ตอน ตอนที่ 587 มิสามารถอยู่เยี่ยงนี้ได้ จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 587 มิสามารถอยู่เยี่ยงนี้ได้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 587 มิสามารถอยู่เยี่ยงนี้ได้
ต้นเดือนสี่ เขตหยุนไหลหิมะเริ่มละลาย แต่ทว่าหมอกกลับค่อย ๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา และก่อตัวหนาทึบไปทั่วทั้งเขตหยุนไหลที่อยู่ด้านล่างภูเขา
ไฟในเรือนเล็กด้านหลังของสำนักงานเขตหยุนไหลยังคงติดอยู่ แสงไฟสลัวลอดผ่านมาจากลายฉลุหน้าต่างในเรือน หมอกถูกย้อมเป็นสีส้ม เบาและบาง จนเหมือนกับเส้นด้าย
จัวหลิวหวินดื่มสุราจำนวนมาก ดื่มด้วยกันกับผู้ช่วยนายอำเภอของตน ถึงแม้กลางเรือนเล็กจะมีเตาผิงวางไว้อยู่ แต่ก็ยังรู้สึกหนาวสั่นไม่น้อย
จัวหลิวหวินนั่งอยู่ข้างเตาผิง ผิงไฟ แล้วกล่าวออกมาด้วยอารามเมามาย
“ผู้เฒ่าเหยียนเอ๋ย… เจ้าทราบหรือไม่ว่าข้ามาที่นี่นานเท่าใดแล้ว ? ”
เดิมทีผู้ช่วยนายอำเภอเหยียนเกาเป็นคนของเขตหยุนไหล ดวงตาฝ้าฟางของเขามองชายหนุ่มที่ดื่มจนเมามายอย่างเห็นอกเห็นใจเล็กน้อย “น่าจะราวหนึ่งปีกว่า ๆ แล้ว”
จัวหลิวหวินจับไหล่ของเหยียนเกาจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนโซซัดโซเซ “ข้าจะบอกเจ้าให้ หนึ่งปีสามเดือนกับอีกสามวัน… ที่รกร้างแห่งนี้… รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่แปด ข้าคือจิ้นซื่อสิบอันดับแรกของรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่แปด”
“ไอ้เวรจางเหวินฮั่นก็มิรู้ว่าติดอันดับที่เท่าใด มันได้ไปเป็นนายอำเภอที่ผิงหลิงเช่นกัน เดิมทีที่นั่นยากจนกว่าที่ของพวกเราเสียอีก แต่มันดันได้พบกับฟู่เสี่ยวกวน…”
“เจ้ารู้จักฟู่เสี่ยวกวนใช่หรือไม่… ฟู่เจวี๋ยเย ในปีนั้นข้ายังเคยดื่มสุรากับฟู่เจวี๋ยเย เคยไปหงซิ่วจาวด้วยกัน…”
เหยียนเการีบลุกขึ้นประคอง “ท่านนายอำเภอ ท่านเมาแล้ว”
“ข้ามิเมา…” ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา และชี้ไปที่เหยียนเกา “เจ้ามิเชื่อเยี่ยงนั้นหรือ ! ”
เหยียนเกาจะไปเชื่อได้เยี่ยงไร ?
ชายผู้นี้น่าสงสารยิ่ง เป็นจิ้นซื่อสิบอันดับแรกที่ยิ่งใหญ่ ถูกวางให้เป็นนายอำเภอก็เป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือการถูกวางให้มาอยู่ที่รกร้างเยี่ยงนี้
เขาย่อมไร้ผู้หนุนหลังเป็นแน่ !
มาถึงที่นี่ได้หนึ่งปีกว่า เขาเคยเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แต่หลังจากที่มาเหยียบเขตหยุนไหลแห่งนี้เท่านั้นแหละ เขาก็ได้หมดหวังลงทันที ไม่มีแม้แต่หนทางเดียวที่จะเดินไปต่อ
ผู้ใดมาที่นี่ก็จะไร้หนทางเฉกเช่นเดียวกับเขา !
ทุ่งนาแห้งแล้งไปแล้ว ในตอนนี้ก็รกร้างมากยิ่งขึ้น
จำนวนประชากรหายไปมากโข กล่าวว่าไปอีกอำเภอหนึ่ง แต่หลังจากจัดการลงทะเบียนคนทั้งอำเภอที่ยังไม่เคยลง ก็เพิ่งจะมีเพียงสองแสนกว่าคนเท่านั้น !
เทียบไม่ได้กับจำนวนหนึ่งชุมชนของเจียงหนานและเจียงเป่ยเลยด้วยซ้ำ !
ไม่มีคน ก็จบสิ้น นี่คือความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่โบราณกาล การเกษตรที่ไม่มีเกษตรกร การค้า… สถานที่รกร้างเยี่ยงนี้จะไปมีการค้าได้กับผีน่ะสิ
ดังนั้น จัวหลิวหวินที่อยากจะเผยความทะเยอทะยานออกไปจึงหายไปทั้งอย่างนี้ และมัวแต่เมามายอยู่กับสุรา
นี่มิใช่สุราเทียนเซียงของหงซิ่วจาว และยิ่งมิใช่ซีชานเทียนฉุน นี่คือสุราที่ธรรมดาที่สุด ที่สามารถซื้อ 10 ชั่งได้ใน 1 ตำลึง
จัวหลิวหวินนั้นเก่งไปเสียหมดทุกอย่าง พอเมาแล้วก็ชอบคุยโว
เขามักจะกล่าวถึงเมืองหลวง กล่าวถึงจิ้นซื่อสิบอันดับแรกของรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่แปด อย่างเช่นจอหงวน ชืออีหมิง ที่ได้รับโทษจากการก่อกบฏของตระกูลเฟ่ย ในวันนี้ยังคงถูกจองจำอยู่ในเรือนจำซ่างจิต้าหลี่ เกรงว่าจะถูกบั่นคอในฤดูใบไม้ร่วงนี้แล้ว
เหยียนเกาเชื่อในเรื่องนี้ เยี่ยงไรก็ถือว่าเป็นการก่อกบฏ
แต่ในเมื่ออดีตมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก่อน หากให้ท่านนายอำเภอเขียนจดหมายถึงฟู่เจวี๋ยเย ขอรวมเขตหยุนไหลเข้าสู่เขตเศรษฐกิจนำร่องด้วย เมื่อมีพ่อค้ามาลงทุนที่นี่ เขตหยุนไหลก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้วมิใช่หรือ ?
เหยียนเกากระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ในเมื่อนายท่านรู้จักกับฟู่เจวี๋ยเย นโยบายใหม่นี้ เป็นฟู่เจวี๋ยเยที่เสนอและผลักดันอย่างเต็มที่…”
จัวหลิวหวินได้ยินดังนั้นก็โบกมือขึ้นทันทีโดยมิรอให้เหยียนเกากล่าวจบ “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าดี ข้าได้ยินมาเนิ่นนานแล้ว… เขตหยุนไหลของพวกเรา นอกจากสัตว์ป่าและสินค้าท้องถิ่นเล็กน้อยในเขาหยุนซานที่ยอดสูงเสียดเมฆแล้วยังจะมีอันใดอีกกัน ที่สำคัญก็คือประชากร !
ข้าเองก็คิดดึงดูดการลงทุนเพื่อสร้างโรงงานเช่นกัน แต่ที่แห่งนี้กลับมีประชากรอาศัยอยู่น้อยนิดเท่านั้น !
เฮ้อ…”
จัวหลิวหวินถอนหายใจ “ตอนนี้พวกเรามิได้มีเงื่อนไขสำคัญอย่างเพียบพร้อม เจ้ากล่าวว่าให้ข้าเขียนจดหมายถึงฟู่เจวี๋ยเย นี่มิใช่ว่าเป็นการทำให้เขาลำบากใจหรอกหรือ ดังนั้นข้าจึงใคร่ครวญอยู่นาน มิสามารถอยู่เยี่ยงนี้ต่อไปได้ ต้องเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในปัจจุบัน”
“จะต้องเปลี่ยนแปลงเยี่ยงไร ? ความจน ประชากรลดน้อยลง ก็ยิ่งยากจนลงเรื่อย ๆ ”
จัวหลิวหวินหัวเราะ “ดังนั้นพวกเราจึงต้องแก้ไขปัญหาเรื่องประชากรเป็นอันดับแรก”
“มีนโยบายใดที่จะแก้ไขได้กัน ? ”
“มิใช่ว่ามีที่นารกร้างตั้งมากมายหรอกหรือ ? เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เรียกรวมเจ้าหน้าที่ทุกคน เปิดประชุมที่สำนักงานเขต สิ่งที่ข้าคิดคือ รวมที่นารกร้างเหล่านั้นมาทำการรังวัดใหม่ เก็บคืนเป็นของสำนักงานเขตทั้งหมด…”
เหยียนเกาตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน “นายท่าน มิได้ขอรับ ถึงแม้ที่นาเหล่านั้นจะรกร้างไปแล้ว แต่ก็ยังมีเจ้าของอยู่ หากภายภาคหน้าพวกเขากลับมาจะทำเยี่ยงไรขอรับ ? ”
“ข้ามิสนใจอันใดแล้ว ดังนั้นพรุ่งนี้จงประกาศออกไปว่า ที่นาทั้งหมด หากถูกทิ้งร้างเกิน 1 ปี จะถือว่าไร้เจ้าของทั้งสิ้น นอกจากนี้… จงส่งคนออกไปเพื่อกระจายข่าว ผู้ที่มาปักหลักที่เขตหยุนไหล จะได้รับการจัดสรรที่นาตามบุคคล มิต้องเสียภาษีห้าปี ผลผลิตจากที่นาทั้งหมด ถือเป็นของเจ้าของที่นา”
“เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดีว่า ทุกบ้านทุกครอบครัว ผู้ที่มีบุตรเพิ่มมิว่าจะชายหรือหญิง จงมอบรางวัลเป็นที่นาให้ทั้งหมด ส่วนรางวัลจะมากน้อยเท่าใด รอพรุ่งนี้ข้าสร่างเมาแล้วจะจัดการอีกครา ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)