นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 693

ตอนที่ 693 กังวลภัยใกล้เข้ามา

ฝนตกหนักเช่นนั้นเป็นเวลาหนึ่งราตรีเต็ม ๆ

รุ่งอรุณของวันใหม่ ในที่สุดสายฝนที่โหมกระหน่ำก็ได้หยุดลงเสียที แต่ทว่าผืนนภายังคงมีเมฆดำปกคลุมอยู่

ขบวนรถม้าออกเดินทางอีกครา เกือกม้าและล้อรถม้ากดทับถนนที่เต็มไปด้วยโคลน เป็นเหตุให้ความเร็วลดลงมากโขและขณะเดียวกันด้านในรถม้าก็สั่นโยกมิน้อยเช่นกัน

ฟู่เสี่ยวเลิกผ้าม่านออกแล้วทอดสายตาไปยังนอกหน้าต่างอยู่เนือง ๆ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงขึ้นมา

“ท่านกำลังกลัดกลุ้มเรื่องใดอยู่หรือ ? ” จางเพ่ยเอ๋อร์ทอดสายตาไปด้านนอกหน้าต่างตามเขา พบว่าด้านนอกนั้นเป็นทุ่งนากว้างใหญ่และสามารมองเห็นชาวนาสองสามคนกำลังทำนา มิได้พบเห็นว่ามีสิ่งใดผิดแปลก

“เจ้าดูเถิด…”

ฟู่เสี่ยวกวนชี้นิ้วไปยังด้านนอกหน้าต่าง “ฝนตกหนักเมื่อวันก่อนซึ่งพอดีกับช่วงปักดำต้นกล้า ส่งผลให้ต้นกล้าในแปลงนาล้มลงมิน้อย โชคดีที่ต้นข้าวสาลีถูกเก็บเข้ายุ้งฉางเรียบร้อยแล้ว มิเช่นนั้นปริมาณของผลผลิตคงน้อยกว่าเดิมสองเท่าตัวโดยประมาณ”

จางเพ่ยเอ๋อร์รู้สึกงงงวย ทั้งสองคนเกิดที่เมืองจินหลิงเช่นเดียวกัน แต่ชายหนุ่มเจ้าสำราญที่กลายเป็นชายหนุ่มมากความสามารถในภายหลัง ก็ยังมีความเข้าใจเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ?

สวี่ซินเหยียนและซูซูมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับฟู่เสี่ยวกวนมานาน พวกนางจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจต่อคำเอ่ยพวกนี้ของฟู่เสี่ยวกวนเลยสักนิด แต่ทว่าหนานกงตงเซวี๋ยกลับรู้สึกประหลาดใจเสียยิ่งกว่าจางเพ่ยเอ๋อร์

นางย่อมเคยได้ยินอดีตของฟู่เสี่ยวกวน อดีตนายน้อยเศรษฐีที่ดินแห่งหลินเจียงผู้นี้…ดูเหมือนว่าเขาจะมีความเข้าใจในด้านการเกษตรอยู่มิน้อย

นี่ย่อมเป็นเรื่องที่ดี !

ดูติดดินและสามารถจับต้องได้

การเกษตรนั้นเป็นรากฐานของราชอาณาจักร และเขาจะเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปของราชวงศ์อู๋ หากเขาพอมีความเข้าใจบ้างเล็กน้อยย่อมทำให้ขุนนางที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชามิอาจหลอกลวงเขาได้

“เช่นนั้นแล้ว มิว่าจะเป็นราชวงศ์หยูหรือราชวงศ์อู๋ล้วนมีพื้นฐานทางการเกษตรที่ด้อยพัฒนา นี่จำเป็นต้องอาศัยการลงทุนขนาดใหญ่ถึงจะสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ เฮ้อ…”

ฟู่เสี่ยวกวนถอนหายใจยาว จางเพ่ยเอ๋อร์โพล่งถามออกมาว่า “จะปรับปรุงได้เยี่ยงไรหรือ ? ”

“ควรสร้างฝายทดน้ำและคลองระบายน้ำ เมื่อเผชิญกับฝนตกหนักก็ให้เปิดประตูเพื่อระบายน้ำออกไป น้ำที่ขังอยู่ในแปลงนาย่อมไหลออกทางช่องคลองระบายน้ำ เมื่อเป็นเช่นนั้นน้ำจะมิเอ่อท่วมแปลงนาเหล่านี้ ดูเหมือนว่าทั่วทุกสารทิศจะถูกทำให้จมอยู่ใต้น้ำเป็นวงกว้างเสียแล้ว”

“นี่เป็นโครงการขนาดใหญ่แต่หากทำได้ดีย่อมมีประโยชน์มหาศาลในระยะยาวอย่างแน่นอน”

จางเพ่ยเอ๋อร์มิได้เอ่ยสิ่งใดต่อ ส่วนหนานกงตงเซวี๋ยเอ่ยด้วยแววตาที่เป็นประกาย “เมื่อหวนคืนสู่ราชวงศ์อู๋ท่านย่อมทำสิ่งนี้ได้”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ที่ว่อเฟิงเต้าก็สามารถทำได้”

“แต่ทว่าฮ่องเต้มิได้พระราชทานเงินเพื่อการนี้ให้แก่ท่าน”

“…ถึงเวลานั้นค่อยคิดหาวิธีอีกครา”

บทสนทนานี้เป็นดั่งบทเพลงที่คั่นระหว่างการเดินทางอันแสนยาวนานเท่านั้น แต่ทว่าด้วยบทเพลงนี้เอง ทำให้หนานกงตงเซวี๋ยเริ่มบังคับตนให้ทานผักและกระตือรือร้นที่จะดื่มน้ำผลไม้… นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโรคนี้จะถูกรักษาจนหายขาดได้ เพราะนางค้นพบว่าการได้อยู่ข้างกายฟู่เสี่ยวกวนทำให้นางมีความหวังขึ้นมาอย่างท่วมท้น

ยกตัวอย่างเช่น สำนักศึกษาการแพทย์หรือคัมภีร์แพทย์ศาสตร์ที่อยู่ในอ้อมอกเล่มนั้น อีกทั้งยังมียาปฏิชีวนะที่เขาอธิบายได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

แน่นอนว่านางปรารถนาจะเห็นฟู่เสี่ยวกวนกลับไปพัฒนาราชวงศ์อู๋ ชนิดที่พลิกผืนปฐพีด้วยสายตาของนางเอง

ในตอนนั้นเอง นางคิดอยากขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของไทเฮาซี แม้ว่าพระองค์จะทรงกระทำเรื่องที่เป็นภัยต่อองค์ชาย แต่เยี่ยงไรเสียพระองค์ก็ทรงเลือกพระสวามีที่แสนประเสริฐให้แก่นาง

หนานกงตงเซวี๋ยจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยแววตาอ่อนโยน จากนั้นจึงหยิบลูกเชอรี่จากตะกร้าออกมาแล้วป้อนให้เขา

เมื่อทานแล้วฟู่เสี่ยวกวนถึงกับซี้ดปาก เปรี้ยวยิ่งนัก !

รถม้าคันนี้อบอวลไปด้วยความหวานปานน้ำผึ้ง ส่วนซ่งจงที่ถูกมัดกับลำไม้ไผ่กลับรู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่

เดิมทีเขายังก้นด่าฟู่เสี่ยวกวนว่าเป็นขุนนางชาติสุนัขอยู่เลย แต่ทว่าบัดนี้ไร้เรี่ยวแรงที่จะสบถด่าอย่างสิ้นเชิง

มิว่าผู้ใดหากถูกมัดแขวนเอาไว้อย่างนั้นทั้งคืน ก็คงมีสภาพมิต่างอันใดจากเขาตอนนี้หรอก

เวลานี้ซ่งจงอยากตายเสียเหลือเกิน แต่ก็รู้ดีว่าตนมิมีแม้แต่สิทธิ์ที่จะตาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)