นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 878

ตอนที่ 878 โจวถงถงมาถึง

ฟู่เสี่ยวกวนพำนักอยู่ที่เรือนของหวางเอ้อ โดยทั่วไปเขามักจะพาต่งชูหลานเดินเที่ยวชมไร่นาและสนทนากับชาวบ้านในหมู่บ้านหวังเจียชุน เขาได้ใช้ชีวิตสงบสุขจนแทบจะลืมเรื่องบ้านเมืองไปแล้วด้วยซ้ำ

หลายวันต่อมาชาวบ้านในหมู่บ้านหวังเจียชุนก็เริ่มคุ้นเคยกับสถานะของเขาบ้างแล้ว มิมีผู้ใดรีบคุกเข่าและเรียกเขาว่าฝ่าบาทอีก แต่เปลี่ยนไปเรียกเขาว่านายน้อยอย่างเป็นธรรมชาติแทน อีกทั้งยังเรียกต่งชูหลานว่าฮูหยินอีกด้วย

ในสายตาของหนิงซือเหยียนรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้เหมือนจะชื่นชอบให้ผู้อื่นเรียกตนเองว่านายน้อยเสียมากกว่า

“นายน้อย เอ่อ ฝ่าบาททรงละทิ้งเรื่องในพระราชสำนักโดยมิดูแลได้ด้วยหรือท่านขันทีเจี่ย ? ”

ขันทีเจี่ยยิ้มแล้วตอบว่า “ในราชสำนักมีขุนนางตั้งมากมาย หากทุกเรื่องต้องให้ฝ่าบาทจัดการด้วยพระองค์เอง…เยี่ยงนั้นจะมีพวกเขาไว้ทำอันใดกันเล่า ? ”

“แต่ถึงเยี่ยงไร…ผืนปฐพีนี้ก็เป็นของพระองค์ ! ดังนั้นจะไว้วางใจคนเหล่านั้นได้หรือขอรับ ? ”

“มีอันใดต้องกังวลกันเล่า ? ฝ่าบาทเคยตรัสว่าราษฎรเปรียบเหมือนสายน้ำ ส่วนจักรพรรดิคือเรือ น้ำสามารถพยุงเรือได้ แต่ก็สามารถทำให้เรือล่มได้เช่นกัน เจ้าลองดูสิ… กระแสน้ำเหล่านี้ช่างเงียบสงบมากยิ่งนัก กระแสน้ำแบบนี้จะทำให้เรือล่มได้เยี่ยงไร ? ”

หนิงซือเหยียนจ้องมองไปยังจักรพรรดิที่ยืนจับยอดมันเทศอยู่กลางแปลงนา อยู่ ๆ เขาก็เหม่อลอยโดยมิทราบสาเหตุ บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนหาได้มีท่าทีเหมือนองค์จักรพรรดิไม่ เขามิได้แตกต่างไปจากเกษตรกรเลยสักนิด

“ชูหลาน ข้าจะบอกเจ้าว่ายอดมันเทศนี้ หากนำไปผัดจะรสชาติดียิ่ง”

ต่งชูหลานหัวเราะพลางหันไปมองสามีที่นั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ “สิ่งนี้…ท่านมิได้บอกว่าให้นำไปเป็นอาหารหมูหรอกหรือ ? ”

“มนุษย์ก็สามารถทานได้เช่นกันนี้ มื้อกลางวันนี้ข้าจะผัดให้เจ้าทานเอง”

“อืม…”

หลายวันมานี้ต่งชูหลานอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก นางรู้สึกราวกับได้หวนไปยังซีซานอีกคราหนึ่ง เหมือนเวลาได้ย้อนกลับไปเมื่อยามที่พวกตนพบกันคราแรก

นางอยู่กินฉันสามีภรรยากับฟู่เสี่ยวกวนมา 3 ปีแล้ว นางรู้สึกถึงแสงสว่างอันเจิดจ้าน่าประหลาดใจและลึกลับที่ส่องประกายออกมาจากร่างของสามี นางมิอาจเข้าใจเขาได้ทุกเรื่อง อีกทั้งยังรู้สึกว่าเขามีความน่าค้นหาอยู่เสมอ !

แววตาที่นางมองไปยังฟู่เสี่ยวกวนบ่งบอกถึงความชื่นชมยกย่อง โชคดีเสียเหลือเกินที่ในตอนนั้นนางเดินทางไปยังภูเขาซีซานแห่งเมืองหลินเจียง

หากมิใช่เพราะนางเดินทางไปยังซีซานและหากมิบังเอิญพบบทกวีที่เขาประพันธ์ขึ้นมาทั้งสองบท บางทีพวกนางอาจจะคลาดกันไปอย่างน่าเสียดาย นางจะได้อยู่ข้างกายเขาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร อีกทั้งยังให้กำเนิดองค์หญิงน้อยอีก 1 พระองค์

โชคชะตาก็เป็นเสียอย่างนี้

เมื่อคราที่นางพบเจอเขา ณ ภูเขาซีซาน นางมิได้รู้สึกหวั่นไหวแต่อย่างใด แม้แต่ยามที่ได้อ่านบทกวีสองบทนั้น ก็ยังมิอาจเอ่ยได้ว่าชื่นชอบในตัวเขาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

ทว่าเมื่อยามที่เขาอยู่บนหอหลินเจียง เขาได้ประพันธ์กวีบทหลินเจียงเซียนถึงสหายชูหลานขึ้นมา นี่จึงทำให้นางเริ่มหวั่นไหว

เมื่อกลับมายังจินหลิง ทั้งสองก็ได้แยกห่างจากกัน ทว่าก็ได้กลับมาติดต่อกันอีกครา เนื่องจากหนังสือความฝันในหอแดง นับแต่นั้นเป็นต้นมาใจของนางดวงนี้ก็ได้มอบให้เขาทั้งใจ

ต่งชูหลานมิเคยคาดคิดมาก่อนว่าฟู่เสี่ยวกวนจะกลายมาเป็นองค์จักรพรรดิเฉกเช่นทุกวันนี้ เดิมทีนางคิดว่าหากฟู่เสี่ยวกวนได้ขึ้นครองบัลลังก์ พวกนางทั้งสองคนคงห่างเหินกันมากขึ้น

เนื่องจากเขาจะงานยุ่งและคงมิมีเวลาคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้

ตั้งแต่นางเดินทางออกมาจากเมืองจินหลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เดินทางมายังหมู่บ้านหวังเจียชุน นางก็รู้สึกได้ว่าตนเองเข้าใจสามีผิดไปเพราะในใจของเขายังคงมีนางและคนอื่น ๆ อยู่เสมอ

เฉกเช่นในยามนี้ เขาดูมิเหมือนองค์จักรพรรดิเลยสักนิด เอ่ยได้ว่าเหมือนพ่อค้าที่ดินแห่งเมืองหลินเจียงเสียมากกว่า

นางหวังว่าจะมีความสุขกับชีวิตเยี่ยงนี้ตลอดไป

แต่ก็มิอาจเป็นไปได้อย่างแท้จริง และเรื่องนี้ต่งชูหลานก็เข้าใจอย่างสุดซึ้ง

เป็นจริงดังที่เอ่ย เพราะว่าทันใดนั้นขันทีเจี่ยก็ได้พาโจวถงถงเดินเข้ามายังด้านข้างของทั้งสองคน

“ถวายพระพรฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นมองโจวถงถง จากนั้นก็นำยอดมันเทศใส่ไว้ในตะกร้า “เจ้าจงเดินทางไปยังลุ่มแม่น้ำต้าหลิงด้วยตนเอง จากนั้นให้ตรวจสอบขุนนางที่อู่หยวนโจวตั้งแต่จือโจวลงไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกระดับ”

โจวถงถงชะงักทันใด ฟู่เสี่ยวกวนเดินตรงไปยังบ่อน้ำ จากนั้นก็กวักน้ำขึ้นมาล้างไม้ล้างมือ “จงไปตรวจสอบให้ละเอียด เพราะราษฎรกว่าหนึ่งล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย ชีวิตที่สูญเสียไปกว่าสามแสนคนนั้นการลงโทษประหารชีวิตขุนนางสามสิบกว่าคนยังมิเพียงพอ จะต้องตัดศีรษะขุนนางที่ทำการทุจริตเอารัดเอาเปรียบมาประจานให้จงได้ ! ”

เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ต่งชูหลานมอบให้มาเช็ดมือจนแห้ง “เขื่อนอู่หยวนโจวที่ถูกสร้างขึ้นใหม่มีการทุจริตมิน้อย ข้ากังวลว่าหากพบพายุฝนอีกก็เกรงว่าจะสูญเสียเพิ่มอีก”

เขาจ้องมองไปยังโจวถงถง จากนั้นก็หรี่ตาลงช้า ๆ บัดนี้แววตาของเขามิหลงเหลือท่าทีของชายหนุ่มชาวนาแล้ว มันได้แปรเปลี่ยนเป็นแววตาแหลมคมของเพชฌฆาต แม้จะเป็นเพียงชาวยุทธ์ฝีมือระดับสามแต่ก็สามารถทำให้โจวถงถงซึ่งเป็นถึงปรมาจารย์สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นยะเยือกจนเข้ากระดูกดำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)