นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 936

สรุปบท ตอนที่ 936 โหมกลิ้งซัดสาด: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 936 โหมกลิ้งซัดสาด – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 936 โหมกลิ้งซัดสาด ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 936 โหมกลิ้งซัดสาด

รัชสมัยเทียนเต๋อปีที่สาม วันที่หนึ่ง เดือนสอง

วันนี้มีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างเกิดขึ้นทั่วหล้า

ผืนปฐพีของแคว้นหลิวถูกยึดไปเกือบครึ่งจากผู้บุกรุกอีกฟากฝั่งของทะเล เมื่อผู้บุกรุกเข้าใกล้เมืองหลวงหลินซี บรรดาราชวงศ์ของแคว้นหลิวก็ได้ละทิ้งเมืองแล้วอพยพไปยังเมืองจิงซาน

ฟู่เสี่ยวกวนจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ขึ้นเรือรบที่ท่าเรือเจียงเฉิง เรือรบ 6 ลำพร้อมกองนาวิกโยธิน 50,000 นายแล่นออกจากท่าเรือและมุ่งหน้าไปยังปากแม่น้ำแยงซี

ยิงฮวาองค์หญิงแห่งแคว้นหลิวยืนมองเรือที่ค่อย ๆ เคลื่อนห่างออกไปจากท่าเรือ นางร้องไห้ซาบซึ้งใจในสัจจะของฟู่เสี่ยวกวน โดยนางยังมิรู้ว่าแคว้นหลิวได้สูญเสียเอกราชแล้ว และเรือรบของฟู่เสี่ยวกวนมิได้ไปปรากฏในน่านน้ำของแคว้นหลิวแต่อย่างใด

ในวันนี้เยียนหานยวี่เดินทางไปถึงว่อเฟิงเต้าแล้ว ทว่ามิได้บังเกิดการประชุมไตรภาคีตามที่กำหนดแต่อย่างใด ยามที่เขากำลังเดือดดาลอยู่นั้นก็ได้รับจดหมายจากหยูเวิ่นเต้าหนึ่งฉบับ

หลังจากอ่านจดหมายฉบับนี้เสร็จแล้ว เขาก็รีบกลับไปยังแคว้นอี๋ทันที

ในวันนี้ จัวตงหลายเดินทางไปยังรัฐลู่ฉีแห่งชื่อเล่อชวนจนตามหาชนเผ่าหวานเหยียนพบ หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับเผิงยวี๋เยี่ยนหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันเสร็จแล้ว เขาก็ได้ยื่นจดหมายหนึ่งฉบับจากฟู่เสี่ยวกวนให้กับนาง

จากนั้นเผิงยวี๋เยี่ยนก็ถือดาบยักษ์แล้วควบอาชาออกไปจากชนเผ่าหวานเหยียนอย่างรวดเร็วโดยทิ้งบุตรทั้งสามคนเอาไว้ที่ชนเผ่านี้ นางรีบมุ่งหน้าไปยังราชวงศ์หยูท่ามกลางหิมะ

บัดนี้จินหลิงกำลังเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิในเดือนสอง

หทัยของหยูซูหรงเยือกเย็นยิ่งกว่าอากาศในฤดูใบไม้ผลิเสียอีก

ซั่งรั่วซุ่ยหายตัวไป !

ราชองครักษ์หลวงอีกทั้งทหารรักษาเมืองทั้งฝ่ายเหนือและใต้รวมกำลังตามหาตัวนางทั่วทั้งเมืองจินหลิงไปแล้ว 3 รอบ ทว่ามิพบเบาะแสใดเลย

นางไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ?

คนทั้งคนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยและไร้เหตุผลได้เยี่ยงไร

ทว่าก็ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้หยูซูหรงปวดศีรษะยิ่งกว่าเรื่องการหายตัวไปของซั่งรุ่ยซุ่ย…ซึ่งนั่นก็คือในช่วงเวลาเพียงเดือนกว่า หุ้นหลักทั้งสามของธนาคารซื่อทงก็เกิดการผันผวนอย่างรวดเร็ว !

บางทีหุ้นเหล่านี้ก็ค่อย ๆ ราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาซื้อหุ้น บางคราก็ค่อย ๆ ลดลงอย่างเงียบ ๆ ทว่าผู้คนมิได้สนใจเท่าใดนักเนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องปกติ

จนกระทั่งเมื่อห้าวันก่อน ฉางหยูหลงจู๊แห่งธนาคารซื่อทงมายืนอยู่เบื้องหน้าของนางด้วยใบหน้าซีดเซียว นางเพิ่งทราบว่าหุ้นหลักทั้งสามนั้นร่วงลงมา ทั้งยังต่ำกว่าราคาที่ออกขาย บัดนี้…เหลือเพียง 10 อีแปะเท่านั้น !

เงิน 50 ล้านตำลึงที่ทุกคนลงทุนจึงกลายเป็นสูญเปล่า ส่งผลให้ราษฎรโกรธแค้นธนาคารซื่อทงเป็นอย่างมาก

นี่เป็นฝีมือของผู้ใด ?

บัดนี้หยูซูหรงมิมีเวลาไปคิดว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำหรอก เพราะหุ้นทั้งสามตัวกำลังทำให้ราษฎรหลายแสนคนเดือดร้อน !

ฮ่องเต้มิได้อยู่ในวังหลวง องค์พระเจ้าหลวงและไทเฮาซั่งก็มิได้อยู่ในวังเช่นกัน

ในพระราชวังจึงมีเพียงฮองเฮาเยี่ยนชิงอีเพียงอยู่ผู้เดียว… นางจะคลอดในอีกสองหรือสามเดือนนี้แล้ว มิอาจทนต่อแรงกระตุ้นเหล่านี้ได้

องค์หญิงใหญ่จึงจำใจเรียกตัวจัวหลิวหวินและฉางฮวนเข้าพบ

“กระหม่อมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการปราบปรามราษฎรให้สงบ ! ราษฎรหลายแสนคนและฝ่าบาทก็มิได้ประทับอยู่ในวังหลวง หากราษฎรเหล่านี้ก่อความวุ่นวายเฉกเช่นเดียวกันกับแคว้นอี๋ขึ้นมา…ผลที่ตามมาจะเลวร้ายจนคาดมิถึงเลยพ่ะย่ะค่ะ ! ”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ จัวหลิวหวินก็ได้วางแผนรับมืออย่างรวดเร็ว ส่วนฉางฮวนส่ายหน้าไปมา “ในตลาดหุ้นได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่ามีความเสี่ยงมิใช่หรือ ? ในเมื่อพวกเขาซื้อมันแล้วก็ต้องยอมรับความเสี่ยงนี้ นอกจากนี้…ใต้เท้าจัว กรมคลังจะไปหาเงิน 50 ล้านตำลึงจากที่ใด เพื่อมาซื้อหุ้นเหล่านี้คืนเล่า ? ”

“หัวหน้าตระกูลใหญ่ทั้งสามกลับเมืองหลวงแล้ว กระหม่อมคิดว่าจะเชิญหัวหน้าตระกูลทั้งสามในนามขององค์หญิงใหญ่เข้าวัง จากนั้นก็ให้พวกเขาซื้อหุ้นของตนเองกลับคืนพ่ะย่ะค่ะ ! ”

แววตาของหยูซูหรงเปล่งประกาย นางมิสังเกตเห็นสีหน้ากลืนมิเข้าคายมิออกของฉางฮวนเลยสักนิด “เรื่องนี้ก็จัดการตามนี้เถิด ใต้เท้าจัว ท่านให้คนนำเทียบเชิญของข้าไปเชิญหัวหน้าตระกูลใหญ่ทั้งสามเข้าวัง ข้าจะลองเจรจากับพวกเขาดู”

“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ทั้งสองออกจากตำหนักขององค์หญิงใหญ่ ฉางฮวนบังเกิดความลังเลอยู่ครู่ใหญ่ จึงดึงตัวจัวหลิวหวินเอาไว้

“ท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าตระกูลใหญ่ทั้งสามทุ่มเงิน 40 ล้านตำลึงเพื่อสนับสนุนฝ่าบาทในการทำสงครามคราใหญ่นี้ หรือท่านคิดว่าพวกเขายังสามารถออกเงิน 50 ล้านตำลึงได้อีกกัน ? พวกเขายังต้องใช้เงินในการดำเนินธุรกิจอีกมากมิใช่หรือ ? หรือท่านจะบอกว่าเกลือมิต้องผลิตแล้ว ? เหล็กก็มิต้องหลอมแล้ว ? เรือก็มิต้องสร้างแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ใต้เท้าจัว ท่านคิดอันใดอยู่กันแน่ ? ”

จัวหลิวหวินมองไปยังฉางฮวน “เช่นนั้นข้าขอย้อนถามใต้เท้าฉางว่ากรมคลังของท่านสามารถทำให้เงิน 50 ล้านตำลึงนี้งอกขึ้นมาได้หรือไม่ ? ”

“หากผลิตออกมามิได้…”

ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ ขันทีน้อยผู้หนึ่งก็วิ่งเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “เรียนใต้เท้าจัว ราษฎรกำลังก่อความวุ่นวายที่ธนาคารซื่อทงขอรับ ! ”

จัวหลิวหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องมองไปยังฉางฮวนอีกครา “ใต้เท้าฉางส่งคนไปปราบปรามราษฎรที่ก่อจลาจลได้หรือไม่ ? ”

“หลังจากนี้อีกสามวัน โปรดนำหนังสือซื้อขายหุ้นมายังที่ว่าการเมืองจินหลิง เพื่อแลกเปลี่ยนหุ้นเป็นเงินในราคาเดิมตามที่ระบุเอาไว้ในหนังสือสัญญาซื้อขาย บัดนี้จงถอยกลับไปให้หมด ! ”

“เหตุใดข้าต้องเชื่อเจ้าด้วยเล่า ? ”

“เพราะข้าคือลูกน้องของฟู่เสี่ยวกวน ! ”

ส่งผลให้สถานการณ์เงียบงันขึ้นมาทันใด

จัวหลิวหวินก็อยู่ในสถานการณ์เงียบงันเช่นกัน เพราะภายในใจรู้สึกตื่นตกใจมากยิ่งนัก เขามิรู้ว่าวิธีการเยี่ยงนี้จะสามารถควบคุมผู้ก่อจลาจลเหล่านี้ได้หรือไม่

หากควบคุมมิได้ เขาจะถูกกระแสน้ำนี้ฉีกออกเป็นชิ้น ๆ

เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ฝูงชนกระซิบกระซาบกันอยู่เนิ่นนาน ประโยคที่เขาเอ่ยออกมานี้กำลังแพร่กระจายปากต่อปากไปเรื่อย ๆ

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จินฮ่าวจือก็ได้มาที่ถนนสายยาวพร้อมกับทหารรักษาการณ์จากเหนือและใต้ จังหวะนั้นก็บังเอิญได้ยินประโยคที่ว่า “พวกเราเชื่อในตัวของเจิ้นกั๋วกง หากเจ้าใช้ชื่อเสียงของเจิ้นกั๋วกงแล้วมิดำเนินการให้เป็นจริงดั่งคำมั่นสัญญา…พวกเราจะทำให้เมืองจินหลิงแห่งนี้เกิดความวุ่นวายชนิดพลิกฟ้าพลิกดินอย่างแน่นอน ! ”

ช่างเป็นผู้นำที่บังอาจมากยิ่งนัก !

แต่แล้วจินฮ่าวจือก็ได้เห็นคลื่นมนุษย์พากันหลั่งไหลออกไป

จัวหลิวหวินสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็หันไปมองจินฮ่าวจือแล้วเอ่ยว่า

“ใต้เท้าจิน สามวันหลังจากนี้พวกเขาจะนำหนังสือซื้อขายหุ้นไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินยังที่ว่าการของท่าน เมื่อถึงเวลานั้น…ขอให้ใต้เท้าจินรักษาความสงบให้เรียบร้อยด้วย”

จินฮ่าวจือตกตะลึงขึ้นมาทันใด เขาทำความเคารพแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ใต้เท้าจัว ท่านเป็น…คนของเจิ้นกั๋วกงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ ? ข้าขอตัว ! ”

จินฮ่าวจือเกาศีรษะพลางมองตามแผ่นหลังของจัวหลิวหวินที่เดินจากไป เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ ?

ก็เรื่องนี้สำคัญมากเยี่ยงไรเล่า !

“พวกเจ้าทุกคน…ออกตามหาองค์ไทเฮาต่อไป ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)