นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 709

ตอนที่ 709 จัวตงหลาย

นภาสีฟ้าแจ่มใส อากาศของฤดูใบไม้ร่วงเย็นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

ในเช้าตรู่ของวันที่สิบห้า เดือนแปด จัวตงหลายพร้อมคณะร่วมสิบคนได้เดินทางมาจากราชวงศ์อู๋ถึงเมืองว่อเฟิง

ทั้งสิบคนนี้ล้วนเป็นบัณฑิตที่จบการศึกษาจากสำนักศึกษาหลีชาน อีกทั้งยังเป็นสิบอันดับแรกของเหล่าปัญญาชนที่ผ่านการสอบของสำนักพระราชวังในช่วงฤดูใบไม้ผลิ !

พวกเขาได้รับพระราชโองการจากจักรพรรดิอู๋ให้เดินทางมายังว่อเฟิงเต้าเพื่อมาร่ำเรียนศาสตร์ด้านการรับราชการขุนนางจากฟู่เสี่ยวกวนซึ่งเป็นองค์ชายของพวกเขานั่นเอง

พวกเขาล้วนเป็นปัญญาชนที่เข้าร่วมงานแข่งขันกวีเมื่อปีกลายทั้งสิ้น ย่อมรู้จักฟู่เสี่ยวกวนเป็นอย่างดี แต่หากจะให้เอ่ยว่าสนิทชิดเชื้อย่อมเอ่ยมิได้อย่างแน่นอน เพราะแม้แต่จัวตงหลายก็ได้สนทนากับฟู่เสี่ยวกวนเพียงแค่คราเดียวเมื่อตอนที่เข้าไปเตือนฟู่เสี่ยวกวนในช่วงแรกของการไปเยือนเมืองกวนหยุนเท่านั้น

ส่วนอีกสารพันเรื่องราวของฟู่เสี่ยวกวนนั้น พวกเขาเพิ่งมีโอกาสได้รับรู้หลังจากมาเยือนราชวงศ์หยูแล้ว

จัวตงหลายยังจำคำที่ท่านปู่เอ่ยกับตนก่อนออกเดินทางได้อย่างขึ้นใจ “องค์ชายเป็นผู้มีความสามารถโดยไร้ผู้ใดเทียบเคียง ปู่รู้จักความหยิ่งยโสและความอวดเก่งของเจ้าดี แต่หากเจ้าวางท่ายโสโอหังต่อหน้าพระพักตร์… หากตัดเรื่องฐานะที่แตกต่างกันออกไปแล้ว เจ้าแข็งแกร่งกว่าองค์ชายเพียงด้านวรยุทธ์เท่านั้น ส่วนด้านอื่น เจ้าช่างห่างไกลกับสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนเข้าใจอยู่มากโข ! ”

“การที่ฝ่าบาทส่งเจ้าไปยังว่อเฟิงเต้าพระองค์ย่อมมีเหตุผล และที่ปู่กังวลก็คือความโอหังของเจ้า หากมิอาจปล่อยวางความโอหังนี้ได้ ปู่เกรงว่า… เกรงว่าการเดินทางครานี้มิเพียงไร้ความหมายเท่านั้น แต่ยังก่อความวุ่นวายที่มิจำเป็นให้แก่ตัวเจ้าและตระกูลจัวอีกด้วย”

“เช่นนั้นขอให้เจ้าจงตริตรองเสียให้ดี หากมิต้องการไป ยามรุ่งเช้าปู่จะนำเรื่องนี้กราบทูลต่อองค์ฝ่าบาท หากเจ้าต้องการไปแล้วล่ะก็… ก็จงวางความโอหังนี้ลงเสีย แล้วแสดงความถ่อมตนออกมาแทน”

ใบหน้าที่โรยราเพราะความแก่ชราของจัวอี้สิงจ้องมองหลานชายแล้วเอ่ยด้วยวาจาสีหน้าหนักแน่น “เจ้าพึงตระหนักไว้ว่าควรฟังให้มาก ดูให้มาก และถามให้มาก จงถ่อมตนดั่งฝุ่นผง ! ”

แน่นอนว่าจัวตงหลายเลือกที่เดินทางมา

และเขาก็เดินทางมาพร้อมความหยิ่งทะนงที่มี !

จัวตงหลายมิคาดคิดเลยว่าหลังจากที่ได้มาเหยียบยังผืนปฐพีของราชวงศ์หยูแล้ว มิว่าจะเป็นคนยากจนจากพื้นที่ห่างไกล ถ้าได้เอ่ยปากไถ่ถามถึงฟู่เสี่ยวกวนแล้ว พวกเขาทั้งหลายล้วนยกย่องให้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นดั่งเทพเซียนผู้ลงมาจุติบนโลกมนุษย์… แรกเริ่มจัวตงหลายเชื่อว่าคนพวกนั้นไร้การศึกษา แต่หลังจากได้เข้ามาในเมืองและได้ยินพวกพ่อค้ารายใหญ่เล่าให้ฟังว่าพวกตนเคารพติ้งอันป๋อมากเพียงใด แต่ละคนนับถือจนแทบจะศิโรราบลงกับพื้น !

ฮึ… พิเศษถึงเพียงนั้นเชียวหรือ !

หลังจากได้ยินเรื่องราวความสำเร็จมากมายและได้ยินคำสรรเสริญมหาศาลในคุณงามความดีของฟู่เสี่ยวกวน เขาจึงค้นพบว่าความหยิ่งทะนงที่ติดตามมาตั้งแต่ช่วงแรกของการเดินทาง ซึ่งฝังรากลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้นแล้ว !

เจ้าหมอนั่นได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองอย่างล้นหลาม !

มิต้องเอ่ยถึงอย่างอื่น เอาแค่เรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนก่อตั้งกรมการค้าและบังคับใช้กฎหมายการค้า จัวตงหลายได้อ่านข้อกฎหมายเหล่านั้นจนหมดสิ้นแล้ว อีกทั้งยังอ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบจนสามารถบันทึกไว้ในหัวสมองได้แล้ว ภายในใจของเขาจึงเกิดความรู้สึกเคารพยกย่องฟู่เสี่ยวกวนขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

“ทุกท่านคิดว่าความสามารถขององค์ชายเป็นเยี่ยงไรหรือ ? ”

“…ไร้ผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้น่ะสิ ! ”

“มีผู้ใดอีกกันที่สามารถวางมาตรฐานในทุกสิ่งได้เช่นนี้ ? มีผู้ใดอีกกันที่จะสามารถกำหนดนิยามของคำว่าภาษีได้ ? ท่านตงหลาย หลังจากมาถึงเมืองว่อเฟิง ข้าน้อยจะติดตามองค์ชายแล้วจะตั้งใจฟังคำสั่งสอนของพระองค์ ! ”

คำเอ่ยนี้ออกมาจากปากของชายหนุ่มที่มีนามว่าจางเมิ้งเจ๋อ ผู้ที่สอบได้อันดับที่หนึ่งจากการสอบคัดเลือกขุนนาง !

“ท่านตงหลายยังจำบทกวีที่มีชื่อว่า ‘ไร้ซึ่งความปรารถนา’ ที่องค์ชายประพันธ์ขึ้นในปีที่แล้วได้หรือไม่ ? ” จางเมิ้งเจ๋อส่ายศีรษะแล้วหัวเราะเย้ยหยันตนเอง “ความหมายของพระองค์มิใช่ไร้ซึ่งความปรารถนา แต่เป็นสูงเสียดฟ้าและหนาวเหน็บต่างหาก ! ท่าน ข้า และพวกเราทุกคนจึงยากที่จะเทียบเคียงได้ ! ”

เหล่าปัญญาชนที่ติดตามมาด้วยทั้งแปดคนก็เห็นพ้องต้องกัน เพราะตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมีให้เห็นซึ่งหน้า การยกย่องมิจำเป็นต้องประจบสอพลอ แต่เป็นการยกย่องสรรเสริญที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

ยังจำได้ดีถึงคราที่เดินทางผ่านอำเภอซิ่วสุ่ย พวกเขาได้ยินมาว่าต้นข้าวสามารถเก็บเกี่ยวได้มากถึงหกหรือเจ็ดร้อยชั่งต่อหมู่ !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)