เมื่อได้ยินดังนั้น เยียนเหลียงเจ๋อก็เบิกตาโพลงด้วยอารามตื่นตกใจทันที
เห็นทีว่า ต้องมีเรื่องชู้สาวเป็นแน่ !
เมื่อสวี่ซินเหยียนได้ยินดังนั้น คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าสามีเคยทำเรื่องที่มิน่าให้อภัยกับแม่นางผู้นี้ ?
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่า “แม่นางช่างน่าสนใจยิ่ง พี่เยียนกล่าวว่าเจ้าขับร้องได้ไพเราะ ประจวบเหมาะกับข้าได้มาในวันนี้ เจ้าจะขับร้องทำนองเพลงเพื่อพวกเราได้หรือไม่ ? ”
ยิงฮวาลุกขึ้น โค้งคำนับอีกครา นางเข้าใจเรื่องระหว่างตนและฟู่เสี่ยวกวนแล้ว มันมิมีทางเป็นไปได้
หากฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยรั้งกันสักนิด นางคงจะอยู่ต่อ
แต่น่าเสียดายยิ่ง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มิรั้งตนเอาไว้เลย
ใช่ ! เขาสมรสไปแล้ว ที่เลือกทำงานนี้ก็เป็นความสมัครใจของนางเอง
พอคลายปมนี้ลงได้ ยิงฮวากลับรู้สึกผ่อนคลายอยู่มากโข จากนั้นจึงเกิดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “เยี่ยงนั้น ข้าจะร้องเพลง ‘เหมยหนึ่งกิ่ง ประตูปิดฝนกระทบดอกสาลี่’ ที่คุณชายฟู่เป็นผู้ประพันธ์เจ้าค่ะ”
กวีบทนี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้ประพันธ์ตอนที่อยู่ในราชวงศ์อู๋ และบัดนี้ก็ถูกสลักไว้เป็นลำดับที่หนึ่งบนหินเชียนเปยสือ
เยียนเหลียงเจ๋อเคยฟัง สวี่ซินเหยียนเองก็เคยได้ยิน มีเพียงฟู่เสี่ยวกวนที่แทบจะลืมไปแล้ว
ยิงฮวานั่งลงมีฉินวางอยู่เบื้องหน้า สตรีสองนางที่คอยถือโคมไฟได้แขวนมันไว้ที่ประตู หนึ่งคนหยิบกู่เจิง ส่วนอีกคนหยิบขลุ่ยยาว แล้วนั่งลงด้านข้างของยิงฮวา
เสียงฉินดังขึ้น เสียงกู่เจิงสอดประสาน เสียงขลุ่ยรับจังหวะ ทันใดนั้น เสียงร้องชั้นเซียนก็ดังขึ้นมา
…..
…..
เสนาบดีสวี่หวยซู่แห่งกรมพิธีการนั่งอยู่ในรถม้า ปากฮัมเพลงขณะเดินทางมายังหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง
วันนี้ช่างสบายใจเสียจริง ๆ
ฟู่เสี่ยวกวน เพียงลงมือก็ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ได้ ตนก็พลอยได้รับคำชมจากฝ่าบาทไปด้วยเช่นกัน
ภายในกระเป๋ายังคงมีตั๋วเงิน 1,000 ตำลึงที่หลานชายเคยมอบให้ ทว่า ‘บุตรี’ ผู้นั้น มิเคยกินข้าวของจวนสวี่เลยสักมื้อ
เงินนี้ถือว่าใสสะอาด ถือว่าเป็นค่าปิดปากจากหลานชาย
เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่มิได้มาเยือนหอกั๋วเซ่อเทียนเซียงเพื่อฟังแม่นางยิงฮวาขับร้อง วันนี้มีเวลาว่าง จึงอยากฟังนางขับร้องไปโดยปริยาย
ส่วนนางจะขับร้องเพลงใด ย่อมมิสำคัญ
หลังลงจากรถม้า สวี่หวยซู่ก็ได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของป้ายหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง เขาหันรีหันขวางมองไปรอบด้าน เกรงว่าจะถูกแม่เสือที่จวนพบเจอเข้า
เพื่อความปลอดภัย ตนจึงสวมหมวก ดึงปีกทั้งสองด้านลงมา พยายามปกปิดใบหน้าให้ได้มากที่สุด
หลังจากนั้นก็สอดมือประสาน โค้งลำตัว และเดินไปทางห้องโถงใหญ่ของหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง
ด้วยภาพลักษณ์นี้ จึงมิมีผู้ใดทราบว่าเขาคือเสนาบดีแห่งกรมพิธีการ
เขารีบเดินผ่านห้องโถงใหญ่อันวุ่นวาย ขึ้นไปบนชั้นสอง ใจที่กระวนกระวายจึงค่อย ๆ สงบลง
แม่นางที่คอยต้อนรับแขกอยู่บนชั้นสองเอียงศีรษะพลางชำเลืองมอง… คนผู้นี้มิเหมือนคนดีเอาเสียเลย สวมชุดสีฟ้าที่ดูเชย แล้วยังสวมหมวกแบบนั้นอีกด้วย เหตุใดจึงดูเหมือนลุงหลี่พ่อครัวที่อยู่ในโรงครัวกัน…
ชั้นสองล้วนเป็นห้องส่วนตัวทั้งสิ้น แม่นางบนชั้นสองล้วนได้รับความนิยมเป็นสิบอันดับแรกของหอกั๋วเซ่อเทียนเซียง แต่ดูแล้วท่านลุงผู้นี้มิมีเงินพอที่จะจ่ายไหว
ดังนั้น แม่นางที่คอยรับแขกจึงเดินเข้ามาขวางสวี่หวยซู่เอาไว้ นางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านลุง ท่าน…มาผิดที่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
สวี่หวยซู่ชะงักลงทันพลัน ท่านลุงเจ้าสิ ! ข้าดูชราถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ?
“ข้าต้องการมาที่นี่”
“มิทราบว่าท่านลุงถูกใจแม่นางคนใดเจ้าคะ ? ”
“แม่นางยิงฮวา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)