจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์อู๋ทรงประชวร จึงนำราชกิจการเมืองทั้งหมดมอบหมายให้กับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวาดูแล
และเป็นวันนี้เช่นกัน ฝ่าบาทได้ทรงย้ายออกจากตำหนักหยางซิน มาประทับที่คฤหาสน์จิ้งหู ด้วยเหตุผลแสนง่ายดาย
ฟู่เสี่ยวกวนตายไปแล้ว ที่แห่งนี้เดิมทีเป็นเรือนหลวง เมื่อในยามนี้มิมีเจ้าของแล้ว อีกทั้งจักรพรรดินีทรงชื่นชอบบรรยากาศความเงียบสงบของที่นี่เป็นอย่างมาก ดังนั้นพระนางจึงเข้าไปประทับยังสถานที่แห่งนั้น
หนิงซือเหยียนยังคงเป็นคนเฝ้าประตูของคฤหาสน์จิ้งหู เพียงแต่หลังจากที่อู๋หลิงเอ๋อร์เข้าพักอยู่ที่นี่ เขามิเคยเห็นอู๋หลิงเอ๋อร์ออกมาอีกเลย
ที่แห่งนี้ถูกองครักษ์ชุดแดงของถังเชียนจวิน 5,000 นายปิดล้อมไว้อย่างแน่นหนา หนิงซือเหยียนเชื่อสุดใจว่าแม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็มิสามารถบินเข้าไปได้
ราชวงศ์หยูในวันนี้ก็ได้เกิดสองเหตุการณ์ใหญ่ขึ้นเช่นกัน
กองทัพทางตะวันออกนำโดยองค์ชายใหญ่ และกองทัพทางใต้ท่านนายพลหยูชุนชิวที่มาสนับสนุน ได้ขับไล่กองทัพท่านนายพลเสี่ยนชูแห่งแคว้นอี๋ออกไปจากแม่น้ำไป๋สุ่ย
กองทัพทั้งสองกำลังมองข้ามแม่น้ำที่กั้นอยู่ และกำลังส่งทหารมายังพื้นที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าคงมีเหตุการณ์นองเลือดคราใหญ่
แต่อีกเหตุการณ์ของราชวงศ์หยูมิได้ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างใหญ่โตเยี่ยงเรื่องของชัยชนะในครานี้ มันค่อย ๆ แพร่งพรายออกมาอย่างเงียบ ๆ ราวกับก้อนหินก้อนเล็ก ๆ ที่ถูกคนโยนลงในน้ำเบา ๆ ที่แม้แต่ระลอกคลื่นก็แทบมิปรากฎขึ้นมาให้เห็น
ฮ่องเต้มีราชโองการ ทรงแต่งตั้งให้องค์ชายสี่หยูเวิ่นชูเป็นอ๋อง และพระราชทานเมืองซีฮวงเขตซีหรงให้กับพระองค์ และให้องค์ชายสี่ออกจากเมืองหลวงวันนี้ !
ซีฮวง…
เขตซีหรง… !
หยูเวิ่นเทียนองค์ชายใหญ่ชีวิตนี้ต้องออกรบจนห่อศพด้วยหนังม้าและจะมิกลับมาที่จินหลิงอีก
แต่ฝ่าบาทก็ยังส่งให้องค์ชายสี่ไปยังซีฮวงอีก ขุนนางส่วนมากเห็นว่านี่คงจะเป็นการเนรเทศ ครึ่งปีมานี้องค์ชายสี่ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบมาตลอด หรือว่าลับหลังเขาได้ทำเรื่องยั่วยุฝ่าบาทเอาไว้ ?
ถ้าเยี่ยงนั้นยามนี้ที่ยังคงอยู่ในศูนย์กลางอำนาจของเมืองจินหลิงก็เหลือเพียงองค์ชายห้าหยูเวิ่นเต้า !
ฮองเฮาซั่งเป็นมารดาของหยูเวิ่นเต้า…ดังนั้น องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์หยู คาดว่าคงจะตกอยู่ในพระหัตถ์ขององค์ชายห้า
นี่เป็นการช่วงชิงตำแหน่งมองค์รัชทายาท องค์ชายสี่ทำการค้าที่จินหลิงมาหลายปี แม้ตัวเขาจะจากไปแล้ว แต่ใจของเขาเกรงว่ายังคงเต้นอยู่ในเมืองจินหลิง !
วันนี้ยังเกิดเหตุการณ์เล็ก ๆ ขึ้นอีกมากมาย
อย่างเช่นมีสตรีงดงามผู้หนึ่งออกมาจากป่ากระบี่และได้ลงมาจากภูเขาแล้ว นางแบกกระบี่ด้ามยาวมาถึงที่หลินเจียง และได้ไปยังที่สำนักศึกษาหลินเจียง และไปมองดูศิลาสายลมที่สำนักศึกษาป้านชานเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป หลังจากนางกลับมาถึงหลินเจียง นางก็ได้เดินทางไปยังตรอกซีชุ่ยแห่งเมืองหลินเจียงตะวันออกเฉียงใต้ มองดูประตูจวนจางเป็นเวลา 10 อึดใจ ยืนดูประตูจวนฟู่ 30 อึดใจ
หลังจากนั้นนางก็ได้ไปที่สวี่ฝูจี้และซื้อซีชานเทียนฉุนหนึ่งขวด แล้วมานั่งที่ข้างแม่น้ำแยงซี นางดื่มสุราไปมองดูน้ำที่ขยับขึ้นลงเป็นระลอกคลื่นเบา ๆ ในแม่น้ำแยงซีไปด้วย ดื่มอยู่เนิ่นนาน มองดูแล้วราวกับรูปปั้นก็มิปาน
สุรายังดื่มมิหมด นางนำสุราที่เหลืออยู่เทลงไปในแม่น้ำแยงซี ราวกับกำลังทำพิธีเซ่นไหว้
อย่างเช่นอีกเหตุการณ์หนึ่งดาบเทวะที่กำลังฝึกอยู่ในภูเขาเฟิ่งหลินเป็นเวลากว่าครึ่งปี เป็นเหตุการณ์ที่มิได้ทำให้ผู้ใดตื่นตกใจ พวกเขาหายไปในภูเขาที่กว้างใหญ่ เมื่อถึงยามที่ปรากฎออกมา พวกเขาได้แปลงกายเป็นผู้คุ้มกันไปแล้ว คุ้มกันเสบียงอาหารที่ขนส่งมากจากซีซานและมุ่งตรงไปทางเหนือ
และอย่างเช่น ต่งชูหลานบุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง ในวันนี้ได้นั่งรถม้ามาถึงที่จวนฟู่ที่หลินเจียง บังเอิญสวนทางกับสตรีชุดขาวที่สะพายกระบี่ยาวผู้นั้นเข้าพอดี
……
ต่งชูหลานและชุนซิ่วลงจากรถม้า
นางมองเงาที่จากไปนั้นอีกครา และเอ่ยถามชุนซิ่ว “เจ้าเห็นชัดหรือไม่ว่าเป็นผู้ใด ? ”
ชุนซิ่วส่ายหัว ต่งชูหลานขมวดหัวคิ้ว ๆ เบา ๆ เหมือนจะรู้สึกว่าเคยพบคนผู้นั้นจากที่ใดสักที่มาก่อน แต่ขณะนี้นึกมิออก
นางก้าวเดินเข้าไปในประตูใหญ่ของจวนฟู่ เดินตรงไปยังเรือนรับแขกในเรือนหลัก
เมื่อคืนได้ข่าวจากพ่อบ้านใหญ่ในเรือนซีซานมาว่าฉีซื่อได้มาที่เรือนและคิดที่จะดูบัญชี แน่นอนว่าย่อมทำมิได้ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)