ตอนที่ 633 อย่าวางใจ
องครักษ์หลายพันนายยืนรักษาการณ์อยู่ที่ด้านนอกของศูนย์กลางการศึกษา
กองทหารเกียรติยศของฮ่องเต้ยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าฝ่าบาทจะอยู่ที่ศูนย์กลางการศึกษา มิคาดคิดว่าพระองค์จะประทับอยู่ที่จัตุรัสพร้อมเงยพระพักตร์ขึ้นแล้วทอดพระเนตรดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น !
ฟู่เสี่ยวกวนเดินเข้าไปแล้วทำความเคารพ “กระหม่อม ฟู่เสี่ยวกวน ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ลุกขึ้นเถิด…”
ฮ่องเต้ละสายพระเนตรจากภาพบนท้องนภาแล้วตรัสอย่างเบิกบานพระทัย “เพิ่งเสร็จจากงานราชการในวังจึงอยากแวะมาดูเสียหน่อย ติ้งอันป๋อเดินไปด้วยกันสิ”
“กระหม่อม น้อมรับบัญชา ! ”
ฮ่องเต้และฟู่เสี่ยวกวนเดินออกจากจัตุรัสแล้วเดินไปที่ถนนชูเซียง
“เมื่อก่อนข้าก็เรียนอยู่ที่นี่ บัดนี้ได้ผ่านไป 20 ปีแล้ว ช่างน่าตกใจเสียจริง”
ทั้งสองฝั่งของถนนชูเซียงอันยาวไกลมีราชองครักษ์ยืนอารักขาอยู่ ขันทีเจี่ยค้อมกายลงและเดินตามอยู่ด้านหลัง ถนนชูเซียงยังคงเงียบสงัด มีเพียงฝ่าบาทและฟู่เสี่ยวกวนเท่านั้นที่สนทนากันเป็นครั้งครา
“ตอนนั้นข้ามีสหายร่วมชั้นเรียนหลายคน บางคนกลายเป็นขุนนางคนสำคัญในราชวงศ์นี้เช่นต่งคังผิง บางคนก็สอบมิผ่านจากนั้นก็ไร้ซึ่งข่าวคราวของพวกเขา เงียบหายไปทั้งอย่างนั้น”
“บางคราข้าจะนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น… เกรงว่าเอ่ยไปแล้วเจ้าจะมิเชื่อ ข้ารู้สึกว่าสมัยนั้นในสำนักศึกษาเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ทว่ามิสามารถย้อนกลับไปเป็นเหมือนอดีตได้อีก”
ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มแล้วทูลว่า “ต้นกล้วยสีเขียว อิงเถาสีแดง กาลเวลาเปลี่ยนผัน นำพาคนเปลี่ยน… ฝ่าบาทกำลังสะเทือนพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ชะงักแล้วแย้มพระสรวลขึ้น “ต้นกล้วยสีเขียว อิงเถาสีแดง ช่างเป็นประโยคที่ดีมากจริง ๆ ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งหมดไป ฤดูร้อนก็มาเยือนแล้ว”
“ครานี้กบฏเซวี๋ยก่อกบฏ ตระกูลสีและตระกูลเซวี๋ยจึงถูกทำลายลง ตระกูลสีดำเนินกิจการทุ่งเลี้ยงม้าที่ใหญ่โตถึง 3 แห่งในราชวงศ์หยู มีส่วนเกี่ยวข้องประมานแปดส่วนในการจัดหาม้าศึกให้แก่ราชวงศ์หยู นี่คือเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก
หลายวันที่ผ่านมานี้ข้าคิดอยู่เสมอว่าจะมอบหมายให้ผู้ใดดูแลทุ่งหญ้าทั้งสามแห่งนี้ จึงจะสามารถคลายความกังวลลงได้
ข้าคิดว่าจะมอบทุ่งหญ้าทั้งสามแห่งนี้ให้เจ้าดูแล เช่นนั้นข้าถึงจะวางใจลงได้”
ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็รีบปฏิเสธทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมจะเอากำลังจากที่ใดไปดูแลทุ่งหญ้านี่ได้เล่า ? นอกจากนี้กระหม่อมก็มิรู้วิธีเลี้ยงม้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“มีคนในฝ่ายลงทัณฑ์บอกว่าเจ้าคือโป๋เล่อ1 เจ้าสามารถคัดเลือกเยาวชนที่มีความสามารถให้แก่กรมการค้าได้ ข้าจึงคิดว่าในเมื่อเจ้าดูคนออกก็ย่อมสามารถดูแลม้าได้เช่นกัน ส่วนเรื่องกำลังนั้น… ข้ามิได้ให้เจ้าไปถึงทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์เสียหน่อย เจ้าสามารถหาคนที่มีความสามารถสักสองสามคนไปดูแลแทนได้”
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที ฝ่าบาทหมายความว่าเยี่ยงไร ?
เหตุใดถึงมอบหน้าที่สำคัญให้แก่ข้า ?
เขามิกลัวว่าข้าจะตัดกำลังม้าศึกของราชวงศ์หยูหรือเยี่ยงไร ?
หรือว่าเยี่ยนเป่ยซีคาดการณ์ผิด ?
ฝ่าบาทมิคลางแคลงพระทัยต่อข้าเลยเยี่ยงนั้นหรือ ?
ในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ฟู่เสี่ยวกวนกลับคิดอันใดมากมายหลายอย่าง
เขาทำความเคารพแล้วทูลอีกครา “หากเป็นสมัยก่อนกระหม่อมนั้นยินดีทำอย่างแน่นอน แต่ทว่าตอนนี้กระหม่อมมิมีเวลาดูแลอย่างแท้จริง อีกอย่างกระหม่อมก็มิใช่โป๋เล่อ หากมอบหมายงานใหญ่นี้ให้กระหม่อมดูแลมันอาจจะนำไปสู่ความผิดพลาดได้
ยิ่งไปกว่านั้นกระหม่อมอยากทุ่มเทให้กับว่อเฟิงเต้า ทุ่งหญ้านี้กระหม่อมรู้สึกว่าต้องทำเงินได้มากโขเสียทีเดียว แต่กระหม่อมก็มิสามารถรับไว้ได้อย่างแท้จริง ! ”
ฝ่าบาทหันไปทอดพระเนตรฟู่เสี่ยวกวน “มิต้องการจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ย่อมต้องการอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทก็รู้ว่ากระหม่อมชอบเงิน บุรุษนั้นมีหน้าที่หาเงินอยู่แล้ว แต่กระหม่อมรู้ความต้องการของตนเองดี ส่วนเรื่องของการเลี้ยงม้า…กระหม่อมทำมิได้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฮ่องเต้เงยพระพักตร์ขึ้นแล้วทอดพระเนตรไปเบื้องหน้าโดยมิรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ทั้งสองยังคงเดินไปเรื่อย ๆ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฮ่องเต้จึงตรัสขึ้นมาว่า “ในเมื่อเจ้ามิมีกำลังจัดการ ถ้าเช่นนั้นข้าจะมอบทุ่งเลี้ยงสัตว์ให้หนิงไท่ฟู่ดูแลไปก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)