ตอนที่ 802 ปรารถนาความสงบสุข
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่สิบห้า เดือนสี่
ณ ห้องทรงพระอักษร วังหลวงราชวงศ์หยู
สงคราม ณ แคว้นฮวงได้สิ้นสุดลงแล้ว จดหมายรายงานสถานการณ์ฉบับสุดท้ายถูกส่งถึงฮ่องเต้เมื่อวานนี้
หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง พระองค์ก็ได้รับสั่งให้เยี่ยนซือเต้าและต่งคังผิงเข้าเฝ้า ณ ห้องทรงพระอักษร ทรงใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ก็ได้ให้ขันทีเหนียนไปเรียกฉางฮวนชื่อหลางฝ่ายขวาแห่งกรมคลังและเหนียนอ้ายหยางชื่อหลางแห่งกรมกลาโหมมาเข้าเฝ้า
ฟู่เสี่ยวกวนยึดครองแคว้นฮวงและฮวงถิงได้แล้ว อีกทั้งยังจับท่าป๋าเฟิงจักรพรรดิแห่งแคว้นฮวงไว้ได้อีก ทว่าข่าวนี้เป็นทางหอซี่หยู่ส่งมา มิใช่ฟู่เสี่ยวกวน !
ตั้งแต่เดินทางจากไป ฟู่เสี่ยวกวนมิเคยส่งข่าวคราวกลับมาเลยจนถึงบัดนี้
คำสัญญาที่ฟู่เสี่ยวกวนเคยเอ่ยว่าจะยกผืนปฐพีอันกว้างใหญ่ของแคว้นฮวงให้กับราชวงศ์หยู ย่อมถือเป็นโมฆะ !
ฮ่องเต้ทรงทราบถึงเหตุผลข้อนี้ดี และเมื่อฟู่เสี่ยวกวนทำสำเร็จ ในพระทัยก็ยากที่จะสงบลงได้
ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งและสองยังคงประจำการอยู่ในฮวงถิง ส่วนราชวงศ์อู๋ได้ส่งกองทัพจำนวน 500,000 นายไปยังแคว้นอี๋แล้ว
แม่ทัพใหญ่จัวเปี๋ยหลีรับหน้าที่ผู้บัญชาการกองทัพ 500,000 นายนี้ แม้ว่าพวกเขาจะยังประจำการอยู่ในหกเขตทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นอี๋ แต่หากพวกเขาอยากโจมตีด่านต้ายู่ย่อมมิใช่เรื่องยาก… แน่นอนว่าแคว้นอี๋มิสามารถรับมือกับสงครามคราใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน
หากทหารดาบเทวะบุกไปทางทิศตะวันออกเพื่อเข้าไปที่แคว้นอี๋แล้วร่วมมือกับกองทัพของจัวเปี๋ยหลี ย่อมใช้เวลามินานในการทำลายแคว้นอี๋ให้สิ้นซาก
ดังนั้นการยึดครองทั้งสองแคว้นของราชวงศ์อู๋ จึงสรุปได้ว่าราชวงศ์หยูจะถูกล้อมรอบจากราชวงศ์อู๋ทั้งสามด้าน
นี่คือสถานการณ์ที่เห็นได้ในอนาคต ฮ่องเต้จึงรอความเห็นจากเยี่ยนซือเต้าและคนอื่น ๆ ว่าจะทำลายสถานการณ์นี้เยี่ยงไร
ต่งคังผิงรู้สถานะของตนดี จึงมิได้ตอบออกไป
เยี่ยนซือเต้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือความมั่นคงทางรากฐาน… นโยบายใหม่อยู่ในขั้นวิกฤตและการพัฒนาว่อเฟิงเต้าในปีนี้ก็มิราบรื่นสักเท่าใดนัก จากรายงานของหนิงหยู่ชุนถือว่าการพัฒนาดำเนินไปอย่างไร้เสถียรภาพและกระหม่อมก็คิดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ภาพของติ้งอันป๋อที่ประทับอยู่ในราชวงศ์หยูนั้นลึกซึ้งมากยิ่งนัก คงต้องใช้เวลานานกว่าจะลบออกจนหมด ส่วนแผนพัฒนาว่อเฟิงเต้าได้มีการวางรากฐานเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว กระหม่อมคิดว่าถึงเวลาผลักดันนโยบายนี้ทุกมณฑลได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ติ้งอันป๋อเคยเอ่ยไว้ว่ารากฐานทางเศรษฐกิจจะเป็นตัวกำหนดโครงสร้างพื้นฐานในด้านอื่น ๆ เหตุใดราชวงศ์อู๋จึงสามารถทำสงครามได้ ? มิใช่เพราะมีกองทัพดาบเทวะเท่านั้น ทว่าเศรษฐกิจของราชวงศ์อู๋แข็งแกร่งกว่าราชวงศ์หยูของเรามากยิ่งนัก แต่ถึงเยี่ยงไรก็ยังมีขีดจำกัด หากราชวงศ์หยูไล่ตามทันก็จะทำให้นโยบายใหม่ของพวกเราประสบความสำเร็จเร็วกว่าราชวงศ์อู๋ประมาณ 1 ปีเป็นอย่างต่ำพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนซือเต้าหยุดชั่วครู่ จากนั้นก็ทูลต่อว่า “แม้ติ้งอันป๋อจะกลับไปยังแคว้นของตนแล้วกลายเป็นจักรพรรดิ แต่กว่าจะเริ่มดำเนินการก็คาดว่าคงจะเป็นปีหน้า ดังนั้นพวกเราจึงนำหน้าราชวงศ์อู๋ถึง 2 ปีพ่ะย่ะค่ะ”
“แผนการในตอนนี้กระหม่อมคิดว่ายังมิต้องคิดมากหรอกพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงเศรษฐกิจของราชวงศ์แข็งแกร่งย่อมมีกำลังมากพอในการจัดสรรอาวุธให้แก่กองทัพพ่ะย่ะค่ะ”
“กองทัพชายแดนเหนือยังคงอยู่แม้ตัวได้ตายไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ส่วนกองสรรพาวุธที่ผิงหลิงและภูเขาเฟิ่งหลินที่ติ้งอันป๋อก่อตั้งเอาไว้ในราชวงศ์หยู หากจะดำเนินการต่อต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลพ่ะย่ะค่ะ”
“ตราบใดที่เศรษฐกิจของราชวงศ์หยูสามารถไล่ตามแล้วแซงหน้าราชวงศ์อู๋ได้ ในอนาคตยังมีอันใดให้ต้องกลัวอีกกันพ่ะย่ะค่ะ ? ”
ฮ่องเต้ซวนตั้งพระทัยฟังคำแนะนำของเยี่ยนซือเต้า จากนั้นก็พยักพระเศียรเห็นด้วย
ข้ามีวิธีการฝึกฝนทหารในรูปแบบเดียวกันกับทหารดาบเทวะอยู่ในมือ เช่นเดียวกับการผลิตอาวุธปืนที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ร่างแผนการก่อสร้างเอาไว้แล้ว ไหนจะมีนโยบายทางเศรษฐกิจเหล่านี้อีก หากทำตามแผนงานก็จะทำให้ราชวงศ์หยูยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างแน่นอน
“การบูรณะกองทัพชายแดนเหนือจะต้องรวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้…” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปทางชื่อหลางเหนียนอ้ายหยางแห่งกรมกลาโหม “เหนียนชิง เจ้าเป็นทหารผ่านศึกของกองทัพชายแดนเหนือ เจ้าช่วยแบกรับภาระนี้ได้หรือไม่ ? ”
เหนียนอ้ายหยางทำความเคารพ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมจะทำอย่างสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ดี ! พรุ่งนี้ข้าจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพชายแดนเหนือ จงก่อตั้งกองทัพชายแดนเหนือขึ้นมาใหม่ พร้อมกันนั้นก็สร้างด่านภูเขาเยี่ยนและเมืองซินโจวขึ้นมาใหม่ด้วย ! ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ! ”
นี่คือความปรารถนาในใจของเหนียนอ้ายหยางอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)