ตอนที่ 943 พึ่งพา
เฟ่ยอันนำกองทัพ 300,000 นายเดินทางออกจากทางเดินฉีซานมาถึงที่ราบฮวาจ้งแล้ว
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเพราะสิ่งที่เห็นคือซากศพนอนเกลื่อนกลาด คาดมิถึงว่าจะมองมิเห็นดอกไม้แม้แต่ดอกเดียว !
ศพเหล่านี้ล้วนเป็นทหารกองทัพชายแดนใต้ !
ร่างของพวกเขานอนแผ่ตั้งแต่ปลายที่ราบฮวาจ้งยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา
จุดสิ้นสุดของแนวสายตา ปรากฏธงใหญ่หนึ่งผืนซึ่งถูกปักเอาไว้สูงพอควร
ธงใหญ่โบกสะบัดท่ามกลางพายุฝน เมื่อยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมา เขาจึงเห็นลายนกอินทรีและดาบบนธงผืนใหญ่ได้อย่างชัดเจน
ทิศทางที่นกอินทรีบินขึ้นไป ก็คือทิศทางที่ดาบเทวะชี้ไป !
เบื้องล่างของธงกองทัพผืนนี้ มีทหารดาบเทวะกองทัพที่สี่ยืนตระหง่านอยู่ !
เสื้อเกราะที่พวกเขาสวมใส่ถูกสายฝนฤดูใบไม้ผลิชำระล้างคราบโลหิตจนสะอาด พวกเขายืนนิ่งมิไหวติงอยู่ภายใต้ธงกองทัพ เมื่อมองดูแล้วราวกับรูปปั้นก็มิปาน
กองทัพชายแดนใต้ 300,000 นายถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก… เยี่ยงนั้นศัตรูตายไปเท่าใดกัน ?
มือที่ยกกล้องส่องทางไกลของเขาสั่นเทาขึ้นมาทันใด สายตาที่มองไปอีกฟากถูกดึงกลับมายังปลายเท้าของตนเอง ศพของศัตรูที่สวมชุดเกราะสีเงิน… ราวกับมีเพียงหลักหมื่นเท่านั้น
100,000 ต่อ 300,000 ใช้ทหาร 100,000 นายกวาดล้างทหาร 300,000 นายจนสิ้นซาก โดยที่พวกนั้นสูญเสียกำลังพลไปเพียง 10,000 กว่านายเท่านั้น มารดามันเถิด นี่คือกองทัพแบบใดกัน ?
มิใช่เอ่ยกันว่าทหารดาบเทวะกองทัพที่สี่ยังมิสำเร็จการฝึกฝนหรอกหรือ ?
เหตุใดพวกเขาถึงมีกำลังรบที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้กัน ?
หยูชุนชิวอยู่ที่ใด ?
หรือเขาเองก็สิ้นชีพในสนามรบแล้วเช่นกัน ?
เฟ่ยอันรู้สึกเศร้าโศกขึ้นมาทันใด เขาหลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินออกมาเป็นทางยาว
จากนั้นก็ชักดาบออกมาแล้วตะโกนเสียงดังกัมปนาทว่า “กองทัพสวรรค์ฆาต จงตามข้าไปสังหารศัตรู เพื่อแก้แค้นให้กับพี่น้องของเรา… ! ”
เสียงเกือกม้าดังขึ้นอีกครา กองทัพสวรรค์ฆาต 300,000 นายส่งเสียงดังกึกก้อง เหยียบย่ำศพของพวกพ้องแล้วทะยานไปเบื้องหน้าราวกับพายุคลั่ง
นี่คือกองทหารที่เฉียบขาดทัพหนึ่ง
พวกเขาได้รับการหล่อหลอมมาจากองค์ฮ่องเต้
พวกเขาจึงมีจิตวิญญาณของนักสู้สูงส่งมากยิ่งนัก ทั้งยังมีจิตวิญญาณของการต่อสู้ชนิดมิกลัวตายอีกด้วย !
เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะใช้ทหารดาบเทวะเพื่อฝึกมือ บัดนี้เมื่อต้องเข้าปะทะกับทหารดาบเทวะที่กล่าวขานกันว่าเป็นกองทัพไร้พ่าย… เยี่ยงนั้นก็มาดูกันว่าปืนของผู้ใดจะเร็วกว่า ดาบของผู้ใดเฉียบคมกว่า ลำคอของผู้ใดจะแข็งกว่าและโชคชะตาของผู้ใด…จะยิ่งใหญ่กว่ากัน !
ทันใดนั้น ราวกับสายลมพัดทลายเมฆาในชั่วพริบตา ราวกับเขื่อนกั้นแม่น้ำแยงซีพังทลายจนสายน้ำไหลทะลัก
หนึ่งมือของพวกเขาถือปืนอีกหนึ่งมือถือดาบ ราวกับฝ่าทะลุฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนมา เพื่อพัดพาลมฤดูใบไม้ร่วงและหิมะในฤดูหนาวให้ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
เว่ยอู๋ปิ้งอยู่บนหลังอาชา เขามองไปยังแนวหลังของทัพศัตรูที่กำลังมุ่งโจมตีเข้ามา จากนั้นก็บ่นรำพึงรำพันออกมาว่า “เจ้าลูกสุนัขเฮ้อซานเตา เหตุใดเจ้ายังมิออกมาอีก ? ”
“จงถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป…บุกจู่โจมทั้งกองทัพ ! ”
นี่คือยอดทหารของราชวงศ์หยู สำหรับคู่มือเยี่ยงนี้เว่ยอู๋ปิ้งย่อมให้ความเคารพอย่างเต็มที่
ธงใหญ่โบกสะบัดตามสายลม ดาบเทวะที่ดุดันบนธงผืนนั้นราวกับจะหลุดออกมาจากฝัก อินทรีตัวนั้นราวกับจะโผทะยานขึ้นท้องนภาได้จริงก็มิปาน
“ทั้งกองทัพจงยิงตามลำดับ หลังจากที่ยิงได้ 1 รอบ… จงชักดาบขึ้นมา ! ”
เสียงปืนคาบศิลาจึงดังขึ้นอีกครา
ท่ามกลางเสียงปืนนี้ เฟ่ยอันที่อยู่ใจกลางกองทัพก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นทันพลัน หลังจากมองผ่านกล้องส่องทางไกลก็จะเห็นฉากที่หยูชุนชิวเคยเห็นมาก่อน ทว่าน่าเสียดายที่หยูชุนชิวมิมีโอกาสได้นำข่าวใหญ่หลวงเยี่ยงนี้มาแจ้งให้แก่เขาก่อน
ทหารม้าที่อยู่ด้านหน้าสุดทยอยร่วงหล่นลงมา ส่วนเกราะเงินของฝ่ายตรงข้ามยังมั่นคงดุจขุนเขา
หลังจากที่ยิงกันได้ 3 รอบก็เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะล้มลงเพียงหนึ่งร้อยกว่านายเท่านั้น ทว่าฝ่ายของตน… ฝ่ายของตนมีจำนวนอย่างน้อยหลายพันนายที่ตกตายด้วยปืนของฝ่ายตรงข้าม
“นี่มันเรื่องอันใดกัน ? ”
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ดูเหมือนว่าลูกกระสุนของกองทัพสวรรค์ฆาตจะยิงมิทะลุเกราะของฝ่ายตรงข้ามขอรับ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)