นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 525

สรุปบท ตอนที่ 525 สวี่หวยซู่วัวสันหลังหวะ: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 525 สวี่หวยซู่วัวสันหลังหวะ – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 525 สวี่หวยซู่วัวสันหลังหวะ ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 525 สวี่หวยซู่วัวสันหลังหวะ
ตอนที่ 525 สวี่หวยซู่วัวสันหลังหวะ

เมื่อได้ยินดังนั้น เยียนเหลียงเจ๋อก็เบิกตาโพลงด้วยอารามตื่นตกใจทันที

เห็นทีว่า ต้องมีเรื่องชู้สาวเป็นแน่ !

เมื่อสวี่ซินเหยียนได้ยินดังนั้น คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าสามีเคยทำเรื่องที่มิน่าให้อภัยกับแม่นางผู้นี้ ?

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่า “แม่นางช่างน่าสนใจยิ่ง พี่เยียนกล่าวว่าเจ้าขับร้องได้ไพเราะ ประจวบเหมาะกับข้าได้มาในวันนี้ เจ้าจะขับร้องทำนองเพลงเพื่อพวกเราได้หรือไม่ ? ”

ยิงฮวาลุกขึ้น โค้งคำนับอีกครา นางเข้าใจเรื่องระหว่างตนและฟู่เสี่ยวกวนแล้ว มันมิมีทางเป็นไปได้

หากฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยรั้งกันสักนิด นางคงจะอยู่ต่อ

แต่น่าเสียดายยิ่ง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มิรั้งตนเอาไว้เลย

ใช่ ! เขาสมรสไปแล้ว ที่เลือกทำงานนี้ก็เป็นความสมัครใจของนางเอง

พอคลายปมนี้ลงได้ ยิงฮวากลับรู้สึกผ่อนคลายอยู่มากโข จากนั้นจึงเกิดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “เยี่ยงนั้น ข้าจะร้องเพลง ‘เหมยหนึ่งกิ่ง ประตูปิดฝนกระทบดอกสาลี่’ ที่คุณชายฟู่เป็นผู้ประพันธ์เจ้าค่ะ”

กวีบทนี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้ประพันธ์ตอนที่อยู่ในราชวงศ์อู๋ และบัดนี้ก็ถูกสลักไว้เป็นลำดับที่หนึ่งบนหินเชียนเปยสือ

เยียนเหลียงเจ๋อเคยฟัง สวี่ซินเหยียนเองก็เคยได้ยิน มีเพียงฟู่เสี่ยวกวนที่แทบจะลืมไปแล้ว

ยิงฮวานั่งลงมีฉินวางอยู่เบื้องหน้า สตรีสองนางที่คอยถือโคมไฟได้แขวนมันไว้ที่ประตู หนึ่งคนหยิบกู่เจิง ส่วนอีกคนหยิบขลุ่ยยาว แล้วนั่งลงด้านข้างของยิงฮวา

เสียงฉินดังขึ้น เสียงกู่เจิงสอดประสาน เสียงขลุ่ยรับจังหวะ ทันใดนั้น เสียงร้องชั้นเซียนก็ดังขึ้นมา

…..

…..

เสนาบดีสวี่หวยซู่แห่งกรมพิธีการนั่งอยู่ในรถม้า ปากฮัมเพลงขณะเดินทางมายังหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง

วันนี้ช่างสบายใจเสียจริง ๆ

ฟู่เสี่ยวกวน เพียงลงมือก็ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ได้ ตนก็พลอยได้รับคำชมจากฝ่าบาทไปด้วยเช่นกัน

ภายในกระเป๋ายังคงมีตั๋วเงิน 1,000 ตำลึงที่หลานชายเคยมอบให้ ทว่า ‘บุตรี’ ผู้นั้น มิเคยกินข้าวของจวนสวี่เลยสักมื้อ

เงินนี้ถือว่าใสสะอาด ถือว่าเป็นค่าปิดปากจากหลานชาย

เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่มิได้มาเยือนหอกั๋วเซ่อเทียนเซียงเพื่อฟังแม่นางยิงฮวาขับร้อง วันนี้มีเวลาว่าง จึงอยากฟังนางขับร้องไปโดยปริยาย

ส่วนนางจะขับร้องเพลงใด ย่อมมิสำคัญ

หลังลงจากรถม้า สวี่หวยซู่ก็ได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของป้ายหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง เขาหันรีหันขวางมองไปรอบด้าน เกรงว่าจะถูกแม่เสือที่จวนพบเจอเข้า

เพื่อความปลอดภัย ตนจึงสวมหมวก ดึงปีกทั้งสองด้านลงมา พยายามปกปิดใบหน้าให้ได้มากที่สุด

หลังจากนั้นก็สอดมือประสาน โค้งลำตัว และเดินไปทางห้องโถงใหญ่ของหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง

ด้วยภาพลักษณ์นี้ จึงมิมีผู้ใดทราบว่าเขาคือเสนาบดีแห่งกรมพิธีการ

เขารีบเดินผ่านห้องโถงใหญ่อันวุ่นวาย ขึ้นไปบนชั้นสอง ใจที่กระวนกระวายจึงค่อย ๆ สงบลง

แม่นางที่คอยต้อนรับแขกอยู่บนชั้นสองเอียงศีรษะพลางชำเลืองมอง… คนผู้นี้มิเหมือนคนดีเอาเสียเลย สวมชุดสีฟ้าที่ดูเชย แล้วยังสวมหมวกแบบนั้นอีกด้วย เหตุใดจึงดูเหมือนลุงหลี่พ่อครัวที่อยู่ในโรงครัวกัน…

ชั้นสองล้วนเป็นห้องส่วนตัวทั้งสิ้น แม่นางบนชั้นสองล้วนได้รับความนิยมเป็นสิบอันดับแรกของหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง แต่ดูแล้วท่านลุงผู้นี้มิมีเงินพอที่จะจ่ายไหว

ดังนั้น แม่นางที่คอยรับแขกจึงเดินเข้ามาขวางสวี่หวยซู่เอาไว้ นางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านลุง ท่าน…มาผิดที่หรือไม่เจ้าคะ ? ”

สวี่หวยซู่ชะงักลงทันพลัน ท่านลุงเจ้าสิ ! ข้าดูชราถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?

“ข้าต้องการมาที่นี่”

“มิทราบว่าท่านลุงถูกใจแม่นางคนใดเจ้าคะ ? ”

“แม่นางยิงฮวา”

ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นตรงบันไดที่นำพาขึ้นมาสู่ชั้นสอง และมีเสียงสนทนาตามมา สวี่หวยซู่จึงหันไปมอง…

มารดาเจ้าสิ !

ฉินโม่เหวิน ฮั่วหวยจิ่น รวมถึงหนิงหยู่ชุนได้พาสตรีจำนวนหนึ่งขึ้นมายังชั้นสอง คาดมิถึงว่าหนึ่งในนั้นคือองค์หญิงสาม หยูชิงหลาน !

เป็นไปได้เยี่ยงไร !

ให้พวกเขาพบมิได้เป็นอันขาด !

หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป แม้ว่าจะมิส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตน แต่ทว่าหากแม่เสือที่จวนได้ยินเข้าย่อมมิใช่เรื่องดีเป็นแน่

ดังนั้น สวี่หวยซู่จึงหันหน้าหนีแล้วเดินออกมา แม่นางที่คอยต้อนรับก็ตามหลังมาด้วย “ท่านลุง… ท่านลุงเจ้าคะ…”

ลุงกับเจ้าสิ !

สวี่หวยซู่รู้สึกชาไปทั้งร่าง พวกฉินโม่เหวินขึ้นมาบนชั้นสองแล้ว ให้ตายเถอะ ! หรือจะกระโดดลงอาคารดี ?

กระดูกนี้จะหักมิได้ สวี่หวยซู่จึงเดินอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเพลงแสนรื่นหูดังมาจากห้องที่อยู่ด้านหน้า เขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เลือกสาวเท้าไปถึงหน้าประตู จากนั้นก็รีบเปิดประตูเข้าไป…

ซ่อนตัวไว้ชั่วคราว ให้กลุ่มของฉินโม่เหวินผ่านไปเสียก่อน

ส่วนคนที่อยู่ในห้องนี้คือผู้ใดกัน ?

เมืองจินหลิงกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ แม้ข้าจะมีตำแหน่งเป็นถึงเสนาบดีกรมพิธีการ คงมิถึงกับบังเอิญว่าคนที่อยู่ด้านในจะเป็นคนรู้จักหรอกนะ

เขาก้าวผ่านบานประตูนี้เข้าไป ยังมิทันได้มองว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในคือผู้ใดก็รีบหันหลังแล้วปิดประตูทันที จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย ผ่านไปชั่วครู่เขาจึงหันกลับไปเพื่อที่จะขอโทษผู้ที่อยู่ด้านใน…

ทันใดนั้นเสียงบรรเลงดนตรีก็หยุดลง ดวงตาของเขาพลันเบิกโพลง

ฟู่เสี่ยวกวน !

เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)