ตอนที่ 635 ได้พบเจอคือวาสนา
เมื่อเวลาได้หมดลง การสอบเอินเคอจึงถือเป็นที่สิ้นสุด
เหล่าบัณฑิตรวมกลุ่มเล็ก ๆ หลายกลุ่มแล้วออกย่ำเดินไปบนถนนชูเซียง ในกลุ่มนั้นมีทั้งดีใจ เศร้าโศกเสียใจ และมีบางคนมิรู้จะกล่าวสิ่งใดออกมา
หยุนซีเหยียนยืดหลังตรง แล้วมองไปที่สุริยาที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า เมื่อหันกลับมาก็ได้เห็นซือหม่าเช่อเข้าพอดี
อ่า… คุณชายซือหม่าผู้นี้ก้มหน้าก้มตาแล้วเดินออกมาอย่างเงียบ ๆ หรือว่าเขาจะทำข้อสอบมิได้กันนะ ?
หยุนซีเหยียนเดินเข้าไปหาแล้วทำความเคารพ “น้องซือหม่า เคยมีคนกล่าวไว้ว่าความล้มเหลวคือหัวใจแห่งความสำเร็จ หากครานี้สอบมิได้ก็มิเห็นจะเป็นอันใดเลยนี่ ถึงแม้ครานี้จะพ่ายแพ้ แต่โอกาสหน้าในฤดูใบไม้ร่วงก็ยังมีอีก ท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ข้าขอเชิญน้องซือหม่าไปร่วมกินข้าวด้วยกันสักมื้อได้หรือไม่ ? ”
ซือหม่าเช่อตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน ตัวข้าได้รับความพ่ายแพ้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? เหตุใดข้าจึงพ่ายแพ้กัน ?
เจ้าหมอนี้นี่… นางมองหยุนซีเหยียนอย่างพิจารณา จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “พี่หยุน ตัวข้า… ข้าคิดว่าจะมีชื่อเข้าชิงอย่างแน่นอน แต่มิรู้ว่าพี่หยุนนั้นมีความมั่นใจมากน้อยเพียงใด ? ”
หยุนซีเหยียนเมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะร่าออกมาทันที “นี่ข้ามิได้โอ้อวดหรอกนะ ตราบใดที่ขุนนางมีไหวพริบในการตรวจข้อสอบ ข้าคงติดหนึ่งในสิบอันดับแรกอย่างแน่นอน ! ”
คนผู้นี้ช่างมั่นใจในตนเองเสียจริง ซือหม่าเช่อคิดในใจแล้วเอามือทั้งสองข้างไพล่หลัง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าสองก้าว “ตอนแรกข้าจะถ่อมตัวบ้าง แต่ในเมื่อพี่หยุนกล้าโอ้อวดเช่นนี้ ข้าก็จะมิเกรงใจแล้วนะ หากพี่หยุนติดสิบอันดับแรก ถ้าเช่นนั้นข้าคงจะ…ติดห้าอันดับแรก ! ”
เมื่อหยุนซีเหยียนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เขาข่มอารมณ์เอาไว้โดยการบีบมือทั้งสองข้างจนแน่นแล้วกล่าวว่า “น้องซือหม่าเป็นผู้ที่มีความรู้สูงส่งยิ่ง ข้านับถือมากยิ่งนัก ! ”
เขายืดหลังตรงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกว่า “ท้องนภาเริ่มมืดแล้ว ข้าขอเชิญน้องซือหม่าไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ หวังว่าท่านจะตอบรับคำเชิญของข้า ท่านคิดว่าเยี่ยงไร ? ”
“ที่หอซื่อฟางเยี่ยงนั้นหรือ ? ” ซือหม่าเช่อเอ่ยถามด้วยอารามขบขัน
“มิใช่ที่นั่นหรอกน้องซือหม่า หอซื่อฟางนั้นขายชื่อเสียงในสังคม แต่สถานที่ที่ข้าจะเชิญน้องซือหม่าไปคือร้านหม้อไฟบนตรอกจิ่วเยวี่ยต่างหาก”
คล้ายกังวลว่าซือหม่าเช่อจะมิชอบหม้อไฟ เขาจึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “บ้านเกิดของท่านอยู่ที่เจียงหนาน เกรงว่าจะมิรู้ว่าหม้อไฟนั้นมีหน้าตาเป็นเยี่ยงไร นั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังจะบอก ร้านหม้อไฟในตรอกจิ่วเยวี่ยมีชื่อว่า ร้านหม้อไฟซุนถัวเป้ย อย่าคิดว่าชื่อนั้นดูเรียบง่ายเพราะข้ารับรองได้เลยว่าร้านหม้อไฟของเขามีต้นกำเนิดมาจากเมืองสู่ มีรสชาติดั้งเดิม วัตถุดิบสดใหม่และมีหลากหลายชนิด เป็นรสชาติดั้งเดิมเพียงแห่งเดียวที่ข้าได้ค้นพบหลังจากเดินทางไปทั่วทั้งแคว้นในช่วงสามปีนี้ รสชาตินั้น… หาที่ใดมิได้อีกแล้วนอกจากที่นี่ ! ”
ซือหม่าเช่อฟังด้วยความสนใจ เจ้าหมอนี่เป็นนักกินอย่างแท้จริง !
ดูท่าทางอีกฝ่ายเหมือนกำลังจะหิวกระหาย เมื่อกล่าวถึงเรื่องอาหารการกิน
แต่ทว่านางนั้นเป็นสตรี เยี่ยงไรก็มิเหมาะสมที่จะไปกินหม้อไฟกับบุรุษผู้นี้
ดังนั้นนางจึงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ต้องขออภัยด้วย ข้ามิสามารถทานอาหารรสเผ็ดของเมืองสู่ได้ พี่หยุนข้าขอตัวลาก่อน ! ”
เมื่อนางกล่าวจบก็เดินออกไปทางประตู ทิ้งหยุนซีเหยียนที่กำลังยื่นมือออกไปเพื่อหมายจะรั้งตัวนางเอาไว้ “เดี๋ยว ประเดี๋ยวก่อน… ! ”
“นั่นคืออาหารที่อร่อยที่สุดในผืนปฐพีนี้เลยนะ น่าเสียดายที่มิมีผู้ใดมาลิ้มรสมัน เฮ้อ…”
……
……
กระดาษคำตอบทั้งหมดถูกส่งไปยังกั๋วจื่อเจี้ยน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเจ้าหน้าที่ของกั๋วจื่อเจี้ยนและอาจารย์ของสำนักศึกษาจะเริ่มตรวจข้อสอบ
ฟู่เสี่ยวกวนหมดหน้าที่แล้วจึงเดินออกมาจนถึงประตูของสำนักศึกษา
บัณฑิตหลายคนยังมิได้แยกย้ายกันไปที่ใด พวกเขายังคงรวมตัวกันอยู่ที่ประตูของสำนักศึกษาจี้เซี่ยเพื่อหารือกันเกี่ยวกับหัวข้อของข้อสอบในวันนี้
หยุนซีเหยียนเองก็มิมีสิ่งใดต้องทำแล้ว เขามิมีคนรู้จักอยู่ในเมืองจินหลิงแห่งนี้เลยสักคนเดียว การกินหม้อไฟนั้นถ้าไปคนเดียวจะสนุกได้เยี่ยงไร แท้ที่จริงแล้วอยากเชิญคุณชายซือหม่าไปด้วยกันแต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยไปเสียแล้ว
แต่…ข้าหิวแล้ว ไปกินอันใดแทนดี ?
ในขณะที่กำลังคิดเรื่องกินอยู่นั้น เขาก็ได้เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็ได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนกำลังยืนอยู่คนเดียวบริเวณประตูของสำนักศึกษาจี้เซี่ย
พี่ชายท่านนี้ดูสงบไร้ความสุขหรือเศร้า คงจะทำข้อสอบครานี้ได้เป็นแน่
ทันใดนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาฟู่เสี่ยวกวนแล้วเคารพไปหนึ่งที “มิทราบว่าพี่ชายท่านนี้มีแซ่ว่าเยี่ยงไร ? ข้าน้อยหยุนซีเหยียนแห่งเฉินตู”
ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน คิดว่าจะถูกจดจำได้เสียแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าน้อย…แซ่ฟู่ คารวะคุณชายหยุน ! ”
“คารวะคุณชายฟู่ ! ” หยุนซีเหยียนเริ่มตีสนิทแล้วเอ่ยถามว่า “หัวข้อการสอบในวันนี้คุณชายฟู่ทำได้หรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ “เกรงว่าจะสอบมิได้”
“อย่าได้ผิดหวังไปเลย การสอบหนึ่งหรือสองครานั้น มิสามารถกำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลวของชีวิตได้มิใช่หรือ ? สิ่งสำคัญคือสามารถเริ่มสอบใหม่ได้…ข้านั้นรู้จักผู้คนนับมิถ้วนในทั่วทุกหนทุกแห่ง คุณชายฟู่เพียงข้ามองดูก็รู้แล้วว่าท่านเป็นผู้มีปัญญา ท่านขาดเพียงความรอบรู้ก็เท่านั้นเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)