นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 541

สรุปบท ตอนที่ 541 นอกศาลา: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอน ตอนที่ 541 นอกศาลา จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 541 นอกศาลา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 541 นอกศาลา

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่ยี่สิบ เดือนสอง

ถนนเจี้ยนหนานตง เมืองเจี้ยนโจว ด้านนอกของศาลา

ท้องฟ้าเริ่มสว่าง สุริยากำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า ความหนาวเหน็บของฤดูใบไม้ผลิยังทำร้ายผู้คน

หยูเวิ่นชูยืนอยู่ตรงทางเดินของศาลา สองมือไพล่ไว้ด้านหลังแล้วมองออกไปยังภูเขาที่ถูกคลื่นหมอกยามเช้าโอบล้อม

ยามนี้ นักบุญเฉินจั่วจวินแห่งลัทธิจันทรา กำลังนั่งอยู่ในศาลาแต่เพียงลำพัง นางกำลังต้มสุรา

สุราที่นางต้มมีกลิ่นหอมชวนให้ดื่มยิ่งนัก ควันลอยคลุ้งไปตามภูเขา ป่าและถนนของศาลาเก่าแห่งนี้

สถานที่แห่งนี้เงียบสงบมากยิ่งนัก บางคราก็จะปรากฏนกสีเขียวบินมาเกาะบนหลังคาของศาลาแล้วส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเกือกม้าดังขึ้นมา แต่ทว่าเป็นเสียงที่ไม่เร่งรีบราวกับว่ากำลังเที่ยวเล่นชมนกชมไม้อย่างผ่อนคลาย

หยูเวิ่นชูละสายตาจากสิ่งที่มองอยู่ แล้วหันไปมองยังถนนเส้นยาวแทน

เสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มีสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวราวหิมะ

นางสวมอาภรณ์สีแดงสด มีผ้าพันคอและหมวกสีแดงขนาดใหญ่ แม้แต่รองเท้าก็ทำจากผ้าสีแดง

ร่างกายของนางขยับไปมาในจังหวะเดียวกับที่ม้าเคลื่อนตัว ช่างดูอ่อนโยนและบอบบางมากยิ่งนักราวกับว่าร่างของนางสามารถปลิวไปกับสายลมได้ทุกเมื่อ

นางเข้าใกล้หยูเวิ่นชูมากขึ้นเรื่อย ๆ และหยูเวิ่นชูเองก็ได้เห็นว่าใบหน้าของนางถูกแต่งเต็มด้วยแป้งสีขาวอมชมพู

ใบหน้าของนางดูอ่อนโยนยิ่ง แต่ทว่าคิ้วตั้งตรงราวกับดาบ !

แต่เยี่ยงไรเสีย ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยประกายแวววับใสยิ่งกว่าดวงดาราในยามราตรีเสียอีก !

นางคือสีฮวา !

ฮูหยินของท่านนายพล สีฮวา !

นายเคยศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาจี้เซี่ย ในปีไท่เหอที่สี่สิบแปด ได้ยินมาว่าหลังจากนางสมรสกับเซวี๋ยติ้งชานแล้ว ฮ่องเต้ได้มอบตำแหน่งสีฮวาให้แก่นาง !

ปีนี้ นางอายุ 32 ปีแล้ว แต่ทว่าใบหน้ายังดูอ่อนเยาว์ราวกับอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น

รูปร่างของนางยังคงอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ใบหน้ายังคงความงาม ราวกับวันเวลามิมีผลกับนางเลยแม้แต่น้อย

สีฮวามิได้ชื่นชอบดอกไม้ นางชอบสีแดง นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตั้งแต่เยาว์วัย ดังนั้นหลังจากได้อันดับหนึ่งจากการแสดงร่ายรำ ทุกคนในเมืองจินหลิงจึงเรียกนางว่า หงเหนียงจื่อ

แต่นางได้จากจินหลิงไปหลายปีแล้ว ดูเหมือนว่าผู้คนจะลืมไปแล้วว่าคราหนึ่งในจินหลิงเคยมีหงเหนียงจื่อที่ยอดเยี่ยมอยู่

หยูเวิ่นชูค่อย ๆ เดินเข้าไปหา หยุดยืนตรงอาชาสีขาวตัวนั้น สีฮวาพลิกตัวแล้วกระโดดลงจากหลังม้า ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาให้เห็นแววตาสีรัตติกาลของนาง “ทัพของหยูชุนชิวหันหลังกลับแล้วหรือยัง ? ”

หยูเวิ่นชูทำความเคารพนาง “กลยุทธ์ของท่านลุง หลานรู้สึกเลื่อมใสยิ่ง ! วันนี้มีรายงานว่าหยูชุนชิวถอยทัพกลับแล้ว”

“เยี่ยงนั้น… ด่านชีผานถูกยึดแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ใช่ ! ” รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของสีฮวา นางก้าวเข้าไปในศาลา แล้วค่อย ๆ นั่งลง พลางจ้องมองเฉินจั่วจวินด้วยสายตาเย็นชา

“ข้าขอให้ผู้มีฝีมือระดับสูงของลัทธิจันทราเดินทางไปด่านชีผานตั้งแต่วันที่สิบหก เดือนสอง เหตุใดจึงล่าช้าไปถึง 3 วัน ? ”

เฉินจั่วจวิน รีบตอบว่า “เหตุเพราะเฟ่ยอันส่งกองกำลังป้องกันเมืองทุกหนแห่งจึงทำให้การเดินทางล่าช้าไปถึง 3 วัน”

“ฮ่า ๆ… ” สีฮวาหัวเราะออกมา เสียงนั้นทำให้เฉินจั่วจวินตกอยู่ในภวังค์ นางไม่ได้กล่าวอันใดกับเฉินจั่วจวินอีก ทว่ากลับมองไปทางหยูเวิ่นชูพร้อมถือจอกสุราไว้ในมือ “หากทหารจำนวน 150,000 นายมาถึงด่านชีผานแล้ว จะออกเดินทางต่อหรือไม่ ? ”

หยูเวิ่นชูโค้งคำนับแล้วตอบว่า “ท่านนายพลคาดการณ์ว่าทหารของหยูชุนชิวจะปักหลักที่ทางสายเก่าจินหนิว ทางสายนี้คับแคบยิ่ง หากหยูชุนชิววางปืนใหญ่ดักเอาไว้ กองกำลังมากกว่าหนึ่งแสนนายคงบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ดังนั้นจึงยังเดินทางไปมิได้”

สีฮวาได้ยินดังนั้นก็บันดาลโทสะ ปาจอกสุราลงกับพื้นเสียงดัง ‘เพล้ง… ! ’ เศษกระเบื้องแตกกระจายบนพื้น “โง่เง่า ! ”

หยูเวิ่นชูถอนหายใจออกมาอย่างหนักเมื่อเห็นเฉินจั่วจวินเมาหลับไปบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“ข้ามิเข้าใจยิ่ง ลัทธิจันทราก่อตั้งมานานกว่าสองร้อยปี แต่เหตุใดกลับมิพัฒนาความคิดเอาเสียเลย”

เขายกจอกสุราขึ้นดื่มหนึ่งอึก ฉายยิ้มเยาะออกมา “ช่างโง่เขลายิ่ง ! ”

……

……

ทางสายเก่าจินหนิว หุบเขาต้าเยี่ยน

หยูชุนชิวได้จัดวางปืนใหญ่ไว้ตามกลยุทธ์ของฟู่เสี่ยวกวน ในยามนี้เขาและภรรยาเผิงยวี๋เยี่ยนกำลังยืนอยู่ด้านหนึ่งของภูเขา บัดนี้ทั้งสองมีสีหน้าเคร่งเครียดราวกับกำลังคิดบางอย่างอยู่ พวกเขารู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป

“ฮูหยิน ขันทีเจี่ยบอกว่าข่าวนี้เป็นสีฮวาที่เขียนขึ้นมา… หากนับตามวันเวลาแล้ว วันนี้เซวี๋ยติ้งชานต้องมาถึงที่นี่แล้ว หรือว่า… ? ”

เผิงยวี๋เยี่ยนก็สงสัยเช่นกัน เดิมทีนางจะไปถึงด่านชีผานในอีกไม่กี่วัน แต่เป็นเพราะราชโองการที่ขันทีเจี่ยนำมา ทำให้นางต้องย้อนกลับมาที่นี่ เดินทางโดยมิได้หลับนอนเป็นเวลาสามวันสามคืน หวังว่านางจะมิได้ตัดสินใจผิดไป

ถ้าผิด… นางตื่นตกใจขึ้นมาทันพลันเมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “ข้ากลัวว่าสีฮวาจะหลอกพวกเรา”

หยูชุนชิวตกตะลึงงัน “ถ้าสีฮวาคิดทรยศ เช่นนั้นพวกเราต้องเสียด่านชีผานให้เซวี๋ยติ้งชานง่าย ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ท่านพี่”

“อืม”

“ท่านจงอยู่บัญชากองทัพที่นี่”

“แล้วเจ้าเล่า ? ”

เผิงยวี๋เยี่ยนกล่าวว่า “สามีข้าอย่าได้ห่วงภรรยาผู้นี้เลย ข้าเพียงจะไปพบหงเหนียงจื่อเสียหน่อย ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)