นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 849

สรุปบท ตอนที่ 849 บทกวีของชายอ้วน: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 849 บทกวีของชายอ้วน – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 849 บทกวีของชายอ้วน ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 849 บทกวีของชายอ้วน

สิ่งที่ทำให้เจี่ยนสุ่ยเอ๋อร์คาดคิดมิถึงก็คือเมื่อนางได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้เว่ยซานเหนียงฟังด้วยความผิดหวัง แต่เว่ยซานเหนียงกลับดีอกดีใจจนเกินคาด

นางได้จัดเตรียมอาหารอย่างพิถีพิถันและส่งซีซานเทียนฉุนไปให้อีกหนึ่งกล่องตามความต้องการของชายอ้วน

“ลูกสาวเอ๋ย ตั๋วเงินนี้เจ้าจงเก็บเอาไว้เถิด เพราะแม้มันจะมีมูลค่าเพียงแค่ 20 ตำลึง แต่ในความเป็นจริงมันมีค่ายิ่งกว่าหมื่นตำลึงเสียอีก ! ”

เจี่ยนสุ่ยเอ๋อร์ผงะ “หมายความว่าชายอ้วนผู้นั้นคือ…”

“เบาเสียงลงหน่อย ! เจ้าเรียกเขาว่าชายอ้วนได้เยี่ยงไร ? อย่าสงสัยไปเลย เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เจ้าไปที่ห้องเทียนหยุนแล้วทำตามที่เมิ่งซีสั่ง มิต้องถามหรือเอ่ยอันใดทั้งสิ้น ! ”

“เจ้าค่ะ…” เจี่ยนสุ่ยเอ๋อร์เดินจากไปด้วยอารามน้อยอกน้อยใจ ส่วนเว่ยซานเหนียงเงยหน้าขึ้นมองอาทิตย์อัสดง

สุริยายามสนธยาเป็นสีแดงราวกับสีของโลหิต ทันใดนั้นก็คล้ายว่านางได้เห็นภาพโลหิตย้อมทะเลสาบสือหลี่เมื่อสิบสามปีก่อน…ชายอ้วน !ในปีนั้นหากมิได้ข้าช่วยพาเจ้ามาซ่อนตัวไว้ เจ้าจะมีวันนี้หรือไม่ ?

ยังจะมีความรักในช่วงวัยกลางคนอยู่อีกหรือ ?

เฮ้อ…หลายปีที่ผ่านมานี้ชายอ้วนก็ได้ตอบแทนบุญคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หอหลิวหยุนแห่งนี้หากมิได้เขาคอยค้ำจุนก็เกรงว่าจะต้องปิดตัวไปเนิ่นนานแล้ว

ช่างเถิด…เดิมทีก็อยากเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นให้เขาดื่มแทนซีซานเทียนฉุนเพราะจะได้หวานกันเสียให้พอ

หากชายอ้วนสามารถล่อลวงฮองเฮาแห่งราชวงศ์หยูได้จริง ก็เท่ากับว่าเขามีความสามารถยอดเยี่ยมมิน้อย

ผู้คนต่างก็เอ่ยว่าอาชาดีเดินหน้าแล้วมิคิดถอยหลัง… จริงสิ ! ชายอ้วนคงมิใช่อาชาดีตามคำเอ่ยนั้นหรอก

เขาเป็นเพียงสัตว์ที่กินมิเลือกก็เท่านั้นเอง !

เว่ยซานเหนียงปล่อยให้ความคิดชั่วร้ายโลดแล่นอยู่ในหัวสมอง

……

……

ณ ห้องเทียนอิน

ฮองเฮาซั่งประทับกันสองต่อสองกับอู๋ต้าหลาง นางจึงรู้สึกมิค่อยเป็นตัวของตัวเองมากนัก เพราะชายอ้วนมีลูกไม้เยอะจนจะรับมือมิไหวอยู่แล้ว

“วันนี้พวกเสี่ยวกวนก็มาที่นี่เช่นกัน เหตุใดเจ้ามิไปร่วมโต๊ะกับพวกเขาเล่า ? ”

ชายอ้วนเปิดขวดสุรา จากนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วเอ่ยว่า “เรื่องของเด็ก ๆ คนรุ่นพ่อแม่เยี่ยงพวกเราอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่า”

ฮองเฮาซั่งกลอกตาใส่ชายอ้วนพลางเอ่ยว่า “ได้ยินว่าเหล่าสนมของเจ้าก็มาถึงโม่โจวเนิ่นนานแล้ว… ทุกวันนี้เจ้ามิได้เป็นจักรพรรดิอีกต่อไปแล้ว เหตุใดถึงมิกลับไปเล่า ? ”

ชายอ้วนรินสุราสองจอก จ้องมองไปยังใบหน้าของฮองเฮาซั่งด้วยสายตารอคอย “รั่วซุ่ยเอ๋ย ห้องสนมข้ามีแล้วก็จริง ทว่าข้ายังขาดเรือนหลักมิใช่หรือ ? ”

พระพักตร์ของฮองเฮาซึ่งขึ้นสีแดงระเรื่อ พระโอษฐ์ก็ก่นด่าเสียงเบา “ช่างหน้ามิอายเสียจริง ! จากสถานะของเจ้าหากเอ่ยว่าต้องการหาเรือนหลัก สตรีมากมายทั้งราชวงศ์อู๋คงวิ่งโร่เข้ามาในอ้อมกอดของเจ้ากันทั้งเมือง”

ชายอ้วนผู้หน้าด้านยิ้มรับอย่างเศร้าสร้อย “รั่วซุ่ย เจ้าลองคิดดูสิ หากหยูไป๋ไป๋มิได้โยนพวกนางให้ข้า ทุกวันนี้ข้าก็อาจจะยังเป็นชายผู้เดียวดายคนหนึ่งเท่านั้น”

สีหน้าของเขาพลันจริงจังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ข้าเป็นคนรักเดียวใจเดียว ! แม้ได้เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ อย่าว่าแต่พวกนางสนมในวังหลังเลย เพราะแม้แต่แมวเพศเมียสักตัวข้าก็ยังมิเลี้ยง เพราะเหตุอันใดน่ะหรือ ? ”

ฮองเฮาซั่งถลึงพระเนตรใส่ชายอ้วนพลางเอ่ยว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าในใจของเจ้ามีเพียงแค่สวี่หยุนชิงเยี่ยงไรเล่า ! ”

“ผิด ! ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ผิด ผิดมหันต์เลยล่ะ ! ”

แล้วอยู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นพลางเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “รั่วซุ่ย นั่นเพราะในใจของข้ามีเพียงเจ้าผู้เดียวต่างหากเล่า ! ”

พระทัยของฮองเฮาซั่งเต้นระรัว พระนางรีบเบนสายพระเนตรหลบทันที “มิต้องเอาคำหวานปานน้ำผึ้งมาหว่านล้อมข้าหรอก หากในตอนนั้นข้าได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ข้าคงเชื่ออย่างสนิทใจ ทว่าบัดนี้…เจ้าอ้วน ! ”

ฮองเฮาซั่งเงยหน้าขึ้นจ้องใบหน้าอ้วนกลม “หัวใจของข้าตายด้านไปเนิ่นนานแล้ว เจ้าอย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เลย ! วันรุ่งขึ้นข้าจะออกจากเมืองกวนหยุนไปยังราชวงศ์หยู ตั้งแต่นี้สืบไป…พวกเราคือคนแปลกหน้าที่มิรู้จักกัน ! ”

ฮองเฮาซั่งเห็นว่าควรรีบออกจากราชวงศ์อู๋โดยเร็วที่สุด เพราะชายอ้วนเย้าแหย่หนักขึ้นทุกวัน หากเปิดโอกาสให้มากจนเกินไปก็เกรงว่า… เกรงว่า…ผลที่ตามมาคงยากที่จะจินตนาการถึง !

ชายอ้วนถอนหายใจออกมาช้า ๆ จากนั้นก็ส่งจอกสุราให้กับนาง “มาเถิด พวกเรามาดื่มรำลึกความหลังกัน ! ”

นางยกจอกสุราขึ้นมา จากนั้นทั้งสองก็ร่วมดื่มฉลองด้วยกัน

ชายอ้วนรินสุราเพิ่มอีกหนึ่งจอก “มา… ดื่มเพื่อคืนวันอันงดงามที่เมืองจินหลิงในครานั้น ! ”

และแล้วทั้งสองก็ดื่มสุราอีกหนึ่งจอก

“มา… พวกเรามาดื่มให้ความรักครานั้นที่ยังติดตรึงอยู่ในใจ ! ”

ชายอ้วนรินสุราใส่จอก จากนั้นก็ชูไปทางฮองเฮาซั่งที่พระพักตร์ยังคงกระจ่างใสดั่งวันวาน

“ราตรีหยวนเซียวเมื่อปีกลาย โคมสว่างไสวดุจทิวา

จันทราโผล่พ้นยอดหลิว คนรักนัดพบยามสนธยา”

ชายอ้วนเงยหน้ากระดกสุรา ส่วนฮองเฮาซั่งหันขวับไปทันใด

ชายอ้วนยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดปาก จากนั้นก็ขับร้องบทกวีด้วยอารามเศร้าสร้อย

“ราตรีหยวนเซียวในปีนี้ จันทราและโคมไฟยังคงเดิม

มิเหมือนคืนไร้ยอดรักเมื่อปีกลาย น้ำตาหลั่งเปียกปอนอาภรณ์”

เมื่อเสียงขับร้องบทกวีจบลง ชายอ้วนจึงค่อย ๆ หลับตาลง สีหน้าที่ดูเศร้าหมองกลับมีแสงสว่างฉายออกมา !

พระทัยและจิตวิญญาณของฮองเฮาซั่งสั่นระรัว “จันทราโผล่พ้นยอดหลิว คนรักนัดพบยามสนธยา ! มิเหมือนคืนไร้ยอดรักเมื่อปีกลาย น้ำตาหลั่งเปียกปอนอาภรณ์ ! ”

“ต้าหลาง…”

“อืม…”

“นี่…คือเสียงจากหัวใจของเจ้าจริงหรือ ? ”

ชายอ้วนลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาบริสุทธิ์แจ่มใส “เพียงแค่คิดว่าเจ้าจะจากไปในวันรุ่งขึ้น จากไป…ตลอดกาล” เขาคว้าพระหัตถ์ของฮองเฮาซั่งมาจับเอาไว้ จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างเปี่ยมความรู้สึกว่า “รั่วซุ่ย มิไป… มิไปได้หรือไม่ ? ”

ณ ห้วงเวลานั้น พระทัยของฮองเฮาซั่งพลันอ่อนระทวย

ทว่าในขณะเดียวกัน ห้องเทียนหยุนก็ได้มีเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นมา

“จันทราโผล่พ้นยอดหลิว คนรักนัดพบยามสนธยา นี่ช่างไพเราะเสียเหลือเกิน ! ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถมากยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ทันใดนั้นฮองเฮาซั่งก็ราวกับตื่นขึ้นมาจากภวังค์มัวเมา พระนางถลึงพระเนตรใส่ชายอ้วนอย่างดุร้าย “จงเอ่ยมาว่านี่คือบทกวีที่เสี่ยวกวนประพันธ์ใช่หรือไม่ ! ”

“เอ่อ…เจ้าฟังข้าอธิบายก่อนเถิด ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)