นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 839

ตอนที่ 839 การปฏิรูปครั้งใหญ่ ( 1 )

หลังจากที่เสียงระฆังยามเช้าดังบอกเวลา เหล่าเสนาบดีขั้นสามที่กำลังสนทนากันอยู่ข้างเตาไฟ ก็ได้พากันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปในทันใดโดยมีจัวอี้สิงและหนานกงอี้หยู่เป็นผู้นำ

เหล่าเสนาบดีที่อยู่บริเวณทางเดินหลบหิมะก็ได้แยกตัวออกเป็นสองฝั่ง รอจนพวกเสนาบดีอาวุโสผ่านไปจนหมดแล้ว ตนถึงจะเดินตามไป

บรรดาขุนนางเดินฝ่าลมหิมะเข้าไปในพระราชวังซวนเต๋อซึ่งเป็นศูนย์กลางของอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์อู๋

และทุกวันนี้พระราชวังซวนเต๋อก็มีขันทีอาวุโสเจี่ยหนานซิงเป็นผู้ดูแลอยู่ !

เขาเดินทางมายังราชวงศ์อู๋พร้อมกับขบวนของหยูเวิ่นหวิน เขาได้รับบัญชาจากจักรพรรดิอู๋ให้สรรหาขันทีใหม่ 12 คนด้วยกัน…เพราะหลังจากที่ทำสงครามภายในราชวงศ์กับไทเฮาซีจบสิ้นแล้ว จักรพรรดิอู๋ก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์ บรรดาขันทีและนางในที่ต้องสังหารก็สังหารที่ปล่อยได้ก็ปล่อยไป จนเป็นเหตุให้พระราชวังแห่งนี้มิเหลือผู้ใดอยู่เลย

อุปนิสัยของจักรพรรดอู๋นั้นแสนเกียจคร้านและมักใช้ชีวิตสุขสบายเยี่ยงชายโสด

มิต้องการให้ผู้คนมาปรนนิบัติจึงเป็นเหตุให้พระราชวังแห่งนี้ว่างเปล่าเงียบเหงามาโดยตลอด

ทว่าเมื่อฟู่เสี่ยวกวนกลับมา พระราชวังแห่งนี้ก็มิอาจเงียบเหงาได้อีก ชายอ้วนจึงโยนงานนี้ใส่มือของเจี่ยหนานซิงทันควัน

เช่นนี้เจี่ยหนานซิงจะทำอันใดได้กัน ?

ในเมื่อเหล่าฮูหยินของฟู่เสี่ยวกวนได้ย้ายเข้ามาอยู่ในพระราชวังแล้ว หากไร้นางในคอยปรนนิบัติก็ดูมิค่อยสมควรนัก ดังนั้นเจี่ยหนานซิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากน้อมรับคำสั่ง ระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน เขาก็ได้คัดเลือกนางในและขันทีมาได้สำเร็จ ทั้งยังจัดระเบียบวังหลังใหม่ทั้งหมดอีกด้วย

ในฐานะซือหลี่เจี้ยนผู้มีความสำคัญที่สุดในบรรดาขันทีทั้งสิบสองคน เขากลัวเสียเหลือเกินว่าขันทีใหม่เหล่านี้จะมิเข้าใจกฎระเบียบ ดังนั้นเขาจึงต้องออกโรงเสียเอง

เขามีขันทีหนุ่มคอยติดตามอยู่ข้างกาย 1 คน ขันทีผู้นี้มีแซ่ว่าหลิวนามจิ่นเป็นผู้มีไหวพริบปฏิภาณดีมากคนหนึ่ง เจี่ยหนานซิงเห็นว่าขันทีใหม่และฝ่าบาทอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หากฝึกฝนให้ดี หลังจากนี้ก็ให้หลิวจิ่นดำรงตำแหน่งซือหลี่เจี้ยนคอยอยู่เคียงข้างฝ่าบาทแทนตน

หลังจากที่องค์ชายกลับมายังราชวงศ์อู๋ ก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิและได้จัดประชุมราชสำนักนับครั้งมิถ้วน แน่นอนว่าหลิวจิ่นก็ได้ร่วมงานประชุมด้วยทุกครา

ส่วนเวลาปกติเขาก็จะติดตามเจี่ยหนานซิงที่คอยบอกเล่าทุกเรื่องราวของฝ่าบาท สำหรับหลิวจิ่นแล้ว จักรพรรดิพระองค์นี้มีสถานะสูงส่งมิอาจหาผู้ใดเทียบเคียงได้ !

และสิ่งที่เจี่ยหนานซิงต้องการก็คือความจงรักภักดีที่หลิวจิ่นมีต่อฝ่าบาท !

เหล่าเสนาบดีนั่งอยู่ในพระราชวังซวนเต๋อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นแส้ขนในมือของขันทีเจี่ยก็ได้ตวัดขึ้นพลางแผดเสียงตะโกนออกมาว่า “องค์จักรพรรดิเสด็จ… ! ”

ท่ามกลางเสียงเล็กแหลม ฟู่เสี่ยวกวนในฉลองพระองค์มังกรก็ได้ดำเนินเข้ามาภายในพระราชวังซวนเต๋อโดยมีหนิงซือเหยียนเป็นองครักษ์คอยคุ้มกัน

เขาเดินตรงไปยังบัลลังก์มังกร เหล่าเสนาบดีพากันลุกขึ้นเพื่อโค้งคารวะพลางเอ่ยสรรเสริญ “ขอทรงพระเจริญหมื่นปี… ! ”

“มิต้องมากพิธี ! ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ! ”

เดิมทีเหล่าเสนาบดีทั้งหลายต้องคุกเข่าเสียด้วยซ้ำ ทว่าทำเนียมปฏิบัตินี้โดนฟู่เสี่ยวกวนเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว

เหล่าเสนาบดีที่นั่งอยู่เบื้องล่างมีคนหนุ่มเพียงมิกี่คนเท่านั้น และการที่ผู้อาวุโสมาโขกศีรษะลงกับพื้นทุกวัน ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกมิสบายใจ มันจะพาลตัดอายุขัยของตนให้สั้นลงตามไปด้วย !

นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมานานนับพันปี แต่กลับถูกฟู่เสี่ยวกวนเปลี่ยนแปลงมันอย่างง่ายดาย !

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีราชาภิเษกของจักรพรรดิพระองค์ใหม่แล้ว อัครมหาเสนาบดีทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาก็ได้รีบร้อนไปที่ห้องทรงพระอักษรเพราะเห็นว่าสิ่งที่ฝ่าบาททำนั้นขัดต่อหลักธรรมเนียม แต่กลับโดนอดีตจักรพรรดิที่นั่งดื่มชาอยู่ในห้องตอกกลับเข้าให้ว่า “ธรรมเนียมเยี่ยงนั้นหรือ ? ธรรมเนียมกับผีสิ ! บัดนี้เขาเป็นจักรพรรดิแล้ว คำเอ่ยของเขาถือเป็นที่สุด ตาเฒ่าหัวหงอกเยี่ยงพวกเจ้ามิกลัวว่าคุกเข่าแล้วจะลุกมิขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

อัครมหาเสนาบดีทั้งฝ่ายซ้ายและขวาจึงทูลลาไปอย่างขุ่นเคืองเพราะรู้สึกว่าจนปัญญาจะสื่อสารกับจักรพรรดิพระองค์ก่อนเสียเหลือเกิน ธรรมเนียมนี้มิเคยถูกผู้ใดเปลี่ยนแปลงมาก่อน ทว่าก็มิมีผู้ใดกล้าส่งเสียงคัดค้านออกมาอยู่ดี

“เจ้าต้องโหดร้ายและแข็งกร้าวต่อพวกนี้สักหน่อย มิเช่นนั้นพวกเขาจะขึ้นขี่คอเจ้าเป็นแน่ ! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)