ตอนที่ 849 บทกวีของชายอ้วน
สิ่งที่ทำให้เจี่ยนสุ่ยเอ๋อร์คาดคิดมิถึงก็คือเมื่อนางได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้เว่ยซานเหนียงฟังด้วยความผิดหวัง แต่เว่ยซานเหนียงกลับดีอกดีใจจนเกินคาด
นางได้จัดเตรียมอาหารอย่างพิถีพิถันและส่งซีซานเทียนฉุนไปให้อีกหนึ่งกล่องตามความต้องการของชายอ้วน
“ลูกสาวเอ๋ย ตั๋วเงินนี้เจ้าจงเก็บเอาไว้เถิด เพราะแม้มันจะมีมูลค่าเพียงแค่ 20 ตำลึง แต่ในความเป็นจริงมันมีค่ายิ่งกว่าหมื่นตำลึงเสียอีก ! ”
เจี่ยนสุ่ยเอ๋อร์ผงะ “หมายความว่าชายอ้วนผู้นั้นคือ…”
“เบาเสียงลงหน่อย ! เจ้าเรียกเขาว่าชายอ้วนได้เยี่ยงไร ? อย่าสงสัยไปเลย เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เจ้าไปที่ห้องเทียนหยุนแล้วทำตามที่เมิ่งซีสั่ง มิต้องถามหรือเอ่ยอันใดทั้งสิ้น ! ”
“เจ้าค่ะ…” เจี่ยนสุ่ยเอ๋อร์เดินจากไปด้วยอารามน้อยอกน้อยใจ ส่วนเว่ยซานเหนียงเงยหน้าขึ้นมองอาทิตย์อัสดง
สุริยายามสนธยาเป็นสีแดงราวกับสีของโลหิต ทันใดนั้นก็คล้ายว่านางได้เห็นภาพโลหิตย้อมทะเลสาบสือหลี่เมื่อสิบสามปีก่อน…ชายอ้วน !ในปีนั้นหากมิได้ข้าช่วยพาเจ้ามาซ่อนตัวไว้ เจ้าจะมีวันนี้หรือไม่ ?
ยังจะมีความรักในช่วงวัยกลางคนอยู่อีกหรือ ?
เฮ้อ…หลายปีที่ผ่านมานี้ชายอ้วนก็ได้ตอบแทนบุญคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หอหลิวหยุนแห่งนี้หากมิได้เขาคอยค้ำจุนก็เกรงว่าจะต้องปิดตัวไปเนิ่นนานแล้ว
ช่างเถิด…เดิมทีก็อยากเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นให้เขาดื่มแทนซีซานเทียนฉุนเพราะจะได้หวานกันเสียให้พอ
หากชายอ้วนสามารถล่อลวงฮองเฮาแห่งราชวงศ์หยูได้จริง ก็เท่ากับว่าเขามีความสามารถยอดเยี่ยมมิน้อย
ผู้คนต่างก็เอ่ยว่าอาชาดีเดินหน้าแล้วมิคิดถอยหลัง… จริงสิ ! ชายอ้วนคงมิใช่อาชาดีตามคำเอ่ยนั้นหรอก
เขาเป็นเพียงสัตว์ที่กินมิเลือกก็เท่านั้นเอง !
เว่ยซานเหนียงปล่อยให้ความคิดชั่วร้ายโลดแล่นอยู่ในหัวสมอง
……
……
ณ ห้องเทียนอิน
ฮองเฮาซั่งประทับกันสองต่อสองกับอู๋ต้าหลาง นางจึงรู้สึกมิค่อยเป็นตัวของตัวเองมากนัก เพราะชายอ้วนมีลูกไม้เยอะจนจะรับมือมิไหวอยู่แล้ว
“วันนี้พวกเสี่ยวกวนก็มาที่นี่เช่นกัน เหตุใดเจ้ามิไปร่วมโต๊ะกับพวกเขาเล่า ? ”
ชายอ้วนเปิดขวดสุรา จากนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วเอ่ยว่า “เรื่องของเด็ก ๆ คนรุ่นพ่อแม่เยี่ยงพวกเราอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่า”
ฮองเฮาซั่งกลอกตาใส่ชายอ้วนพลางเอ่ยว่า “ได้ยินว่าเหล่าสนมของเจ้าก็มาถึงโม่โจวเนิ่นนานแล้ว… ทุกวันนี้เจ้ามิได้เป็นจักรพรรดิอีกต่อไปแล้ว เหตุใดถึงมิกลับไปเล่า ? ”
ชายอ้วนรินสุราสองจอก จ้องมองไปยังใบหน้าของฮองเฮาซั่งด้วยสายตารอคอย “รั่วซุ่ยเอ๋ย ห้องสนมข้ามีแล้วก็จริง ทว่าข้ายังขาดเรือนหลักมิใช่หรือ ? ”
พระพักตร์ของฮองเฮาซึ่งขึ้นสีแดงระเรื่อ พระโอษฐ์ก็ก่นด่าเสียงเบา “ช่างหน้ามิอายเสียจริง ! จากสถานะของเจ้าหากเอ่ยว่าต้องการหาเรือนหลัก สตรีมากมายทั้งราชวงศ์อู๋คงวิ่งโร่เข้ามาในอ้อมกอดของเจ้ากันทั้งเมือง”
ชายอ้วนผู้หน้าด้านยิ้มรับอย่างเศร้าสร้อย “รั่วซุ่ย เจ้าลองคิดดูสิ หากหยูไป๋ไป๋มิได้โยนพวกนางให้ข้า ทุกวันนี้ข้าก็อาจจะยังเป็นชายผู้เดียวดายคนหนึ่งเท่านั้น”
สีหน้าของเขาพลันจริงจังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ข้าเป็นคนรักเดียวใจเดียว ! แม้ได้เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ อย่าว่าแต่พวกนางสนมในวังหลังเลย เพราะแม้แต่แมวเพศเมียสักตัวข้าก็ยังมิเลี้ยง เพราะเหตุอันใดน่ะหรือ ? ”
ฮองเฮาซั่งถลึงพระเนตรใส่ชายอ้วนพลางเอ่ยว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าในใจของเจ้ามีเพียงแค่สวี่หยุนชิงเยี่ยงไรเล่า ! ”
“ผิด ! ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ผิด ผิดมหันต์เลยล่ะ ! ”
แล้วอยู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นพลางเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “รั่วซุ่ย นั่นเพราะในใจของข้ามีเพียงเจ้าผู้เดียวต่างหากเล่า ! ”
พระทัยของฮองเฮาซั่งเต้นระรัว พระนางรีบเบนสายพระเนตรหลบทันที “มิต้องเอาคำหวานปานน้ำผึ้งมาหว่านล้อมข้าหรอก หากในตอนนั้นข้าได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ข้าคงเชื่ออย่างสนิทใจ ทว่าบัดนี้…เจ้าอ้วน ! ”
ฮองเฮาซั่งเงยหน้าขึ้นจ้องใบหน้าอ้วนกลม “หัวใจของข้าตายด้านไปเนิ่นนานแล้ว เจ้าอย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เลย ! วันรุ่งขึ้นข้าจะออกจากเมืองกวนหยุนไปยังราชวงศ์หยู ตั้งแต่นี้สืบไป…พวกเราคือคนแปลกหน้าที่มิรู้จักกัน ! ”
ฮองเฮาซั่งเห็นว่าควรรีบออกจากราชวงศ์อู๋โดยเร็วที่สุด เพราะชายอ้วนเย้าแหย่หนักขึ้นทุกวัน หากเปิดโอกาสให้มากจนเกินไปก็เกรงว่า… เกรงว่า…ผลที่ตามมาคงยากที่จะจินตนาการถึง !
ชายอ้วนถอนหายใจออกมาช้า ๆ จากนั้นก็ส่งจอกสุราให้กับนาง “มาเถิด พวกเรามาดื่มรำลึกความหลังกัน ! ”
นางยกจอกสุราขึ้นมา จากนั้นทั้งสองก็ร่วมดื่มฉลองด้วยกัน
ชายอ้วนรินสุราเพิ่มอีกหนึ่งจอก “มา… ดื่มเพื่อคืนวันอันงดงามที่เมืองจินหลิงในครานั้น ! ”
และแล้วทั้งสองก็ดื่มสุราอีกหนึ่งจอก
“มา… พวกเรามาดื่มให้ความรักครานั้นที่ยังติดตรึงอยู่ในใจ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)