นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 917

ตอนที่ 917 เตรียมความพร้อม

ณ ห้องทรงพระอักษรแห่งวังหลวงแคว้นอี๋

เยียนหานยวี่นั่งเผชิญหน้ากับอัครมหาเสนาบดีเปียนมู่หยูและแม่ทัพใหญ่เฟิงเสียนชู

“…ในราชวงศ์อู๋จะหลงเหลือทหารเพียงแค่ 250,000 นายเท่านั้น ด้านกองทัพสวรรค์ฆาตของหยูเวิ่นเต้ามีจำนวนราว 300,000 นายและมีทหารจากกองทัพชายแดนทั้งสี่ด้านอีกราว 1,000,000 นาย ส่วนข้ามีกองทัพอาฆาตอยู่ในมืออีก 100,000 นาย”

“ดูเหมือนว่าฟู่เสี่ยวกวนจะยังมิทราบถึงแผนการนี้ ด้านทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งของชื่อเล่อชวนยังคงประจำการอยู่นอกเมืองยวี่ซิ่ว นอกจากฝึกฝนไปวัน ๆ ก็ยังมิเห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ …ชื่อเล่อชวนบัดนี้ต้องเผชิญกับสถานการณ์หิมะตกหนักปกคลุมทั่วทั้งผืนปฐพี กอปรกับที่ฟู่เสี่ยวกวนออกทะเลไปแล้ว หากราชวงศ์อู๋ต้องการเคลื่อนพลกองทัพที่หนึ่งอย่างเร่งด่วนก็ย่อมมิทันการอยู่ดี”

“ข้าคิดว่าแผนการนี้ใช้ได้เลยทีเดียว ทุกวันนี้ข้าต้องฝืนกล้ำกลืนความอัปยศอดสู ก็มิใช่เพราะรอโอกาสนี้อยู่หรอกหรือ ? ดังนั้นลองแสดงความคิดเห็นของพวกท่านมาเถิด”

แน่นอนว่าเปียนมู่หยูย่อมอยากให้ฟู่เสี่ยวกวนตายอยู่แล้ว !

แต่ดูเหมือนว่ากลยุทธ์สงครามครานี้จะมิสามารถสังหารฟู่เสี่ยวกวนได้

แม้ว่าจะสังหารฟู่เสี่ยวกวนมิได้ แต่หากแผนการทำสงครามครานี้สำเร็จ แคว้นอี๋ก็จะสามารถยึดเอาทั้งหกรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้กลับคืนมาได้ และยังสามารถเข้าไปปล้นทรัพย์สินเงินทองมากมายในราชวงศ์อู๋ได้อีกด้วย

เมื่อฟู่เสี่ยวกวนกลับมาจากการออกทะเล…ก็เกรงว่าเมืองกวนหยุนจะเปลี่ยนคนปกครองใหม่เสียแล้ว

ดังนั้นสงครามครานี้แม้ต้องกรีดเลือดกรีดเนื้อก็ต้องลุกขึ้นสู้ !

หากมิลุกขึ้นสู้ แคว้นอี๋อาจจะล้มละลายด้วยมือตนเองไปเลยก็ได้

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่ากลยุทธ์สงครามครานี้ ตามแผนแล้วราชวงศ์หยูจะเป็นกำลังหลัก ส่วนแคว้นอี๋ของเรามีหน้าที่คือต้องผ่านด่านยินซานเพื่อไปยังเมืองกวนหยุนให้ได้ บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้ยกเลิกกองทัพทหารรักษาการณ์ทั้งหมดแล้ว เมื่อราชวงศ์หยูสามารถผ่านทางเดินฉีซานแล้วไปถึงที่ราบฮวาจ้งได้แล้ว ย่อมดึงดูดทหารดาบเทวะกองทัพที่สองและสามของราชวงศ์อู๋อย่างหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“การป้องกันของเมืองกวนหยุนนั้น ฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งก่อตั้งองครักษ์หลวงจำนวน 10,000 นายขึ้นมา เรื่องนี้มิน่าเป็นห่วงเพราะกองทัพอาฆาต 100,000 นายของพวกเราย่อมจัดการได้ในคราเดียว… แต่ปัญหาเดียวที่พบในบัดนี้คือเสบียงของกองทัพ 100,000 นายมิเพียงพอพ่ะย่ะค่ะ ! ”

สำหรับการสู้รบในครานี้ ราชวงศ์หยูลงทุนเป็นอย่างมาก หยูเวิ่นเต้ามอบปืนคาบศิลา 100,000 กระบอกพร้อมกับกระสุนปืนให้แคว้นอี๋โดยมิเรียกค่าตอบแทน นี่คือจุดที่เยียนหานยวี่มั่นใจมากยิ่งนัก

ในอดีตทหารดาบเทวะของฟู่เสี่ยวกวนถือปืน ส่วนทหารของข้าถือดาบ พวกมันยิงมาทีละนัด กองทหารของข้ายังบุกมิถึงตัวก็ตกตายไปแล้วเกือบครึ่ง แบบนั้นจะไปสู้ได้เยี่ยงไร ?

ในยามที่ทุกแคว้นถือปืน แคว้นอี๋ของข้ากลับต่อสู้ด้วยมือเปล่า บัดนี้เมื่อมีปืนเหมือนกันแล้วยังต้องกลัวอันใดอีกกัน ?

“เรื่องเสบียงอาหาร…ให้ไปนำมาจากราษฎร บอกพวกเขาว่าปีหน้า ปีหน้าทุกอย่างคงจะดีขึ้น”

จะทำเยี่ยงไรได้อีกเล่า ?

บาปนี้ก็โยนให้ฟู่เสี่ยวกวนแบกรับไว้ก็แล้วกัน ! ปลุกปั่นราษฎรให้เกลียดชังราชวงศ์อู๋และฟู่เสี่ยวกวนมากยิ่งขึ้น

บอกพวกเขาว่าเรื่องนี้มิใช่สิ่งที่จักรพรรดิปรารถนาให้เกิดขึ้นเลย ทว่าฟู่เสี่ยวกวนนั้นแสนโลภมากมิรู้จักพอ จักรพรรดิเองก็โดนราชวงศ์อู๋บีบบังคับมาเช่นกัน เพียงเท่านี้ก็ได้แล้ว

“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

คิ้วของเฟิงเสียนชูเหยียดตรงอยู่ตลอดเวลา แสดงถึงความมั่นใจที่เปี่ยมล้น

บัดนี้เขามีกองทัพอาฆาตที่มีประสิทธิภาพเทียบได้กับกองทัพดาบเทวะไว้ในครอบครอง ทว่าภาพเหตุการณ์การสู้รบระหว่างทหารดาบเทวะและกองทัพของแคว้นฮวงยังคงฉายชัดอยู่ในใจของเขามิเคยจางหายไปเลยสักวัน

เพลงกองทัพนั้นดังกังวาน จิตวิญญาณการต่อสู้ที่น่าเกรงขามและดวงวิญญาณของทหารที่ปราชัย…

สิ่งสำคัญของกองทัพคือจิตวิญญาณของนักสู้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)