นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 861

ตอนที่ 861 รำลึกความหลัง

แสงสุริยาทะลุเมฆาสาดส่องลงมายังเบื้องล่าง จนหมอกในยามเช้าค่อย ๆ เลือนหายไป

นับเป็นคราแรกในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อู๋ที่มีผู้เข้าร่วมการสอบขุนนางมากถึง 180,000 คน และได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่แปดเดือนสิบ

บริเวณลานจัตุรัสของวัดหานหลิง ฟู่เสี่ยวกวนและฝานเทียนหนิงจ้องมองลงไปยังผู้เข้าสอบที่อยู่ด้านล่างเป็นกลุ่มดำทะมึน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านดูสิ มิมีผู้ใดมากความสามารถรอบด้านหรอก หากข้านึกถึงสนามเยี่ยงนี้ได้เร็วกว่านี้ก็คงจะจัดสนามสอบทุกรัฐในเวลาเดียวกันเพื่อมิต้องมาเบียดกันเช่นนี้”

ในดวงตาของฝานเทียนหนิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง !

ประการแรกคือเหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมการสอบจำนวนมากในเวลาเดียวกันอย่างที่มิเคยปรากฏมาก่อน ประการที่สองคือคาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะตัดระบบการแนะนำที่สืบทอดกันมายาวนานนับห้าร้อยปีได้อย่างง่ายดาย ทำให้การเป็นขุนนางต้องผ่านการสอบเท่านั้น !

แคว้นฝานได้ยึดการแนะนำจากตระกูลขุนนางที่ทรงอำนาจเป็นหลัก จักรพรรดิแคว้นฝานองค์ปัจจุบันนี้ก็ทราบถึงเรื่องการทุจริตเป็นอย่างดี จนถึงขั้นเสนอเรื่องดำเนินการปฏิรูปเคอจี่อยู่หลายครั้งหลายครา ทว่าพระบิดาก็ทราบถึงชะตากรรมดี พระองค์จึงยังไร้หนทางขจัดความเลวทรามนั้นได้

เหตุผลที่แท้จริงก็แน่นอนว่าเป็นแรงต้านทานมหาศาลจากในราชสำนัก เพราะนี่คือการหักล้างผลประโยชน์ของตระกูลใหญ่ จนถึงขั้นทำลายรากฐานของพวกเขา !

พวกเขาย่อมต่อต้านอย่างรุนแรง ถึงขั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นภายใน

แล้วราชวงศ์อู๋เล่า ?

กลับมิมีเรื่องเหลวไหลอันใดเกิดขึ้นเลย !

แม้แต่เสด็จพ่อยังตรัสว่าเจ็ดตระกูลใหญ่ของราชวงศ์อู๋ จะทำให้จักรพรรดิเยี่ยงฟู่เสี่ยวกวนต้องดื่มหนึ่งกา จนถึงบัดนี้เขาได้ดื่มอันใดแล้วหรือยัง ?

เขามิได้ลงมือกับเจ็ดตระกูลใหญ่ ด้านเจ็ดตระกูลในตอนนี้ก็ได้อพยพออกไปแล้วถึงสามตระกูล อีกสองตระกูลขึ้นตรงต่อเขาที่นี่และยังมีอีกหนึ่งตระกูลที่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่

สิ่งทอของตระกูลหานเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลซือหม่าและตระกูลหวังรวมไปถึงสิ่งทอที่นำเข้ามาจากราชวงศ์หยู ก็คงมิต่างอันใดกับใบไม้แห้งตายในฤดูใบไม้ร่วงเลยสักนิด คาดว่าจะถูกย่อยสลายจนกลายเป็นฝุ่นผงในอีกมินาน

“ยังจำได้ว่าฤดูใบไม้ผลิเมื่อสองปีที่แล้ว ท่านยังเป็นฟู่เสี่ยวกวนอยู่เลย”

ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองฝานเทียนหนิง “ในตอนนี้ข้าก็คือฟู่เสี่ยวกวน ! ”

“มิใช่ ! ” ฝานเทียนหนิงส่ายหน้าอย่างจริงจัง “ท่านในตอนนี้คือจักรพรรดิเต๋อจง เมื่อฤดูใบไม้ผลิสองปีที่แล้ว พวกเราก็อยู่ที่ลานจัตุรัสนี้เช่นกัน ท่านคว้าชัยชนะของงานชุมนุมวรรณกรรมได้ตลอดทั้งสามวัน ในเวลานั้นข้าชื่นชมความสามารถด้านการประพันธ์ของท่านเป็นอย่างมาก ทว่าในตอนนี้…”

ฝานเทียนหนิงยิ้มเยาะ “แท้จริงแล้วผู้คนในใต้หล้าล้วนถูกท่านหลอกลวงทั้งสิ้น เพราะความชำนาญของท่านมิใช่บทกวีหรือบทความ แต่เป็นด้านการปกครองต่างหากเล่า ! ”

“ขึ้นครองบัลลังก์ยังมิทันครบหนึ่งปีเลยด้วยซ้ำ ! ความเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์อู๋เรียกได้ว่าพัฒนาไปแบบก้าวกระโดด”

“การมาเยือนครานี้ ข้าเลือกเส้นทางห้ารัฐซียู่ของราชวงศ์อู๋พบว่าถนนจากรัฐเหอซีมาถึงเมืองกวนหยุนใกล้แล้วเสร็จ เดิมทีข้าคิดว่าต่อให้ภายหลังถนนหนทางของห้ารัฐซียู่และหกรัฐแห่งเป่ยเซียวสามารถเชื่อมต่อกันได้ ทว่ามันคือรัฐที่รกร้างที่สุดของราชวงศ์อู๋และคงมิเปลี่ยนแปลงอันใดไปมากนัก เพราะสถานที่ทั้งสองแห่งนี้แห้งแล้งจนเกินไป ส่วนท่านมิได้มีบุคคลมากความสามารถให้ใช้งานมากถึงเพียงนั้น”

“ข้าคิดว่าท่านคงให้ความสำคัญต่อเจ็ดรัฐทางใต้ แปดรัฐแห่งหนานชาง หกเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือรวมไปถึงเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนมากกว่า แต่จากที่เห็นในวันนี้ ข้าคิดผิดมหันต์เพราะท่านต้องการให้บังเกิดผลไปทั่วทั้งราชวงศ์อู๋อย่างแท้จริง”

ฝานเทียนหนิงชี้ไปยังบัณฑิตจำนวน 180,000 คนที่อยู่ด้านล่าง ในจำนวนทั้งหมดนี้มีบัณฑิตอายุตั้งแต่สิบห้าจนถึงหกสิบปีเลยทีเดียว

“ท่านให้ความหวังแก่พวกเขา ! ท่านได้จุดประกายความกระตือรือร้นของพวกเขาขึ้นมาอีกครา จากนี้สืบไปงานชุมนุมวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋จะรุ่งเรืองเสียยิ่งกว่าที่จักรพรรดิเหวินจัดขึ้นในครานั้น จะแข็งแกร่งขึ้นอีกมิรู้กี่เท่า”

ฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูกไปมา เขารู้สึกผิดอยู่ในใจยิ่งนัก… ข้ามิได้คิดมากมายถึงเพียงนั้นสักหน่อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)