นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 500

ตอนที่ 500 หารือ ณ ห้องทรงพระอักษร
ตอนที่ 500 หารือ ณ ห้องทรงพระอักษร

การเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์อู๋เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ส่งผลให้สายลับแห่งราชวงศ์หยูที่แฝงตัวอยู่ในราชสำนักอู๋ไม่ทันได้รับรู้เรื่องที่ไทเฮาซีทรงกักขังเหล่าขุนนางเอาไว้ในพระราชวัง จึงมิได้นำเรื่องนี้ขึ้นรายงานต่อวังหลวง

ในยามที่ไทเฮาซีกุมอำนาจของราชวงศ์อู๋ไว้ในมือได้แล้ว ณ ห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้และฟู่เสี่ยวกวนกำลังหารือกับขุนนางท่านอื่นถึงแผนการพิชิตเมืองซีหรง

“เรื่องนี้อาจจะต้องเร่งด่วนสักหน่อย” เยี่ยนซือเต้าครุ่นคิดแล้วกล่าวต่อว่า “บัดนี้หิมะตกหนักจนปิดเส้นทางบนภูเขา ถนนเส้นภูเขาหมินจึงเดินทางลำบากกว่าปกติมากนัก การให้ทหารมากมายเดินทางเข้าเมืองซีหรงจึงมิใช่เรื่องง่าย”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนซือเต้า จากนั้นจึงแย้มพระสลวนออกมา และทรงหันพระวรกายไปทางเยี่ยนเป่ยซีแล้วตรัสขึ้นมาว่า “แผนการนี้ยังมิได้บอกกับผู้ใดใช่หรือไม่ ? ”

เยี่ยนเป่ยซียกมือขึ้นคารวะ “แผนการนี้สำคัญยิ่ง กระหม่อมมิได้เอ่ยกับผู้ใดเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนได้ยินดังนั้นจึงเหมือนจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมา

เรื่องที่ขันทีเจี่ยนำมารายงานก่อนหน้านี้ ยืนยันได้ว่าองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์หยูได้ติดต่อกับเซวี๋ยติ้งชาน แม่ทัพแห่งกองทหารตะวันตก ในคืนวันที่สิบห้าเดือนสิบเอ็ด กองทัพที่อยู่ในความดูแลของเซวี๋ยติ้งชานจำนวน 1,000 นายกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองซีหรง โดยมิรู้ว่าจุดหมายปลายทางคือที่ใด และกำลังรอการตรวจสอบ

คาดว่าฝ่าบาททรงทราบเรื่องแล้วเป็นแน่

การประชุมราชวงศ์ในวันนี้ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ทหารตะวันตกเดินทางไปยังเมืองซีหรงเพื่อปราบปรามกองโจร และให้ฮั่วตงหลินฮ่องเต้แห่งเจิ้นซีเป็นผู้นำทัพ ให้จิ่งชินอ๋องหยูเวิ่นชูจัดเตรียมเสบียง นี่เป็นความตั้งใจที่วางเอาไว้ !

เป็นไปตามคาด เมื่อฝ่าบาทตรัสถึงนโยบายนี้ออกมา ทั้งยังเตือนถึงเรื่องที่เซวี๋ยติ้งชานอาจจะก่อกบฏ

“ข้าครุ่นคิดมาเป็นเวลาเนิ่นนาน และได้หารือกับท่านอัครมหาเสนาบดีเยี่ยน ประการแรกคอยจับตาดูว่าเซวี๋ยติ้งชานสมรู้ร่วมคิดกับหยูเวิ่นชูหรือไม่ ประการที่สองการนำทหารโยกย้ายจากตะวันตกไปยังซีหรง ทั้งคนและม้าจำนวนสามแสนจำต้องกินและดื่ม ข้าอยากรู้นักว่าพวกเขาจะจัดการเรื่องนี้เยี่ยงไร”

นับว่าเป็นนโยบายที่ดียิ่ง ฟู่เสี่ยวกวนตั้งใจฟังและคิดตาม การเดินทางเข้าไปในซีหรงมิได้ง่ายดายเลย และหากจะเดินทางออกมาก็มิง่ายเช่นกัน หากปล่อยให้ทหารจำนวนสามแสนนายเข้าไปในเมืองซีหรง และต่อให้พวกเขาคิดจะก่อกบฏ ทว่าการบุกเข้ามายังเมืองจินหลิงจากเมืองซีหรงนับว่ายากกว่าการเดินทางมาจากทางตะวันตกมากโขเสียทีเดียว

ถือเป็นการกระทำที่หมดสิ้นหนทาง บัดนี้อำนาจของราชวงศ์หยูมิเพียงพอต่อการทำสงครามดังกล่าว การโยกย้ายทหารตะวันตกไปยังที่ห่างไกลย่อมเป็นกลยุทธ์ยืดเวลาเท่านั้น

เยี่ยนซือเต้าได้ยินดังนั้นจึงตกตะลึงไปชั่วขณะ คล้ายรับรู้ได้ถึงเหตุผลของการกระทำในครานี้จึงมิได้เอ่ยถามอันใดขึ้นมาอีก

ส่วนฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตรมาทางฟู่เสี่ยวกวน “เมื่อครู่ ในที่ประชุมข้ามิสามารถเอ่ยได้สะดวกนัก บัดนี้เจ้าจงฟังเอาไว้ให้ดี ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกประหลาดใจยิ่ง ยังมีเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับข้าอยู่อีกเยี่ยงนั้นหรือ ?

“ข้าอนุญาตให้กองทัพดาบเทวะของเจ้า ขยายจำนวนเป็น 30,000 นายได้ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกยินดียิ่ง ยังมีเรื่องดีเช่นนี้อยู่อีกเยี่ยงนั้นหรือ ?

เขารีบน้อมรับพระบัญชาแล้วทูลว่า “กระหม่อม ขอบพระทัยฝ่าบาท ! ”

ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์แล้วตรัสว่า “อย่าเพิ่งรีบขอบใจข้า เพราะข้ายังมิหมดเรื่องกล่าวกับเจ้า”

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักลงอีกครา เยี่ยงนั้นก็รีบเอ่ยมาสิจะยึกยักทำไมกัน

“ข้าจะให้เจ้าเคลื่อนย้ายทหารดาบเทวะทั้งสี่พันนายที่เขตผิงหลิงไปยังเมืองเปียนเฉิง ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วขึ้นทันพลัน ให้โยกย้ายไปยังเมืองเปียนเฉิงเยี่ยงนั้นหรือ ? มิต้องเอ่ยถึงระยะทางอันไกลโพ้นเลย ! เมืองเปียนเฉิงมีปัญหาอันใดกันแน่ ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)